แผ่ไปให้ทุกคน ทุกดวงจิตในจักรวาล ดีกว่าครับ ได้เยอะมากกก

@@patom_bas ก่อนเคยอุทิศให้ทุกคนรอบข้าง ทั้งผี ทั้งวิญญาณทั่วจักรวาล ชีวิตแย่มากค่ะ แต่พอลองเปลี่ยนมาอุทิศให้ตัวเอง กับครูบาอาจารย์ ทุกคนที่ช่วย ชีวิตเปลี่ยนแบบพลิกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ไม่ว่าเจอเหตุอะไรจะมีคนมาช่วยตลอด เน้นให้ตัวเองกับคนที่ช่วย ผู้มีพระคุณค่ะ เพราะถ้าให้เยอะแล้วเขาตามด้วย (รู้สึก+เห็นจากเซ้นตัวเองค่ะ)

ไม่ถูกสิครับ

ก่อนทำสบายใจไหม ระหว่างทำสบายใจไหม และหลังทำสบายใจไหม ถ้าสบายใจ ก็ได้ครับ

นับถือคำสอนพระพุทธเจ้าครับ ทุกคำพูดมาจากพระไตรปิฎก การมีข้อสงสัยเป็นเรื่องที่ดี โปรดพบเจอคำตอบด้วยตนเองนั้นจะสนิทใจที่สุดครับ

สวดได้ครับ ขอยืนยัน คนที่บอกว่าสวดไม่ได้ไม่ดีก็คือ อคติ เขาเชื่อแค่มุมเขาเอง ส่วนในคลิป ที่เขาบอกว่า สวดพาหุงแล้วอุปสรรคเยอะ ตรงนี้หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนบอกไว้ว่า คนที่ปฏิบัติธรรมแล้วพบอุปสรรคในชีวิตนั้น แสดงว่าถ้าเราตั้งใจปฏิบัติไปอีกสักระยะจะได้ผลดีมาก มารเลยต้องขวางอย่างถึงที่สุด เพราะฉะนั้นให้อดทนปฏิบัติธรรมสร้างคุณความดีต่อไป ก็จะพ้นจากเขตที่เขาจะขวางเราได้ในที่สุด ท่านอธิบายมาประมาณนี้ครับ

บทสวดหลวงปู่ดู่ดี สวดได้แน่นอน (หมอบีเคยบอก) แต่จากในคลิปที่หมอบีพูดถึงว่ามีคนเอาบทสวดของหลวงปู่ดู่ไปสวดแปลกๆ คงจะหมายถึงในแง่ที่ว่า 1.คนนั้นเขามีการโฆษณาบทสวดเกินจริงไปมาก ว่ามีพุทธคุณครอบจักรวาล สวดแล้วรักษาโรคได้ สวดแล้วหน้าเด็ก สวดแล้วรวย สวดแล้วกันผีได้ สวดแล้วปรับภพภูมิให้ผีได้ ฯลฯ 2.คนนั้นเขาบอกให้พยายามสวดตลอดเวลาที่นึกได้ทั้งวัน ยิ่งสวดเยอะยิ่งดี ซึ่งมันดูเยอะเกินความจำเป็น และน่าจะขัดกับแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้า 3.คำสอนจากคนที่อ้างว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ มีความแตกต่างจากสิ่งที่หลวงปู่ดู่สอนอยู่มาก และมีการเพิ่มเติมคำสอนใหม่ๆอีกมากมายที่หลวงปู่ดู่ท่านไม่เคยสอน ปล. ยังมีอีกเยอะ แต่เอาเท่านี้ก่อนละกัน 😂

