ผมสรุปให้ คุณควรมี2คันเลย คือรถน้ำมันคันเก่า และรถไฟฟ้าคันใหม่ แต่ละคันมีข้อดีข้อเสียที่มองข้ามไม่ได้ แล้วใช้มันตามวัตถุประสงค์ แต่ถ้าคุณเป็นคนหมุนเงิน แล้วมีรถน้ำมันอยู่ ใช้มันต่อไป อย่าเพิ่งซื้อรถอีวี แม้น้ำมันจะแพงขึ้น แต่คุณไม่ต้องจ่ายแปดแสนไปก่อนเพื่อจะประหยัดเดือนละ5-8พัน แล้วค่อยมาเอาตีนก่ายหน้าผากเพื่อคำนวณจุดคุ้มทุน ซึ่งอาจคุ้มทุนในปีที่3-4 เงิิน8แสนยังพอให้คุณจ่ายเพื่อเติมน้ำมันและซ่อมรถน้ำมันได้อีกหลายปี ถึงตอนนั้นรถอีวีจะราคาลด จาก8แสนเหลือ4แสนในเวลาที่ผ่านไป แล้วได้รถที่วิ่งได้1000กิโลเมตรต่อชาร์จ

ผมอาชีพไรเดอร์ครับ ใช้รถน้ำมัน 125 ซีซี วิ่งงาน ปีๆนึงใช้ต้นทุนทุกๆอย่างรวมทั้งค่าน้ำมันด้วย อยู่ที่ 30000-35000 ต่อปี วิ่งไปประมาณ 40000-45000 กม.ต่อปี พอเปลี่ยนมาใช้ รถไฟฟ้าซื้อมา 58,600 แบตรับประกัน 1 ปี หรือ 30000 กม. ใช้มา 1 ปี วิ่งไป 44000+ กม. ประกันหมดทััง 2 เงื่อนไข แบตเริ่มเสื่อมชาร์จไม่ค่อยเข้า แบตหมดเร็วมาก จะซื้อแบตก้อนใหม่จากบริษัทที่จำหน่าย พอทราบราคาแทบช็อค ราคาแบตก้อนใหม่ 45000 รวมกับค่าไฟที่ชาร์จมาตลอดทั้งปีอยู่ที่ 5000+ รวมค่าเปลี่ยนยางอะไหล่อีก 4 ครั้ง 2600 รวมต้นทุน ราวๆ 52000+ เลย สรุปค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้า วิ่งงาน ไรเดอร์ มากกว่า รถน้ำมัน 2 เท่าเลยครับ ส่วนนี้ เฉพาะรถ มอเตอร์ไซค์ นะครับ...

บ้านผมก็ซื้อรถไฟฟ้ามาใช้สองคันแล้วครับ และเก็บรถน้ำมันไว้ใช้ในทางไกลเหมือนกัน ถ้าทำงานในเมืองเป็นหลักและมีบ้าน ใช้เดินทางไปต่างจังหวัดไม่บ่อยก็คุ้มค่าครับ โครตคุ้ม แต่รถน้ำมันเหมาะสมสำหรับเดินทางไกลก็ยังจำเป็นอยู่ในบางสถานการณ์

ผู้บริโภคมองหาการประหยัดจากการใช้รถเดินทางทุกวัน รถ EV คือคำตอบดีที่สุด

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รถ ปัญหาอยู่ที่คน คุณซื้อรถ เพื่อมาแก้ปัญหา ของคุณ อย่างเช่น มารับส่งลูกไปโรงเรียน รถไฟฟ้าก็เหลือเฟือ แต่ถ้าคุณมารับส่งคน จากหนองคายไปกรุงเทพฯ รถไฟฟ้าก็ไม่ตอบโจทย์ มันอยู่ที่คุณซื้อรถมาทำอะไร

จริงอย่างที่ที่เวลพูด อย่างผมมีรถยนต์คันแรก คันเดียว 13 ปีแล้ว ผมไม่ต้องการเทคโนโลยีอะไรมากมาย แค่ใช้ได้พื้นฐาน กันแดดได้ กันฝนได้ พาเราเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆได้ ผมก็ซื้อแค่เก๋งเครื่อง 1500 ตัวเริ่มต้น ราคาถูกที่สุด .....ทุกวันนี้ผ่านมา 13 ปี ก็ยังแฮปปี้กับมัน รถEV ก็เหมือนกัน อยู่ที่ว่า ไลฟสไตล์ที่คุณจะเดินทางแบบไหน ถ้า90% คุณใช้รถไม่เกิน 200กม. ต่อเดือน แต่คุณจ่ายเงินแพงซื้อรถEV ที่วิ่งได้ 500กม. มันก็เกินความจำเป็น

มีเงินก็ซื้อ รถ EV ยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ยังมีหลายอย่างที่ต้องพัฒนา..แต่ถ้าเราไม่ใช้กันเลยมันก็จะไม่เกิดในอนาคต มีเงินก็ใช้กันเลยคับไม่เสียหาย..

