มั่วจัด

เเพ้เพราะคนขายชาติ

ถูกต้องครับ

@@znba8823 สมัยนั้นไม่มีชาติครับ

@@NaruechaSitisaraรัฐสยามไง มีการวาดแผนที่ประเทศสยาม ในสมัยพระนารายณ์

จัดไป บักหำน้อย

Okติดตามต่อไปไอหัวขวด

แดกจนหมด จะเอาอะไรไปสร้าง 55555

@@baronth4236 แดกอะไรไหนช่วยบอกมาหน่อย

@@user-jx8rj5zs6c แดกข้าว แดกปลา แดกผลไม้ไงครับ 55555

ตอบสั้นๆ ไม่มีงบครับผม555

องค์ความรู้เรื่องคอนกรีตมีตั้งแต่สมัยโรมันแล้วครับ

พม่าเขาทำการเป็นขั้นเป็นตอนครับ ในพงศาวดาร ฉบับคองบอง ระบุว่าอุโมงค์ที่เขาขุด ขุดไปหยุดตรงรากกำแพง 2 อุโมงค์ พอถึงชั้นรากกำแพงแล้วขยายอุโมงค์ลอดรากกำแพงไปอีก 3 อุโมงค์ ในอุโมงค์กว้ายาว 350 หล๋า ใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่ทำขื่ออุโมงค์ มีการคำณวนทิศทางลม และเจาะไม้ไผ่ทะลุปล้องเป็นปล่องควันระบายควัน ครับ

ไปดูบุพเพสันติวาสคัฟแล้วจะรุ้55

ผมว่าในเมืองน่าจะมีคนเยอะมากๆครับช่วงสงครามจะมีคนอพยพหนีภัยเข้ามาหลบในรั้วกําเเพง ในความคิดผมนะ

@@LeoZCH รื้อสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ใช้หรือไม่มีประโยชน์ สร้างป้อมสูงกว่า วัสดุหาง่ายในเมือง เมื่อเทียบกับ ฝ่ายล้อมเมืองครับ แปลกมากทำไมแม่ทัพ ไม่เห็นตรงนี้ครับ ถ้ารับได้ถึงเดือน พฤษภาคม ช่วงหน้าฝน เท่านั้น ครับ

เพราะเราคิดว่าก่อนฤดูน้ำหลาก เดี๋ยวพม่าก็ยกทัพกลับไปเอง แล้วอยุธยาก็ไม่ชอบทำสงครามเพราะมันสิ้นเปลือง ชอบเป็นเมืองท่าค้าขายเพราะมันรวยกว่า ก็เลยไม่ค่อยอินกับการป้องกันการรบ

ผมคิดว่าปืนสมัยก่อนมันไม่ใด้แม่นยำ การจะยิงออก จะให้โดนจังๆ กับฝ่ายรุก ผมว่ามันไม่คุ้มกัน เพราะยิงออกไปโดนบ้างไม่โดนบ้าง ต่างจากฝ่ายพม่า ที่เขาต้องการยิงโทรมเมือง ดินดำ ทำสูตร ไม่จำกัด ถล่มใด้ตลอด ส่วนเราอยู่ในเมืองของมีจำกัด

นามสกุลเมียโทนี่

เมียโทนี่จริงๆต้องใช้ดามาพงษ์ครับ

😂 3 วัน มันคงช่วงๆนั้นแหละ คำให้การกรุงเก่า มันก็ไม่ใช่จะเป๊ะๆหรอกครับ ถูกกวาดต้อนไป กว่าจะจดบันทึกคงอีกพัก ก็ใช้การคะเนเหมือนกัน

