หยั่งงี้ต้องบอกว่า "You know lots of shit,John Snow." ละครับ 555

I’m a surgeon

การพาสเจอร์ไรซ์ คนละเรื่องกับไวน์เลย พาสเจอร์ไรซ์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "ทำให้ผ่านขั้นตอน " sterilization คือการทำให้ปราศจากเชื้อ ในที่นี้คือความร้อน ขณะที่ไวน์ในยุคที่พูด คือ "การบ่ม " ไวน์ไม่ได้ฆ่าจุลินทรีย์ทั้งหมด มีแบคทรีเรีย และ ยีสต์เหลือ เช่น วิธีบ่มไวน์ ในยุคโบราณหลายๆครั้งที่ทำให้เกิด โปรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์บางตัวในไวน์ที่ ทำให้เกิด การเปลี่ยนเป็นน้ำส้มสายชู ต่อมา

อันนี้เข้าใจผิดนะครับ การหมักไวน์หรือเบียร์เอล มันไม่มีความสามารถในการฆ่าเชื่อนะครับเพราะในนั้นมันมียีสส์อยู่เต็มไปหมด ที่คนนิยมดื่มกันสมัยนั้นเพราะมันมีเชื้อโรคอยู่น้อยมาก น้อยกว่าน้ำในแม่น้ำที่ยังไม่ได้ต้มหรือต้มแล้ว

@@WeerayutKrajong ยีสต์กับแบคทีเรีย (เชื้อโรค) บางขนิดก็ฆ่ากันเพื่อแย่งอาหารในร่างกายครับ ปัจจุบันเราเรามียาที่เป็นยีสต์ใช้ในการฆ่าเชื้อรักษารักษาอาการท้องเสียเองด้วย ร.พ.เอกชนในไทยก็ยังใช้อยู่ครับ และในจานเพาะเชื้อแบคทีเรียถ้าคุณเติมยีสต์เพื่อเพาะในปริมาณที่มากพอยีสต์จะฆ่าแบคทีเรียท้องถิ่นบนจานเพาะและยึดอาหารทั้งหมดที่เหลือในจานเพาะเชื้อครับ จึงไม่แปลกที่ในที่ขาดแคลนอาหาร หรือกันดานทางยุโรปจะมีการใช้ขนมปังห่อยีสต์เป็นก้อนๆ(ก้อนเท่าไส้กรอกใหญ่ๆเลย) ให้คนประสบภัยหรือขาดแคลนอาหารกิน เพราะจะช่วยเรื่องอาการท้องเสีย ฆ่าเชื้อเบื้องต้นและอิ่มท้องด้วย ส่วนในเรื่องเป็นไวน์บ่มแบบโบราณดังนั้นจะมียีสต์และเชื้ออื่นๆปนเปื้อนบ้าง (ถ้าบ่มยังไม่เสร็จ ไท่นานพอ ยีสต์จะเป็นเชื้อmajority) ซึ่งหลักการคือเราใช้เชื้อและสารที่เชื้อพวกนั้นผลิตไปทำลายเชื้อที่ร้ายแรงกว่าในบริเวณที่เราต้องการครับ เช่นบนบาดแผลแบคทีเรียนี้ทำให้เนื้อเน่าปล่อยไปก็ตายแน่ๆเพราะระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เราก็เอาเชื้ออื่นที่เรารู้แล้วว่าอันตรายน้อยกว่าเข้าไปทับที่เลยด้วยความหวังที่ว่ามันจะเอาชนะได้ (แนวคิดนี้คือpennicillinยุคแรกสุดครับที่มีการใช้เชื้อราลงบนบาดแผลกระสุนก่อนที่มนุษย์จะรู้วิธีผลิตและสักดpennicliinแบบถูกต้องในภายหลัง ทำให้อาการแทรกซ้อนลดน้อยลง) เชื้อที่เอาเข้าไปแทนที่อย่างมากก็ทำให้คุณมีไข้สูงหรือผิวหนังเสียสภาพ แต่อย่างน้อยถ้ามันชนะคุณก็รอด conceptในสมัยก่อนจะเป็นประมาณนี้ครับ ส่วนถามว่าการต้มไวน์ใช้ได้ไหม (วิธีนี้เข้าใจว่าหนังลอกเลียนแนวคิดpennicillinของสงครามโลกครั้งที่สองครับ) ในกรณีนี้คือเราต้องการเอาสารซึ่งยีสต์ผลิตขึ้นมา (ของเสียจากกระบวนการสังเคราะห์ต่างๆของยีสต์) สารนี้สำหรับเชื้อโรคอื่นๆอื่นถือว่าเป็นpathogen จึงมีฤทธิ์ในการไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียครับ ซึ่งก็คือconceptการผลิตpenicillin ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ใช้ผลไม้เน่าๆเอาไปเพาะบ่มเชื้อราสีน้ำเงินและเอาไปต้มฆ่าเชื้อพร้อมสกัดเฉพาะเอาของเหลวมาใช้บนบาดแผลทหาร ภายหลังก็ทำให้แห้งเป็นผงและให้ทหารแพทย์สนามพกติดตัวไปใช้ได้สะดวกขึ้นในค่าย