ใครซื้อEVตอนนี้ก็เก็บเงินหยอดกระปุกเอาไว้ซื้อแผงโซลาห์ไว้เลย พอแบตรถเสื่อมลง30%ก็ถอดเอาไปทำระบบโซลาห์เซลเซฟค่าไฟบ้านต่อ

ถ้า8ปีเปลี่ยน แบต 5-6แสน ผมขับรถน้ำมัน20ปีหมดค่าน้ำมันยังไม่ถึง 5 แสนเลย แล้วไม่ต้องกังวนกับสิ่งที่เราไม่รู้อีก ขอฝ่านก่อน รอให้ พัฒนามากกว่านี้ก่อน ครับ

ใช่ค่ะ..ซื้อเมื่อคุณพร้อมถูกต้อง..ตอนนี้ซื้อรถไฟฟ้ามาใช้สะดวกมากค่ะ..ชาร์จไฟบ้านราคาถูกมากค่ะ.ใช้รถไฟฟ้า.SO7❤❤

รถก็เปรียบเสมือนหญิงสาว ได้พบเจอ ได้รู้จัก ได้ทักทาย แล้วตกหลุมรัก สินสอดจะหนักหนาฉันก็จะคว้าเธอมาให้ได้

ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ร้องสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. หลังซื้อรถไฟฟ้าป้ายแดง แต่พบปัญหาหลากหลายอาการ เช่น เครื่องยนต์ดับกระทันหัน เครื่องยนต์เร่งเอง หรือบางคันรถเบรกเองขณะใช้ความเร็ว จากปัญหาผู้ใช้รถได้เรียกร้องความรับผิดชอบจขากบริษัทรถยนต์แต่เรื่องไม่คืบหน้า

รอดูอีก 5-10 ปี รอดูมาตรฐานเทคโนโลยีแบตรถไฟฟ้าให้สูงกว่าปัจจุบันให้มากพอ แบตมีทนทานสูงขนาดวิ่งมาด้วยความเร็วแล้วถูกชน แบตก็ยังไม่เสียหายมากนัก แบตยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ แบตทนทานต่อความร้อนสูงต่อเนื่อง แบตทนทานน้ำท่วมยาวนาน สามารถแปลี่ยนแบตได้ง่าย และแบตราคาถูกเมื่อเทียบกับราคารถ

ผมว่าถ้าเปรียบเทียบรถน้ำมันกับรถไฟฟ้า ต้องเปรียบเทียบทั้งจุดดีและจุดเสียนะ ไม่ใช่เวลาเทียบจุดดี​ เราเทียบกับรถน้ำมัน​ เวลาเทียบจุดเสีย​ ไม่เทียบกับรถน้ำมัน​ แต่บอกว่าเป็น​ norm ของเทคโนโลยี​ที่เปลี่ยนแปลงไว มันแปลกๆที่เวลาคุยเรื่องจุดเสียเราไปเทียบกับตลาดมือถือ​ แทนที่จะเทียบกับรถน้ำมัน ผมเห็นด้วยนะครับ ว่าโจทย์​ของผู้ใช้งานเป็นตัวตัดสินว่าควรซื้อไม่ควรซื้อ ดังนั้นการเปรียบเทียบจึงสำคัญ แต่จากที่ฟัง​ ผู้บรรยายให้ข้อมูล​การเปรียบเทียบหลายๆอย่างดูไม่หมัดต่อหมัด เช่นที่บอกว่ารถไฟฟ้ามือ2ดีกว่ารถน้ำมัน เพราะรถน้ำมันขับไปแสนโลเครื่องหลวม​ (แสนโลนี่​ 5-6ปีเลยนะครับ)​ แต่ถ้ารถไฟฟ้ามือสอง​ ใช้งานต่อได้เลย​(ผมว่ารถไฟฟ้า5-6ปีนี่​ แบตน่าจะเสื่อมใกล้ซื่อแบตใหม่แล้วนะครับ​ จากที่ประกัน5ปี)​ หรือประเด็นว่ารถที่จะซื้อไม่ใช่รถคันแรก​ ก็ดู​ neutral เท่าไหร่ เทคโนโลยีเติบโตเป็นเรื่องปกติ​ สำหรับเทคโนโลยีใหม่ใช่ครับ แต่รถน้ำมันเทคโนโลยี​มัน​ optimize​ถึงจุดนิ่งแล้วนะ พูดตามตรงคือรถน้ำมันรุ่นใหม่ซื้อต่างกันแค่ดีไซน์​ กับ​ option นะ เครื่องแทบไม่เปลี่ยน ไหนจะเรื่องอะไหล่และประกันที่ควรมาเปรียบเทียบอีก ดังนั้นควรพิจารณาแบบตีแตกประเด็นแบบหมัดต่อหมัดให้ชัดเจนเพื่อให้คนไปพิจารณาต่อได้ง่าย​ ไม่เข้าใจผิดจนเกิด​bias ครับ

ev เหมาะ ทำงานไปไม่ไกล ไม่ออกต่างจังหวัด ใช้บ่อยๆ แต่ไม่ไกล ที่สำคัญ ต้องมาชาทที่บ้านของตัวเอง ถึงคุ่มค่า เป็นรถควรคันที่ 2 ของบ้าน เพื่อ ev มีเหตุใช้งานไม่ได้จากสาหตุอะไรก็ช่าง

