พอพูดถึงชื่อ "อริยะ พนมยงค์" สิ่งหนึ่งที่คงทิ้งไปไม่ได้คือนามสกุล พนมยงค์ โดยคุณอริยะ เล่าว่า จริง ๆ แล้วเกิดที่ฝรั่งเศส และก็เป็นช่วงที่คุณปู่ปรีดี ใช้ชีวิตปลายทางอยู่ที่ฝรั่งเศส คุณปู่ก็อุ้มตั้งแต่เกิด ก็จะเห็นคุณปู่มาตลอด 10 กว่าปี แต่ในความเป็นจริง คุณปู่แท้ๆของคุณอริยะ เป็นพี่น้องกับคุณปู่ปรีดี แต่คุณปู่ที่แท้จริง ไม่ได้มีโอกาสรู้จัก ท่านเสียก่อนที่จะเกิด และก็จะสนิทใกล้ชิดกับทางคุณปู่ปรีดี เพราะอยู่ฝรั่งเศสด้วยกัน และก็เห็นตั้งแต่เกิด
"ต้องบอกว่าที่วันนี้ แรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมอยากกลับมาเมืองไทยก็คือคุณปู่ ตั้งแต่สมัยเด็ก เมื่อกี้เล่าให้ฟังว่า มีเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนที่ผมเด็ก ผมไม่รู้ว่าคุณปู่ปรีดีคือใคร ผมแค่รู้ว่าเป็นคุณปู่ แต่ไม่รู้ว่าท่านปรีดีคือใคร และก็มีข้อสงสัยตลอดเลยว่า อยู่บ้านคนละที่นะ คือไปที่บ้านคุณปู่ ทุกครั้งที่มีคนไทยบินไปที่ฝรั่งเศส ทุกคนก็จะต้องมากราบคุณปู่ ผมก็สงสัยว่าทำไมบ้านเรามีคนมาบ่อยมากเลย เพราะฉะนั้นผมจะชินมากกับการเจอคนตั้งแต่เด็ก ๆ เลย ผมก็ไม่รู้เพราะตอนนั้นเราเป็นเด็ก และตอนที่คุณปู่เสียและตอนเราโต ถึงรู้ประวัติของคุณปู่จริง ๆ
เพราะฉะนั้น สำหรับผม ผมเติบโตมากับคุณปู่ ไม่ใช่มิติของท่านปรีดี มันเป็นความผูกพันธ์ที่คนละแบบ หลานกับปู่ แต่สิ่งที่ผมอธิบายไม่ถูกก็คือ คุณปู่ถ่ายทอดความรักที่คุณปู่มีแก่ประเทศไทย และตั้งแต่ผมเด็ก ผมรู้ว่าผมจะต้องกลับมาเมืองไทย ไม่เคยลังเลเลย รู้มาตั้งแต่เด็กเลยว่าวันหนึ่งเราจะต้องกลับมา แค่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่" อริยะ พนมยงค์ เล่าถึงชีวิตวัยเด็ก
อริยะ อธิบายถึงเหตุผลที่กลับมาใช้ชีวิตที่ไทยว่า เหตุผลก็ง่าย ๆ คือเราคิดมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า วันหนึ่งถ้าเราเรียนรู้ แล้วเราได้เติบโต เราได้ทำงาน ที่ฝรั่งเศส ที่ทวีปยุโรป ความรู้และประสบการณ์ที่เราเก็บมา วันหนึ่งเราก็จะเอากลับมาใช้ช่วยประเทศชาติ เราก็ยังอ่อนประสบการณ์อยู่ แต่ก็คือความฝันที่เรามีอยู่ คือเราเป็นคนไทย เราควรจะกลับมาช่วยประเทศชาติ เราก็จะบ่นว่าประเทศเราขาดคนดี ๆ ผมไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนดีนะ หรือว่าเราเก่งกว่าคนอื่น แต่มีความตั้งใจที่อยากจะช่วย ไม่ใช่ว่าเราอยู่ต่างประเทศแล้วเราสบาย แล้วไม่ได้นึกถึงบ้านของเรา ผมมองว่าฝรั่งเศสก็คือบ้านหนึ่งของผม ประเทศไทยก็บ้านของผมด้วย
ภาพจำที่มีต่อคุณปู่ปรีดี คือความอบอุ่น คือเรายังเด็กสมัยนั้น ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ไม่ได้คุยอะไรเลย อย่างที่บอกควมสัมพันธ์ก็คือเราเป็นหลาน คุณปู่ก็คือคุณปู่เรา เรารู้แค่นี้
หลายคนคงคิดว่า อีกแง่มุมในทางสังคม การที่เราเติบโตเป็นลูกหลานในบ้านพนมยงค์ บรรยากาศในบ้านบอกไหมว่าจะต้องทำงานการเมือง
กลับกัน คือ ไม่อยากให้ลูกหลานไปเกี่ยวข้องกับการเมืองมาก ต้องยอมรับว่าเราก็เจ็บตัวมาเยอะ ก็เป็นสิ่งที่อยากให้หลีกเลี่ยงกันมากกว่า ไม่มีการผลักไปทางด้านนี้เลย มีแต่แบบอย่าไปดีกว่า สุดท้ายแต่ละคนก็ เหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ในเส้นทางชีวิตเราที่วันหนึ่งทุกคนก็อยากมีบทบาท เพราะอยากจะช่วย แต่คงต้องดูจังหวะ ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน แล้วต่างคนก็ต่างเติบโตในสายงานของตัวเอง ผมก็จะมาสายเทคโนโลยี อาจารย์ที่พูดถึงเมื่อกี้ก็ไปทางโลจิสติกส์ ก็เป็นคนหนึ่งที่ ถือว่าเป็นผู้ชำนาญด้านนนี้ในประเทศไทย ญาติผมบางคนก็ไปขาไฟแนนซ์ ทุกคนก็แตกไปในทิศทางของตัวเอง
"เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราคิดว่าอยากจะช่วยมากกว่า ที่บอกว่าวันนี้ที่ยังไม่พร้อมเพราะเรายังขาดชั่วโมงบิน ยังไม่รู้จักแวดวงการเมือง ยังไม่รู้วิธีการทำงาน กฎกติกา ทำงานแบบราชการจะเป็นอย่างไร เพราะเราอยู่เอกชนมาตลอด ซึ่งมันคือคนละโลก"
workpointTODAY | What Works Today
ข่าว ข่าววันนี้ ข่าวด่วน ข่าวธุรกิจ
สาระความรู้สำหรับวันนี้
workpointTODAY LIVE
รายการข่าวออนไลน์ พร้อมประเด็นพูดคุยที่น่าสนใจ
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 19.30 น. ช่องทางออนไลน์ของเรา
#workpointTODAY
ข่าวเวิร์คพอยท์ทีวีช่อง 23 ตลอดทั้งวัน
/ newsworkpoint
Website: workpointtoday.com
Facebook: / workpointtoday
KZfaq: / workpointtoday
Instagram: / workpointtoday
Twitter: / workpointtoday
Tiktok: / workpointtoday
Podcast by workpointTODAY
iTunes apple.co/2YBNlG6
Spotify spoti.fi/2WQRZzB
Podbean workpointtoday...