Рет қаралды 170,647
ข้อมูลการจัดการไขมันในเลือดปี 2021 จากThe Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism,2020, Vol. 105, No. 12, 3613-3682 โดยเริ่มจาก
1. การจัดการไขมัน ไม่ได้ประเมินเฉพาะเรื่องไขมันในเลือด แต่ประเมินความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ และหลอดเลือด ว่ามีความเสี่ยงเป็นอย่างไร ประเมินได้ med.mahidol.ac.th/cardio_vasc...
1.1 borderline 5%-7.4%
1.2 intermediate 7.5%-19.9%
คนที่มีความเสี่ยงควรได้รับการพิจารณาการใช้ยา statin เสริมไปกับการควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
ข้อดีของการลด cholesterol คือ
การลดการเกิดเส้นเลือดหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ อัมพาต
2. คนที่ TG เกิน 500 แนะนำให้พบแพทย์ใช้ยาในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำกว่า 100 มก. ด้วยการควบคุมอาหาร และเพิ่มกิจกรรมทางกาย เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดตับอ่อนอักเสบ
3. เบาหวาน
3.1 แนะนำให้ใช้ยาควบคุมกับการควบคุมอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
3.2 ใช้ statin dose สูง 40-80 มก. ในคนที่มีความเสี่ยงสูง
3.3 ในกรณีที่คุมเบาหวานไม่ได้ดี การใช้อินซูลินก็เป็นอีกทางเลือก ควรควบคุม LDL ให้ได้น้อยกว่า 70 มก./dl
3.4 ในคนไข้เบาหวาน ที่กินยา statin ที่ควบคุมได้ แต่ TG ยังเกิน 150 มก. แล้วยังมีความเสี่ยงอื่น ๆ แนะนำให้ใช้ EPA หรือยา fenofibrate
3.5 คนไข้เบาหวาน ที่มีไตเรื้องรัง 1-4 แนะนำให้ใช้ statin โดยไม่ขึ้นกับคะแนนความเสี่ยง หรือระดับไขมันในเลือด
3.6 ห้ามใช้ในคนท้อง คนจะตั้งครรภ์
3.7การใช้ยาในคนอายุมากกว่า 75 ปี พบว่ามีประโยชน์ในคนที่ intermediate risk ขึ้นไปต้องคำนึงถึงความเสี่ยง การใช้ยาหลายตัว สุขภาพจิต ความปราศถนาของคนป่วย การพยากรณ์โรค ด้วยการเริ่มใช้ dose ที่น้อย
การศึกษาจำนวนหนึ่งพบว่า statin เพิ่มความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 0.2%ต่อปี แต่ข้อดีมากกว่า
4 อ้วน
4.1 แนะนำให้ประเมินความเสี่ยง
4.2 การลด LDL และเพิ่ม HDL มีผลน้อยในคนทีลดน้ำหนัก เมื่อเทียบกับ TG จะลดลง
เช่น การลดน้ำหนัก 5-8 กก. ลด LDL ได้ 5 มก./ดล. HDL เพิ่ม 2-3 มก เท่านั้น ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หลังลดน้ำหนัก ได้เกิน 5% ควรวัดไขมัน และวัดเป็นระยะเมื่อ นน.คงที่
5. The 2018 Physical Activity Guidelines Advisory Committee
การออกกิจกรรมทางกายลด LDL ได้น้อย 2.5 to 6.0 มก/ดล.
#การลดไขมันในเลือด
#ยาลดไขมัน
#หมอนัด