Airbus A350 XWB คือเครื่องบินโดยสารสุดล้ำซึ่งทั้งประหยัดน้ำมันและบินได้ไกลที่สุดในโลก กลายเป็นความมหัศจรรย์ด้านเทคโนโลยี ที่ปฏิวัติการการเดินทางทางอากาศสู่ยุคอนาคต คลิปนี้เรามาเจาะลึกเรื่องราวอันน่าทึ่งกันว่า Airbus วางแผนโค่นตัวท็อปของคู่แข่งทั้ง Boeing 787 Dreamliner และ Boeing 777 ไปพร้อมกันได้อย่างไร?
Time Stamp
0:00 Airbus A350 วางแผ่นโค่น Boeing อย่างไร?
0:23 ความแตกต่าง Airbus A350
7:40 กำเนิด Airbus A350
14:29 ความก้าวหน้า Airbus A350
16:19 สรุป
ความแตกต่าง Airbus A350
Airbus A350 XWB ซึ่งย่อมาจาก Extra Wide Body หรือเครื่องบินที่มีลำตัวกว้างเป็นพิเศษ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2006 และขึ้นบินครั้งแรกในปี 2013กลายเป็นเครื่องบินโดยสารระยะไกลที่ล้ำยุคสุดๆ และมีประสิทธิภาพสูงมาก จนกลายเป็นเครื่องบินที่ประหยัดน้ำมันแล้วยังสามารถบินได้ไกลที่สุดในโลก ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้สายการบินใช้จัดเส้นทางการบินได้อย่างหลากหลายทั่วโลก เหมือนAirbus ยิงปืนนัดเดียวแล้วได้นก Boeing ถึงสองตัว
จะเห็นได้ว่า ถ้ามองเรื่องประสิทธิภาพการบินในภาพรวม ทั้งระยะทาง ความจุผู้โดยสาร และการประหยัดน้ำมันแล้ว Airbus A350 ถือได้ว่าเป็นเครื่องบินทางเลือกที่เซ็กซี่เกินห้ามใจมากๆ เพราะสามารถเป็นคู่แข่งได้ทั้ง Boeing 787 และ Boeing 777 ไปพร้อมกันในครั้งเดียว แล้วทำให้เริ่มได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยยอดขายสูงถึง 1,034 ลำ
กำเนิด Airbus A350
หลังจากที่ Boeing พลิกกลยุธพัฒนาเครื่องบินระยะไกลครั้งใหญ่มาโฟกัสเรื่องประสิทธิภาพในการบิน แล้วออกเครื่องบินตัวท็อปมา 2 ตระกูล คือ
ปี 1990 ได้เปิดตัว Boeing 777 สุดเจ๋ง ซึ่งกลายเป็นเครื่องบินแบบ 2 เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่จุผู้โดยสารได้ 426 คน เพื่อทดแทนรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าตลาดเดิมอย่าง Boeing 747 ที่จุผู้โดยสารได้ 410 คน
แล้วปี 2004 ได้เปิดตัว Boeing 787 Dreamliner ตามมาติดๆ ด้วยเครื่องบินสุดล้ำยุคใหม่ที่ใช้วัสดุผสม หรือ Composite Material มากกว่า 50% ของน้ำหนักทั้งหมด กลายเป็นเครื่องบินระยะไกลที่ประหยัดน้ำมันต่อที่นั่งได้มากที่สุดในโลก
แล้วได้รับความนิยมย่างมากจากสายการบินทั่วโลก เรียกได้ว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ส่งผลกระทบอย่างรุ่นแรงโดยตรงกับ Airbus ซึ่งเป็นเจ้าตลาดเดิม ของเครื่องบินโดยสารระยะไกลที่มีขนาดความจุผู้โดยสาร 300 - 350 คน ด้วยเครื่องบิน Airbus A330 และ Airbus A340 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1987
แล้วยังเป็นเหมือนไฟลามทุ่ง กระทบไปถึงรุ่นยักษ์ อย่าง Airbus A380 ที่จุผู้โดยสารได้มากที่สุดในโลกถึง 555 คน ซึ่งพึ่งเปิดตัวไปมาดๆ ในปี 2005 โดยใช้เงินลงทุนมหาศาลแบบเทจนหมดหน้าตัก
กลายเป็นช่วงที่ Airbus เพลี้ยงผล้ำสุดๆ เหมือนโดน Boeing สอยปลายคาง ด้วย Boeing 777 และ Boeing 787 Dreamliner แบบเต็มๆ ไป 2 หมัด
