เยี่ยมมากครับ

เอาจิงเปล่าครับ 5555

แนะนำหนังสือ money 101 ค่ะ ดีมากในการจัดสรรเงิน

หนังสือคุณกวีเล่มใหม่ เปลี่ยนสันดานสร้างอิสรภาพทางการเงินครับ

แต่ละท่านมีพื้นฐานชีวิตที่แตกต่างกันครับ บางท่านสุขภาพแข็งแรง บางท่านไม่ค่อยแข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่เกิดจากกรรมพันธุ์ก็มี หรือใช้ชีวิตไม่ระมัดระวังแล้วมีโรคเกิดใหม่ก็มี เช่น ออฟฟิศซินโดรม ที่เป็นต้นกำเนิดของโรคอื่นๆตามมา หรือโรคอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ๆมันก็มา หรือแม้กระทั่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเช่นกัน ผมก็เป็นคนนึงที่คิดแล้วคิดอีก กับประกันสุขภาพที่ต้องจ่ายเงินก้อนแบบไม่สะสมไปทุกปี แต่สุดท้ายก็เข้าใจแล้วว่ามันสำคัญมากแค่ไหน และก็ซื้อต่อเนื่องเหมือนประกันรถยนต์มาตลอด ซื้อประกันสุขภาพกับรถยนต์เหมือนกันตรงที่ว่า เราไม่อยากป่วย หรือไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุแน่นอน แต่เวลาที่ป่วยแล้ว หรือเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว เราต้องถามตัวเราเองว่า เรามีความสามารถในการจัดการปัญหาตรงนั้นได้มากน้อยแค่ไหน จุดสำคัญของผม คือเรื่องเงินเรื่องหลักเลยครับ เรามีเงินสะสม เพียงพอที่จะจ่ายเงินเพื่อรักษาชีวิตของเราไว้ได้หรือไม่ ถ้าได้ และชีวิตเราไม่มีความเสี่ยง เพราะเราดูแลอาหาร ออกกำลังกาย สุขภาพจิตได้ดี ถ้าแบบนี้เสี่ยงต่ำก็ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพได้ครับ แต่แบบผม ทำงานหนัก ออกบ้านทุกวันไปทำงาน ทานอาหารแบบซื้อทานข้างนอก ออกกำลังกายได้ไม่ประจำบ่อยๆ ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา ก็เสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นไป แต่ก็ยังระมัดระวังเรื่องสุขภาพนะครับ แต่เมื่อมีการเจ็บไข้ได้ป่วย ผมขับรถไปโรงพยาบาลที่ผมเชื่อมั่นในคุณภาพแพทย์และการบริการ ผมไปกี่รอบก็ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายเอง หรือปีที่ผ่านมา เจอปัญหาที่ต้องรับการผ่าตัด ก็ให้โรงพยาบาลทำเรื่องประสานงานกับประกัน ถึงเวลาก็ไปนอนโรงพยาบาล ผ่าตัดเสร็จ พักฟื้น ไม่ต้องมีคนไปเฝ้า ดีขึ้นก็ขับรถกลับบ้าน ไม่ต้องสำรองจ่าย เหมือนประกันรถยนต์ครับ ประกันชั้น 1 2 หรือ 3 เลือกตามพื้นฐานความเสี่ยงของตัวเรา ผมเลือกประกันชั้น 1 แบบซ่อมห้าง พ่อแม่ผม ไม่ค่อยได้ขับรถ จอดเป็นส่วนใหญ่ ไปไหนก็ขับช้า แต่เสี่ยง เค้าก็เลือกชั้น 3 ทุนต่ำหน่อย ทั้งหมด ผมแค่แชร์ประสบการณ์ และมุมมองที่คุณ Kanitta ได้กล่าวมาครับ ซึ่งเราจะจัดสรรงบประมาณมากน้อยแค่ไหน ต้องตั้งคำถามที่ตัวเราก่อนครับ ว่าเรามีรูปแบบชีวิตแบบไหน แล้วเราค่อยไปศึกษาว่า ประกันสุขภาพของบริษัทไหน ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของเรา และคุ้มค่ากับเงินที่เราต้องจ่ายไปทุกปี เผื่อมุมมอง และประสบการณ์ผมอาจจะช่วยเป็นอีกข้อมูลที่ช่วยให้มีแนวทางในการพิจารณาตัวเลือกที่เหมาะสมครับ

เคยดํรายการของมันนี้โค้ดบอกว่า คิดว่าเราต้องใช้เงินต่อเดือนเท่าไรในการดำรงชีพ เช่น ต่อเดือน 10,000 บาท แล้วเราก็คิดต่อว่าถ้าเราต้องตกงานประมาณกี่เดือน บางคนคิดว่า 6 เดือน บางคนบอก 12 เดือน ถ้าเราเผื่อตกงานไว้ 6 เดือน เราก็สำรองเงินไว้ 10,000*6 = 60,000.- บาท โดยใน 60,000 สามารถหยิิบยืมมาใช้ชั่วคราวได้ถ้าจำเป็น พอหาเงินได้อีก ก็มาเติมใน 60,000 บาทนี้ก่อนทำอย่างอื่นค่ะ

เยี่ยมครับ

@@veeinvestmentacademy8339 ขอบคุณคะ อยู่ต่างแดนเค้าสอนให้มัธยัสคะ555

ไปหาสัดส่วนของตัวเองมา ปัจจุบันคือ 70/20/10 >> เศร้าเลย แต่จะพยายามทำให้เป็น 50/30/20 ให้ได้ภายในปีนี้ครับ

ก่อนจะกำไร ก้ต้องติดดอยก่อน มันเป้นประสบการณ์ที่ดี

หุ้นมีขึ้นมีลง การติดดอยเป็นเรื่องปกติครับ แต่เราต้องไม่หยุดแค่นั้น ต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเราดอยเพราะอะไร ทำยังไงจะไม่ดอยอีกหลังจากนี้ เมื่อเรามีความรู้แล้วบางครั้งต่อให้ดอย ก็ยังดอยแบบสบายใจเพราะเรารู้ว่าวันนึงมันจะกลับมาครับ

@@kenjinsensei9698 ขอบคุณครับ ช่วยได้มากเลยครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ

@@veeinvestmentacademy8339 ขอบคุณครับพี่วี

ยังจำเป็นอยู่ดีครับ เพราะการซื้อประกัน หมายถึง การประกันชีวิต ที่มีการคุ้มครอง ทุพพลภาพ พิการ ไม่ได้หมายถึง ประกันสุขภาพ แล้วถ้ามีงบน้อย ให้ซื้อแบบ จ่ายเปล่า ไม่คืนเงินต้น ราคาจะถูกมาก แต่ต้องอ่านกรมทัณฑ์ให้ดี ๆ (อ่านเงื่อนไข) แต่ที่แนะนำคือ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ได้เงินต้นคืน ระหว่างปีมีดอกเบี้ยด้วยครับ

เงินส่วนจำเป็นครับ

เก็บไว้ในกองทุนตลาดเงินก็ได้ครับ

ออมครับ

ควรออมให้มากที่สุดครับ ตามสถานะทางการเงิน พยายามลดค่าใช้จ่าย และออมหรือลงทุนให้มากขึ้น

ผมออมได้เดือนละ5พัน​ แนะนำผมหน่อยครับให้เอาไปลงที่ใหนบ้างครับ.. ผมอยากตามรอยคุณกวี​ ผมควรทำอย่างไรบ้างครับ