Рет қаралды 104
ทุกๆ ค่ำคืนของ วันออกพรรษา 15 ค่ำเดือน 11 เราจะเห็นภาพของประชาชนมากมายที่พากันไปยืนรอริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อชมปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค หรือบั้งไฟผีเป็นประจำทุกๆ ปี ซึ่งจะมีเวลาเกิดที่แน่นอนเสมอๆ (ถ้าปีไหนมีเดือน 8 สองครั้ง ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งตรงกับวันออกพรรษาของลาว)
ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นใน จังหวัดหนองคาย และ จังหวัดบึงกาฬ โดยเฉพาะที่หนองคายนั้นเรียกได้ว่ามีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่าแสนคน สร้างรายได้สะพัดกว่า 100 ล้านบาท และมีการจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่สนุกสนานทีเดียว แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของคืนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องราวกล่าวขานที่เกี่ยวกับตำนานพญานาคต่างหาก
บั้งไฟพญานาค เป็นปรากฎการณ์ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่ชัดเจนได้ โดยมีลักษณะของการเกิดลูกไฟ ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง พุ่งขึ้นจากกลางลำน้ำโขงสู่อากาศ ขนาดของลูกไฟมีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ กระทั่งขนาดเท่าฟองไข่ไก่ พุ่งสูงประมาณ 1-30 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที แล้วหายไปโดยไม่มีการโค้งลงมา
ปรากฏการณ์นี้ เกิดปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ในช่วงวันออกพรรษา หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตามปฏิทินลาว ซึ่งอาจตรงกับวันแรม 1 ค่ำ หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของไทย โดยแต่ละปีจะปรากฏขึ้นประมาณ 3-7 วัน มากกว่า 90% ของจำนวนลูกบั้งไฟพญานาคในแต่ละปีจะพบที่จังหวัดหนองคาย หน้าวัดไทย และบ้านน้ำเป อำเภอโพนพิสัย วัดอาฮง อำเภอบึงกาฬ วัดหินหมากเป้ง และอ่างปลาบึก อำเภอสังคม
แต่จุดที่ประชาชนเชื่อถือกันว่าเป็นเมืองหลวงของพญานาคนั้น อยู่ที่แก่งอาฮง จังหวัดบึงกาฬ หรือที่เรียกกันว่า "สะดือแม่น้ำโขง" นั่นเอง เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง ซึ่งชาวประมงเคยใช้เชือกผูกก้อนหินหย่อนลงไปในหน้าแล้งแล้ววัดดูปรากฏว่ามีความลึก 99 วา (ประมาณ 198 เมตร)@Channel-ty7oq