Boeing 787 Dreamliner คือเครื่องบินโดยสารระยะไกลสุดล้ำที่ประหยัดน้ำมันต่อผู้โดยสารมากที่สุดในโลก กลายเป็นความมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยี ซึ่งปฏิวัติการการเดินทางทางอากาศสู่ยุคอนาคต คลิปนี้เรามาเจาะลึกเรื่องราวอันน่าทึ่งกันว่า Boeing เปลี่ยนความผิดหวังจากเครื่องบินความเร็วสูงสุดล้ำ ให้กลายเป็น Boeing 787 สุดเจ๋งได้อย่างไร?
Time Stamp
0:00 Boeing 787 ประหยัดน้ำมันที่สุดในโลกได้อย่างไร?
0:21 ความแตกต่าง Boeing 787
4:46 กำเนิด Boeing 787
8:03 การพัฒนา Boeing 787
15:42 ความก้าวหน้าและปัญหา Boeing 787
18:30 สรุป
ความแตกต่าง Boeing 787
ทุกวันนี้การเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดสุดๆ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จากยุคเครื่องบินขนาดยักษ์ซึ่งแข่งขันกันด้วยความใหญ่โตมโหราฬและปริมาณความจุของผู้โดยสาร เช่น Boeing 747 ที่จุผู้โดยสารได้ 467 คนและ Airbus A380 ที่จุผู้โดยสารได้มากถึง 555 คน ซึ่งทำให้ต้องใช้เครื่องยนต์เจ็ทมากถึง 4 เครื่องกำลังหายไป แล้วก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่แข่งขันกันด้วยประสิทธิภาพการบินว่า ใครที่มีความยืดหยุ่นในการบินสูงกว่าและประหยัดเชื่อเพลิงมากกว่า จะมีความได้เปรียบสูงกว่า เพื่อช่วยให้คุณสามารถบินตรงไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วโลกได้มากขึ้น แทนที่จะต้องเสียเวลาแวะเปลี่ยนเครื่องกลางทาง และที่สำคัญที่สุดคือมีราคาตั๋วโดยสารถูกลงด้วย
เครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner เริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2004 และขึ้นบินครั้งแรกในปี 2009 กลายเป็นเครื่องบินโดยสาระยะไกลที่ล้ำยุคสุดๆ และมีประสิทธิภาพสูงมาก จนถึงขั้นสามารถประหยัดน้ำมันต่อผู้โดยสารได้มากที่สุดในโลก
กำเนิด Boeing 787
ปี 1990 ได้เกิดจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก เมื่อสองยักษ์ใหญ่ด้านการบิน อย่าง Boeing และ Airbus มองเห็นอนาคตทางการบินต่างกัน แล้วได้วางกลยุธพัฒนาเครื่องบินในทิศทางที่แตกต่างกัน
Boeing เชื่อว่า นักเดินทางอยากบินตรงไปยังปลายทางระยะไกลเพิ่มขึ้น ทำให้ Boeing เลือกทุ่มไปกับพัฒนาเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ขนาดเล็กลง กว่า Boeing 747 และใช้เพียง 2 เครื่องยนต์แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้รองรับเส้นทางบินระยะไกลแบบจุดต่อจุด Point to Point เพื่อปิดช่องว่างของตัวเองลงแล้วแซงหน้าคู่แข่งอย่าง Airbus ให้ได้ ด้วย 2 โครงการใหญ่ดังนี้.