ก็แล้วแต่คนจะมองครับ มุมดี กะมี ไม่ดี กะมี 5555

ผมงง จุดรากกำแพงควันต้องขึ้น คนในนั้นจะไม่เห็นหรือทำไรสักอย่างครับ

อันนี้ จะสรุปย่อๆในแบบภาษาของผมเลยนะครับ จากพงศาวดารคองบองและพงศาวดารฝั่งเราเองทั้งพันจันและพระราชหัตถเลขา บอกเลยนะ ในการขุดอุโมงค์ทะลายกำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยา เมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๓๐๙- เมษายน ๒๓๑๐ คนคิดแผนนี้คือมหานรธาครับ แม่ทัพพม่าสายที่ยกมาจากทางใต้นะแหละ ได้ยุทธศาสตร์นี้มาจากชาดกเรื่องมโหสถบัณฑิต ตอนพระมโหสถขุดอุโมงค์ไปชิงตัวพระนางปัญจาลจัณฑีมเหสีและพระราชบุตรีและบุตราของพระเจ้าจุลนีแห่งเมืองปัญจาลราช แต่แผนจะขุดยังเริ่มไม่เท่าไหร่ฑูตอยุธยาก็ยกธงขาวมาขอเจรจาสงบศึก แต่การเจรจามันไม่เป็นผลครับ พม่าและทางกรุงศรีอยุธยาต่างไม่ยอมรับข้อเสนอของกันและกัน พอเจรจาความเมืองกันเสร็จไปแล้ว ๕ วัน ประมาณช่วงธันวาคม พ.ศ.๒๓๐๙ มหานรธา แม่ทัพพม่าสายใต้ป่วยหนักและถึงแก่กรรม แต่การเสียชีวิตของมหานรธากลับส่งผลเสียต่อทางกรุงศรีอยุธยา เพราะมหานรธาคลายแผนทั้งหมดให้เนเมียวสีหบดีสานต่อ พม่าเริ่มการขุดอุโมงค์ตั้งแต่ธันวาคม จนถึงเมษายน ขุดอยู่ ๓ เดือนเศษๆ พม่าเขาเตรียมตัวมาดีๆครับ จะมีคำถามตามมาว่าพม่าเข้ามาขุดได้อย่างไร ทหารฝั่งอยุธยาไม่รู้และไม่มีการป้องกันเลยเหรอ? ตอบว่า ทางอยุธยารู้ครับ ส่งแม่ทัพก็ไปตีหลายครั้งหลายคน พงศาวดารอยุธยาก็ยังบอกครับส่งออกไปตอนไหนก็เหมือนเอาอาวุธไปทิ้งให้เขาใช้ต่อ ครั้งท้ายสุดส่งพระมหามนตรีครับออกไป ไปตีค่ายวัดแม่นางปลื้ม วัดสามพิหาร วัดพระเจดีย์แดง ซึ่งค่ายพวกนี้ละครับ เป็นกำลังทหารฝั่งพม่าที่ส่งมาขุดอุโมงค์ลอดกำแพงเมืองอยุธยาตรงป้อมมหาไชย กองทัพของพระมหามนตรีเกือบจะได้เปรียบเขาด้วยซ้ำ แต่เสียทีตรงไม่มีกองกำลังไปหนุนเลยแตกเข้าเมือง หลังจากนั้นก็ไม่มีทัพไหนยกกองไปตีพม่าอีกเลยจนเสียกรุง ขอตอบคำถาม พม่าเข้ามาได้ทางไหน? ตอบ ดังนี้ครับ พม่าจากค่ายวัดสามพิหาร วัดแม่นางปลื้ม วัดพระเจดีย์แดง เขาทำสะพานเรือกจากฝั่งวัดแม่นางปลื้ม วัดสามพิหาร มาประชิดกำแพงเมืองริมๆศาลาดินตรงด่านทำนบรออะแหละ ทำสะพานเรือกไม่พอ ยังเอาไม้ตาลโตนดมาทำค่ายวิหลั่นเป็นแนวบังกระสุนที่ยิงลงมาจากแนวกำแพงเมืองอยุธยาด้วยครับ นี้แหละเขาเตรียมการมาดี ช่วงน้ำเหนือหลากเขาก็ไม่ยกกลับต้อนโคกระบือขึ้นที่ดอนสูงๆปลูกข้าวเฉยสบายใจ การขุดอุโมงค์ของทางพม่านั้นใช้วิธีขุดลอดตรงรากกำแพงเมือง พอขุดไปถึงชั้นรากกำแพงก็เอาเชื้อเพลิงไปวาง พอวันที่ ๗ เมษายน ได้ฤกษ์เผารากกำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยา เป็นเวลาบ่ายสามโมงเย็น อ้อ เสริมอีกนิด พม่าข้ามสะพานเรือก อันสะพานเรือกนี้เป็นสะพานที่ใช้หวายมาสานต่อกันยาวๆ และกางออกใช้พาดสองฝั่งเพื่อข้ามมาขุดอุโมงค์ฝั่งเกาะเมืองริมป้อมมหาไชย ขุดลอดลงไปถึงชั้นรากกำแพง ไม่ได้ขุดลอดแม่น้ำมานะครับ และก็ไม่มีน้ำในอุโมงค์ไม่ได้ขุดลึกถึงระดับตาน้ำขนาดนั้น โดยพม่าเหลือชั้นผิวดินกันกำแพงทรุดและดินถล่มก่อนเวลา ๔-๕ ฟุต โดยพม่าใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่เจาะปล้องทะลุเป็นปล่องให้เป็นปล่องควัน พอเวลาจะสุมไฟ พม่าเขาก็นัดกันให้ทุกค่ายที่ล้อมกรุงศรีอยุธยายิงปืนใหญ่ถล่มเมืองพร้อมกันทุกค่าย มันเลยเกิดเป็นฝุ่นตลบแถวปล่องควันทางทหารอยุธยาเลยไม่รู้ว่าพม่าเข้ามาสุมรากกำแพงอะครับ รู้แต่ว่าเขาเข้ามาและมาขุดอุโมงค์แต่ไม่นึกว่าเขาจะเผารากกำแพงประมาณนี้ครับ กำแพงเมืองอยุธยาถล่มภายในวันเดียวครับไม่ใช่ก่อนกรุงแตกสามวัน คือ บ่ายสามโมงพม่าจุดเชื้อใต้รากกำแพงและยิงปืนใหญ่พร้อมกันทุกค่ายกลบควันไฟใต้อุโมงค์ไม่ให้ฝั่งกรุงศรีอยุธยาสงสัย จากบ่ายสาม ถึงสองทุ่มก็ ๕ ชั่วโมงกว่า กำแพงก็ทรุด มหาราชวงษ์กล่าวว่าขั้นแรกพม่าขุดอุโมงค์ตรงงชั้นนอกกำแพงไปแค่ ๒ อุโมงค์ พอถึงรากกำแพงวางเชื้อเผาราก ก็ขยายอุโมงค์ที่จะขุดออกอีก ๓ อุโมงค์เข้าไปในฝั่งพระนคร รวมเป็น ๕ อุโมงค์ พงศาวดารทางพม่าและอยุธยาให้การตรงกันว่า ทหารพม่าไปถึงไหนก็เผาที่นั้น บ้านเรือนวัดวาอาราม พระราชวังปราสาทราชมณเฑียร แลวัดพระศรีสรรเพชญ์ จบสรุป