ในช่วงแรกปี 2005 Airbus พยายามจะลุกขึ้นสู้ใหม่ ด้วยเครื่องบินรุ่น Airbus A350 ที่ใช้รุ่นเก่าที่เคยรุ่งอย่าง Airbus A330 มาปัดฝุ่นใหม่ ด้วยปีกแบบใหม่ และ เครื่องยนต์ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่มีสายการบินไหนสนใจ
ทำให้ปี 2006 Airbus ได้ตัดสินใจกัดฟันเปิดตัว Airbus A350 XWB ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อจะกลายเป็นเรือธงรุ่นใหม่ของ Airbus ซึ่งโฟกัสด้านประสิทธิภาพในการบินสูงสุด แล้วเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมากมายดังนี้
1 ระบบโครงสร้างเครื่องบิน
2 การออกแบบปีก
3 ระบบเครื่องยนต์
4 ระบบการบิน
5 การตกแต่งภายใน
6 ระบบการผลิต
ความก้าวหน้า Airbus A350
ปี 2015 Qatar Airways เริ่มประเดิมให้บริการด้วย Airbus A350 เป็นสายการบินแรก โดยใช้ Airbus A350-900 เป็นรุ่นแรก ซึ่งจุผู้โดยสารได้ 350 คน และบินได้ไกล 15,372 กม.
ปี 2018 ออกรุ่น Airbus A350-1000 ซึ่งมีลำตัวยาวขึ้นอีก 7 เมตร จุผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 410 คน และบินได้ไกล 16,100 กม. กลายเป็นเครื่องบินโดยสารรุ่นที่ทั้งประหยัดน้ำมันและบินได้ไกลที่สุดในโลก
ส่วน Airbus A350-800 ซึ่งเป็นรุ่นเล็กสุดในตระกูล ที่มีความจุผู้โดยสารใกล้เคียงกับ Boeing 787 Dreamliner นั้น Airbus ตัดสินใจยกเลิก แล้วหันมาปัดฝุ่นแผนเดิม ออกเป็นรุ่นใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมอย่าง Airbus A330 neo แทน
Airbus A350 XWD เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากและมียอดขายสูงถึง 1,034 ลำ โดยแยกตามรุ่นต่างๆ ดังนี้
3 Airbus A350 F สำหรับการขนส่งพัสดุ 3.8%
2 Airbus A350-1000 21.7%
1 Airbus A350-900 74.6%
สรุปแล้ว
Airbus A350 XWD คือสุดยอดเทคโนโลยีอันน่าทึ่ง ซึ่งทั้งประหยัดน้ำมันและบินได้ไกลที่สุดในโลก ช่วยให้ Airbus พลิกกลับมาตั้งตัวได้ใหม่อีกครั้ง แม้ Airbus A350 จะมียอดขายตามหลัง เพราะมาทีหลัง Boeing 787 Dreamliner อยู่ 4 ปี และมาหลัง Boeing 777 ถึง 20 ปี แต่ถ้าหากดูโดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพในการบิน ระยะทางในการบิน ความจุผู้โดยสาร การประหยัดน้ำมัน และสถิติด้านความปลอดภัยในการบินแล้ว Airbus A350 XWD ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เซ็กซี่มากๆ แถม Airbus ยังออกรุ่นใหม่ที่เล็กลงอย่าง Airbus A330 Neo แทน Airbus A350-800 ซึ่งประหยัดน้ำมัน แล้วจุผู้โดยสารได้พอๆ กับ Boeing 787 แถมยังราคาดีและมีความยืดหยุ่นสูงมาก จนหลายสายการบินเริ่มใช้เป็นเครื่องบินอเนกประสงค์ทั้งบินระยะไกล้และระยะไกล
หรือแม้กระทั่งเครื่องบินระยะสั้นรุ่นยอดนิยมที่มาแรงสุดๆ อย่าง Airbus A321 neo ที่เริ่มใช้บินได้ไกลเท่า Boeing 787 Dreamliner แถมยังประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเข้าไปอีก
น่าติดตามกันต่อมากว่า รุ่นใหญ่ผู้มาก่อนของ Boeing และรุ่นใหม่ซึ่งตามมาทีหลังของ Airbus จะเป็นยังไงต่อไป