สมัยที่หลวงปู่ดู่ยังมีชีวิต ผมเห็นหลวงปู่เผยแพร่บทสวดนี้ ท่านพูดแบบยิ้มๆ ว่าสวดแล้วไม่จน ท่านว่าเป็นของดี ท่านได้มาจากวัดประดู่ทรงธรรม ดังนั้น หากใครถามว่าหลวงปู่ดู่ท่านเผยแพร่คาถานี้จริงไหม ก็ต้องตอบว่าจริงเช่นนั้น แต่ที่คลาดเคลื่อนออกไปนั้นมีอยู่อย่างน้อย ๔ ประการ ประการแรก ก็เรื่องที่มาที่สมัยนี้บอกว่าท่านรจนาขึ้นเอง ประการที่สอง ก็ชื่อเรียกที่เปลี่ยนจาก “คาถาบูชาพระ” เป็น “คาถามหาจักรพรรดิ” ประการที่สาม ก็เรื่องอานิสงส์ที่เดี๋ยวนี้แต่งเติมและพรรณนากันอย่างเลอเลิศ จนดูคล้ายจะแปลงพระพุทธศาสนาไปเป็นลัทธิเทวนิยมที่นิยมสวดอ้อนวอนหวังผลดลบันดาลไปเสียแล้ว ประการสุดท้าย ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ คือ การให้น้ำหนักกับคาถานี้ สมัยหลวงปู่มีชีวิต ใครๆ ก็รู้ว่าสิ่งที่หลวงปู่เทน้ำหนักให้อย่างเต็มที่ก็คือ การปฏิบัติสมาธิภาวนา ดังที่ท่านเรียกว่า “ทำงาน” ส่วนคาถาอะไรนี่เป็นเพียงส่วนปลีกย่อย ที่ช่วยด้านกำลังใจเพราะหวังอานิสงส์จากการสวดบ้าง รวมทั้งเป็นอุบายให้จิตไม่ฟุ้งซ่านบ้าง แต่สมัยนี้ ต้องใช้คำว่าสวดแบบเอาเป็นเอาตาย สวดกันจนเป็นงานหลัก นี่ถ้าหลวงปู่ยังมีชีวิต ท่านคงนึกแปลกใจว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ สมัยหลวงปู่ ไม่ปรากฏเห็นหรือได้ยินใครมาสวดคาถาแบบออกเสียงอย่างนี้ เพราะเขาสวดกันในใจ หรือถ้าจะสวดออกเสียง ก็ต้องที่ห้องพระที่บ้านตัวเอง และส่วนใหญ่สวดอย่างมากก็ ๓ จบ เคยมีลูกศิษย์ไปอวดหลวงปู่ว่าเมื่อคืนเขาสวดมนต์ตั้งเป็นชั่วโมงๆ หลวงปู่ถามกลับว่า แล้วนั่งสมาธิภาวนากี่นาที เขาตอบว่า ๑๐ นาที หลวงปู่จึงว่า ทีหลังให้กลับกัน สวดแต่น้อย นั่งภาวนาให้มากๆ ท่านว่า “สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน” ดังนั้น เนื้อหาสาระหลักๆ จึงอยู่ที่การปฏิบัติภาวนา มิใช่การสวด แต่ก็นั่นแหละ บางท่านอาจมีจริตนิสัยชอบการสวด นั่นก็ให้เป็นอัธยาศัยส่วนตัว แต่ไม่ควรถือเป็นแบบแผนสำหรับคนหมู่มาก อีกทั้ง มิใช่แนวทางที่หลวงปู่ท่านแนะนำสั่งสอนในสมัยที่ท่านมีชีวิต เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับผู้มาใหม่ หรือผู้ไม่รู้ ต่างก็มีศรัทธาอยากเผยแพร่ปฏิปทาของหลวงปู่ แต่หากไม่ใคร่ครวญให้ดี อาจกลายเป็นการเผยแพร่สิ่งที่มิใช่ปฏิปทาของหลวงปู่ หรืออาจถึงขั้นขัดแย้งกับคำสอนของหลวงปู่ไปเสีย จึงขอฝากผู้ที่เคารพรักหลวงปู่ ทุกๆ ท่าน ได้พิจารณา “พอ” (๒๒ กันยายน ๒๕๖๐)

คือคุณบีจะสอนว่า ปัจจัยมี ผลจึงเกิด นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ เป็นเรื่องธรรมดา รู้จริง คิดวิเคราะห์ตามเหตุปัจจัย จะเกิดปัญญาในทางที่ถูกต้อง ให้พึ่งตนเอง ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้มีเลย แต่อย่าเชื่องมงาย ...จนไม่พึ่งตนเองเลย

@@pastelgirl8672 ถูกต้องตามหลักการ ที่ว่า ธรรม เกิดจาก เหตุหก และปัจจัย24 , แต่ในรายละเอียด ขนบ การใช้ชีวิต หรือ ตั้งแต่พุทธกาล พระพุทธเจ้ายังไม่เคยปฏิเสธเรื่อง ฤทธิ์ เรื่อง ภพภูมิ 31 มีอยู่ในศาสนา ฟังดู คุณบี ปฏิเสธ เรื่อง รูป หรือ เครื่องราง ตลอดจนปฏิปทา ของ พระครูอาจารย์ ในขณะที่ ยอมรับเรื่อง อาถรรพ์ วัตถุอาถรรพ์ ที่มาใช้ในทางผิด ๆ ในเรื่องฮวงจุ้ย เป็นต้น แต่วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ที่ท่านทำไว้ กลับโยนทิ้ง ด้อยค่า เพราะตัวเอง ไม่ต้องใช้ คนทั่ว ๆ ไป ฟัง คือ ถูกชี้นำ ให้ปฏิเสธ แต่ยามมีปัญหา คนเหล่านี้ ไม่มีอภิญญา วิชา หรือ ของเก่า แบบ คุณบี แต่ละคนภูมิธรรมต่างกัน การด้อยค่า ปฏิปทา ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านสร้างไว้ ทำไว้ หรือ แม้แต่น้ำมนต์เอง มีมาตั้งแต่ยุคพุทธกาล พระอานนท์เป็นปฐม ทำไมไม่พูดละ

@@pastelgirl8672 วัตถุอัปมงคล อาถรรพ์ ก็มี วัตถุมงคล พุทธคุณ เทวตาคุณก็มี / เรื่องอภินิหาร อภิญญาสายขาว แบบ คุณบีมี ร่างทรง สายดำ ไสยศาสตร์ ก็มี เป็นทางคู่ เป็นของแก้กัน

@@lolypoly9161 ถามวัว ตอบควาย พูดเรื่อง พิธีกรรม เครื่องรางของขลัง ยากไปที่จะเข้าใจ ?

คุณบีไม่เคย ปฏิเสธ ว่าของพวกนี้ไม่มีครับ เพียงแต่ ใจความสำคัญคือ "มีแล้วเป็นของจริงรึเปล่า เป็นของที่คนอุปโลกเอามาแต่งเพิ่มเพื่อหากิน" ของจริงน่ะมี แกบอกว่ามี แต่ไอคนที่เอามาหลอกขายแล้วอ้างเป็นศิษฐ์หลวงพ่อนั้น หลวงปู่นี้ แล้วหลอกให้คนงมงายกับลัทธิที่ตัวเองสร้างขึ้น อันนี้ตะหาก ควรพิจารณาแล้วทิ้ง!!

วัยทองค่ะ