Рет қаралды 21,088
#Strawberry #ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในกระถาง #วิธีปลูกและดูแลสตรอว์เบอร์รี่
ฤดูกาลปลูก
เริ่มปลูกในช่วงเดือนปลายสิงหาคม ถึง ปลายตุลาคม
เริ่มเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงช่วงเดือนเมษายนของปีถัดไป
แหล่งปลูกที่สำคัญในประเทศไทย
อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
ปราจีนบุรี ไม้เค็ด บ้านม่อน
เชียงใหม่ ฝาง แม่ริม สะเมิง จอมทอง (บนดอยอินทนนท์) และพื้นที่รอบ ๆ ตัวเมือง
เชียงราย พื้นที่หลักในการผลิตสตรอเบอรี่อยู่ที่อำเภอแม่สาย และอาจมีกระจายบ้างอยู่ทั่วไป ๆ บริเวณใกล้เคียง ผลผลิต ส่วนใหญ่ประมาณ 60%
สตรอเบอรี่ยังถูกปลูกกันโดยทั่วไปบนที่สูงในหลายจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ทางตะวันตก เช่น เทือกเขาในอำเภอทองผาภูมิและอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น
#Strawberry #ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในกระถาง #วิธีปลูกและดูแลสตรอว์เบอร์รี่
ฤดูกาลปลูก
เริ่มปลูกในช่วงเดือนปลายสิงหาคม ถึง ปลายตุลาคม
เริ่มเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงช่วงเดือนเมษายนของปีถัดไป
สารอาหาร
สตรอว์เบอร์รีวิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี
มีกรดโฟลิก (Folic acid)
มีเส้นใยอาหาร (Fiber)
การใส่ปุ๋ยเคมี หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 20 วัน ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-24 ในปริมาณ 1 ช้อนแกง/ต้น และต่อจากนั้นไปอีก 10 วัน ให้ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ใส่ในปริมาณ 1 ช้อนแกง/ต้น โดยแบ่งใส่ 4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 7 - 10 วัน โดยวิธีโรยระหว่างแถว ถ้าเป็นปุ๋ยหมักมูลเป็ดปุ๋ยมูลค้างคาว ใช้อัตรา 1 ช้อนโต๊ะต่อต้น
การให้น้ำ ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูกควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง ต้นสมบูรณ์แข็งแรงควรให้น้ำวันละครั้ง โดยรดให้ชุ่มดินมีความชื้น
การป้องกันกำจัดแมลงพาหะของเชื้อไวรัส
* ใช้สารสกัดสะเดา ฉีดพ่นเพื่อขับไล่และยับยั้งการกินอาหาร การเจริญเติบโตของแมลง ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ
* ใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลือง วิธีการนี้สามารถดักจับตัวเต็มวัยของแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ ผีเสื้อต่างๆที่เป็นตัวแก่ของศัตรูพืช ทำให้ลดปริมาณศัตรูพืชลงได้
พันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทย
พันธุ์พระราชทาน 16
พันธุ์พระราชทาน 20
พันธุ์พระราชทาน 50 (เป็นพันธุ์ที่มูลนิธิโครงการหลวงส่งเสริมให้ปลูก) เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมในประเทศสหรัฐอเมริกา และนำเข้ามาคัดเลือกโดยการผสมตัวเองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 เจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดีในสภาพอากาศเย็นปานกลาง ทรงพุ่มปานกลางถึงค่อนข้างแน่น ผลผลิตมีคุณภาพดีโดยเฉพาะใกล้สุกเต็มที่ น้ำหนักต่อผล 12 -18 กรัม รูปร่างเป็นลิ่มสีแดงถึงสีแดงเข้มค่อนข้างแข็ง ไม่ต้านทานต่อไร แต่ต้านทานราแป้งได้ดี
พันธุ์พระราชทาน 70 (เป็นพันธุ์ที่มูลนิธิโครงการหลวงส่งเสริมให้ปลูก) เป็นสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่น ใบมีลักษณะกลมใหญ่ และสีเขียวเข้มไม่ทนต่อราแป้ง แต่ทนต่อโรคเหี่ยว ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง น้ำหนักต่อผล 11.5 - 13.0 กรัม ผลมีลักษณะทรงกลมหรือทรงกรวย สีแดงสดใสแต่ไม่สม่ำเสมอ เนื้อและผลค่อนข้างแข็ง มีกลิ่นหอม มีความฉ่ำและรสชาติหวาน เปอร์เซ็นต์ความหวาน 9.6° Brix
พันธุ์พระราชทาน 72 (เป็นพันธุ์ที่มูลนิธิโครงการหลวงส่งเสริมให้ปลูก) เป็นสายพันธุ์นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ชื่อพันธุ์ TOCHIOTOME ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 น้ำหนักต่อผล 14 กรัม เนื้อผลแข็งกว่าพันธุ์พระราชทาน 70 แต่มีความหวานน้อยกว่าคือ 9.3° Brix มีกลิ่นหอมเมื่อเริ่มสุก เนื้อภายในผลมีสีขาว ผิวผลเมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงถึงแดงจัด เงาเป็นมันที่ผิวผล ทนต่อการขนส่งมากกว่าพันธุ์อื่น
พันธุ์พระราชทาน 80 (เป็นพันธุ์ที่มูลนิธิโครงการหลวงส่งเสริมให้ปลูก ตั้งแต่ปีพ พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา) เป็นสายพันธุ์ที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ชื่อพันธุ์ Royal Queen
พันธุ์ 329 (Yale) เป็นพันธุ์ที่กรมส่งเสริมการเกษตรส่งเสริมให้กับเกษตรกรปลูก เป็นพันธุ์ที่มาจากประเทศอิสราเอล