ที่ฆ่าเชื้อได้นี่ไม่ใช่แอกอฮอล์จากไวน์หรอกครับ แต่เป็นน้ำส้มสายชู(Vinegar)ที่เป็นกรดต่างหากที่สาารถฆ่าเชื้อได้

ไม่จิงคับ

+

+++

เป็นวิธีรักษาที่ดีมากวิธีหนึ่งนะครับ ใช้กันแพร่หลายทั่วไปแล้วด้วย

ไม่เข้าใจทำไมไม่เกิดเป็น Slime

ไม่ต้องกังวล แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ได้ไปโลกใหม่แล้ว

ปกติของโลกแฟนตาชี

ปกติของโลกแฟนตาซีครับ middle earth หลักพันปียังใช้ดาบ หอก ธนูอยู่เลย

จริงๆโลกในความเป็นจริง ก็หลักพันปีอยู่นะกว่าจะเจริญ เเบบเห็นกันชัดๆ อย่างที่ยุคโรมัน นครรัฐกรีก ยังอยู่ กับช่วงยุคกลางก็ต่างกันไม่มากนะในบางช่วงของยุคกลางก็ล่าหลัง กว่ายุคทองของพวก กรีก โรมัน อีกครับ กว่าจะเริ่มเจริญ เเบบ จริงๆ จังๆ ก็ช่วงยุค เรเนซองส์ หรือ ยุคที่ชาติยุโรปเริ่มสำรวจ เเละ ล่าอาณานิคม ซึ่งยุค เรเนซองส์ ก็เริ่ม ประมาณ ปี ค.ศ 1450

อย่างลั่น😂😂😂

แอดนิคอยากอยู่ไฮการ์เด้น ส่วนปูอยากอยู่โอลทาวน์ 🤣

ไม่น่าจะเรียกรักษานะฮะ น่าจะเรียกว่าส่งไปดาวดวงอื่น

ฟ้าฝนเป็นใจ แต่ ทหารหนีหมด คนอะไรลูกตัวเองแท้ๆยังเอามาบูชายัญได้

ใช่ครับเห็นหลายที่มาๆครับที่เข้าใจคำว่าปีแสงผิด

มันเป็นคำเปรียบเปยไม่ใช่หรอ😅

แอดก็ใช้ถูกนะ ห่างไกลหลายปีแสง ก็หมายถึง gap ที่ใหญ่มากเท่านั้นเอง

ขอบคุณค้าบบบบ

ยังเลยค่ะ

ขอตอบแทนแอดนะครับ ปัจจุบันซีรีย์จบก่อนนิยายครับถ้าอิงตอนจบ ก็จบแค่นั้นครับสำหรับซีรีย์ แต่ว่า นิยายเนื้อเรื่องช้ากว่าซีรีย์ ถ้าเทียบกับซีรีย์ตอนนี้นิยายกำลังเดินเรื่องอยู่ในซีซั่น 6 ของซีรีย์ครับ ซึ่งจะจบแบบซีรีย์ไหมหรือมีเนื้อเรื่องต่อจากนั้นไหมต้องรออย่างเดียวครับ

@@chaichanachamchong1902 ขอบคุณครับ ผมไปส่องก่อนว่ากี่เล่ม

ไม่มีจริงครับ คล้ายที่สุดคือ morphine (มอร์ฟิน)กับ Opium (ฝิ่น)

เหมือนการล่าแม่มดนี่ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ในยุคกลางนะครับ มันมาดังจริงๆ ในช่วงปฏิรูปศาสนาซึ่งก็หลังยุคกลางมาแล้ว และที่มีเคสบันทึกก็มักจะมีการล่าในดินแดนที่มีการปะทะกันระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์อย่างเยอรมัน ในขณะที่ดินแดนของคาทอลิกมีน้อยมาก เพียงแต่แค่ว่าสื่อบันเทิงมันมุ่งนำเสนอให้คนคิดว่ายุคกลางชอบล่าแม่มด คล้ายๆ กับที่ว่าคนยุคกลางในหนังชอบใส่เสื้อผ้าโทนมืด ในขณะที่คนยุคกลางจริงๆ ชอบใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด ทั้งนี้ทั้งนั้นแย้งได้นะถ้าผมผิด ถือว่าแลกเปลี่ยนความรุู้กัน

กราบงามๆ สำหรับการโดเนท ขอบคุณค้าบบบ