@@KrungsriAyutthaya ผมเสริมให้อีกนิด ตรงที่พม่าขุดนั้นน่ะกำแพงไม่ได้อยู่ชิดริมน้ำ ถึงจะได้ชุดแล้วน้ำทะลัก หรือไม่มีพื้นที่ขุด

@@floristryplp5966 มั่วมาก 55

ขอแสดงความคิดเห็นนะครับดังนี้มีการยิงต่อต้านจากทหารในกรุงศรีอยุธยาตลอดเวลาแต่ทหารของหงสาวดีขุดรากกำแพงและสุมไฟช่วงกลางคืนและระดมยิงปืนใหญ่ที่ก่อจากหอสูงในค่ายรอบๆกำแพงพระนครแทบตลอดการที่อยุธยาถูกข้าศึกล้อมใว้นานเป็นปีก็ลำบากในการหาเสบียงอาหารมาเพิ่มโดนตัดทอนกำลังตลอดเวลากองทัพที่ยกมาตีอยุธยาไม่ใช่มีแต่มอญ พม่าเท่านั้นยังมีหัวเมืองต่างๆที่ยอมแพ้และถูกเกณฑ์มาร่วมรบด้วยเช่นกันการที่อยธยาถูกล้อมและถูกระดมยิงโทรมเมืองตลอดในช่วงท้ายๆของการรบจึงยากลำบากในการป้องกันครับพอกองทัพหงสาเข้าเมืองได้ก็เผาทำลายปล้นทรัพย์สิน ฆ่าผู้คนและบางส่วนกวาดต้อนไปหงสาวดี สรรพาวุธต่างถูกขนกลับไปด้วยอันไหนเอาไปลำบากก็ทิ้งน้ำไปเสียมากเช่นปืนใหญ่เป็นต้น พระเจ้าเอกทัศน์พบถูกสังหารสวรรคต พระเจ้าอุทุมพร(ขุนหลวงหาวัด)ถูกพาตัวไปหาสาวดีด้วยในสงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองหงสาวดีไม่ได้เอาอยุธยาเป็นเป็นเมืองขึ้นแต่ทำลายอาณาจักรอยุธยาให้หมดสิ้นไปไม่ให้กลับมามีอำนาจทางการทหาร การปกครองและรวมอณาจักรได้อีกครับ

ได้กี่บาทขายชาติ😁

@@user-dq3ex4bx3y ไปเล่นตรงอื่น