1 Boeing 777 ที่สามารถจุผู้โดยสารได้มากถึง 300 - 426 คน และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
2 Boeing Sonic Cruiser เครื่องบินโดยสารความเร็วสูง เกือบเท่าความเร็วเสียง ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค ที่สามารถจุผู้โดยสารได้ 200 - 250 คน เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้กับสายการบิน โดยมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2001
แต่หลังจากเหตุการณ์ก่อการร้าย 911 ในช่วง ปลายปี 2001 ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น และเครื่องบินความเร็วสูงที่ต้องใช้เชื้อเพลิงมหาศาล มีความต้องการลดลงอย่างมาก จนในที่สุด ปี 2002 Boeing ต้องประกาศปิดตัวโครงการ Sonic Cruiser ลงอย่างน่าเสียดาย แต่ Boeing ได้นำเอาการวิจัยและพัฒนาหลายด้าน ของโครงการ Sonic Cruiser เช่น การออกแบบลำตัว ปีก และระบบการบินต่างๆ มาปรับใช้กับโครงการใหม่อย่าง Boeing 787 Dreamliner จนกลายเป็นเครื่องบินโดยสารระยะใกลที่มีประสิทธิภาพสูงที่ประหยัดน้ำมันต่อต่อที่นั่งได้มากที่สุดในโลกได้สำเร็จ
การพัฒนา Boeing 787
หลังจาก Boeing ต้องอกหักกับโครงการเครื่องบินโดยสารความเร็วสูงอย่าง Boeing Sonic Cruiser ซึ่งมีการวิจัยเทคโนโลยีสุดล้ำเอาไว้มากมาย จึงได้นำมาประยุกต์ใช้กับโครงการเครื่องบินโดยสารที่จะกลายเป็นเรือธงรุ่นใหม่ของ Boeing ซึ่งโฟกัสด้านประสิทธิภาพในการบินสูงสุดแทน คือ Boeing 7E7 โดย E ย่อมาจาก Efficiency หรือประสิทธิภาพ แล้วสุดท้ายเปลี่ยนชื่อ เป็น Boeing 787 Dreamliner ซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมากมายดังนี้
1 ระบบโครงสร้างเครื่องบิน
2 การออกแบบปีก
3 ระบบเครื่องยนต์
4 ระบบการบิน
5 การตกแต่งภายใน
6 ระบบการผลิต
ความก้าวหน้าและปัญหา Boeing 787
ปี 2011 All Nippon Airways เริ่มประเดิมเปิดให้บริการด้วย Boeing 787 Dreamliner เป็นสายการบินแรก
โดยใช้ Boeing 787-8 เป็นรุ่นแรก ซึ่งจุผู้โดยสารได้ 220 คน และบินได้ไกล 13,621 กม.
ปี 2013 ออกรุ่น Boeing 787-9 ซึ่งมีลำตัวยาวขึ้นอีก 6.1 เมตร จุผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 259 คน
และเมื่อคู่แข่งอย่าง Airbus ได้เปิดตัวเครื่องบินรุ่นใหม่มาแรงอย่าง Airbus A350 ที่ใช้เทคโนโลยี เหมือน Boeing 787 เพื่อประหยัดน้ำมันได้เพิ่มขึ้น แล้วยังจุผู้โดยสารได้มากถึง 410 คน
ทำให้ในปี 2016 ออกรุ่น Boeing 787-10 ซึ่งจุผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 310 คน และกลายเป็นเครื่องบินโดยสารระยะไกลรุ่นที่ประหยัดน้ำมันต่อที่นั่งมากที่สุดในโลก จนได้รับความนิยมอย่างมากและมียอดขายสูงถึง 1,717 ลำ
Boeing 787 Dreamliner กลายเป็นเครื่องบินสุดล้ำ ที่มีประสิทธิภาพด้านการบินสูงมาก เพราะใช้เทคโนโลยีใหม่มากมาย ซึ่งต้องแลกมาด้วยปัญหาตามมามากมายเช่นกัน เช่น
ปี 2013 All Nippon Airways พบอุบัติเหตุทั้งกลิ่นและควันจากการไหม้ของ Battery ในขณะบิน จนต้องลงจอดฉุกเฉิน และอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา Japan Airlines ก็เจอปัญหาเดียวกัน ทำให้ FAA ต้องสั่งห้ามบิน Boeing 787 ทั้งหมดจนกว่าจะค้นพบสาเหตุ และแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ
และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่การบินไทยเราก็ต้องเจอปัญหากับ Boeing 787 เช่นกัน ปี 2020 มีข่าวว่า Boeing 787 - 8 ของการบินไทยมีปัญหาจอดซ่อมอยู่ 2 ลำนานนับปี
แม้ในช่วงแรก Boeing 787 มีปัญหาในการใช้งานจนมีค่ามาตรฐานความน่าเชื่อถือ หรือ Reliability เพียง 96% แต่จนถึงปัจจุบัน Boeing สามารถปรับปรุงและพัฒนาให้ Boeing 787 มีค่ามาตรฐานความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นสูงถึง 99.3% และได้รับความนิยมอย่างมาก
มีสายการบินที่ให้บริการด้วย Boeing 787 Dreamliner มากกว่า 80 สายการบินทั่วโลก
สรุปแล้ว
Boeing 787 Dreamliner คือสุดยอดเทคโนโลยีอันน่าทึ่ง ซึ่งเราต้องมาลุ้นกันต่อว่า Boeing 787 และ Airbus A350 จะเป็นยังไงต่อไป