ผมชอบรถไฟฟ้ามาเป็นสิบปีแล้ว เป็นการชอบในใจ และชอบมากที่มันไม่ปล่อยไอเสียเหม็นๆ เพราะฉนั้นผมจึงไม่สนใจว่ามันจะมีข้อดีข้อเสียยังไง...ซื้อโลดครับ

ผมใช้2คันค่าน้ำมัน10000 ต่อเดือน เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า1คันและยังใช้รถน้ำมันอีก1คันค่านำ้มันเหลือ2000ค่าไฟรถเหลือ1200ต่อเดือน

ชอบการตอบคำถามของคุณที่ร่วมเป็นพิธีกรครับเปรียบเทียบได้ดี เข้าใจง่าย ได้ข้อคิดดีครับ

ถ้าไม่จำเป็น ณ ตอนนี้ใช้คันเก่าไปก่อน มันจะมีค่ายEVที่ไปต่อไม่ไหวแล้วล้มแน่ๆ รอดูบริการหลังการขายของแต่ละยี่ห้อก่อน3-5ปีเป็นอย่างน้อย

ตอบคำถามได้ละเอียดชัดเจน ได้ความรู้ความเข้าใจในEVได้ดีขึ้น

พยายามซื้อแบรนด์หลักๆ นะ เพราะภายใน3ปีนี้น่าจะมี "ล้มหายตายจาก" หลายเจ้าแน่นอน เนื่องด้วยเปิดขายกันเยอะมากๆ และกำไรต่อหน่วยก็น้อย....

ผมรอก่อนนะ เพราะใช้รถไม่เยอะ อยากให้แบต 1.ขนาดเล็ก กว่านี้ 2.เบากว่านี้ และ3.ชาร์จได้เร็วกว่านี้ 4. ใช้แร่หาไม่ยากแทน หรือ Solid state เพราะแบตมันจะยังดีได้มากกว่านนี้อีกเยอะครับ 1. แบตขนาดเล็กลง... ก็ช่วยให้เวลาอุบัติเหตุ มันจะไม่โดนกระแทกไปด้วยพอรถเบา 2. แบตเบา ...รถวิ่งได้ไกลขึ้น และ ยางก็ไม่ต้องใช้ยางพิเศษ 3. ชาร์จเร็ว เราก็จะไม่มีคิวยาว ๆ ที่จุดชาร์จ 4. แบตถูกลง เราก็เปลี่ยนได้ง่ายขึ้น เมื่อมันหมดอายุ

จุดดีจุดด้อยแตกต่างกัน ส่วนผมใช้รถน้ำลุยน้ำลุยฝนมาหลายสิบปี รถไฟฟ้าเหมาะสำหรับใช้ในเมือง ส่วนรถน้ำมันเหมาะกับงานหนักและลุยป่าเขา เลือกเอาครับ อย่าไปด้อยค่าเพื่อการขายเลยครับ.....

ใครอยากใช้ก็ใช้เถอะครับเงินคุณ ทดลองไปคนใช้ก่อนก็ได้รับปัญหาก่อน แต่ยังไม่ใช้รถไฟฟ้าตอนนี้ รถน้ำมันยังใช้ดีอยู่

ต้องเข้าใจรถEVเป็นเรื่องใหม่(น่าจะเกิดมาประมาณ10ปี)คงไม่มีทฤษฎีไหนถูกต้องหรือสามารถนำไปเทียบเคียงได้อย่างวางใจ คงต้องรออีกสักพัก(อาจนาน10ปี)เพื่อรองานวิจัยเรื่องนี้ ปกติงานวิจัยบางอย่างอาจมากกว่า20ปี ดังนั้นผู้ซื้อคงต้องวางแผนและเก็บข้อมูลด้วยตนเองไปก่อน สู้ๆครับ

ผมใช้อยู่4คันBev 1ไฉบริด2 ice1ใช้รถตามึวามเหมาะสม

มุมมองของผมนะค่าบำรุงรักษาของรถสันดาบต่อเดือนเป็นเวลาหลายปีโดยรวมแล้วน่าจะพอๆกับเปลี่ยนแบตเตอรี่เลย อีกอย่างรถไฟฟ้าถ้าเกิดอุบัติเหตุมางานช้างเลย รถไฟฟ้าขี่ดีแต่ถ้าชนมาปัญหาและค่าซ่อมจะเเพงมาก คือห้ามชนเลยซึ่งคนไทยถ้าขี่ไม่ชนนี่ยากมาก สรุปผมไม่คิดจะซื้อแล้ว ใช้มอเตอร์ไซไฟฟ้าน่ะดีที่สุด ไปไหนไกลกับครอบครัวค่อยใช้รถยนต์สันดาบ

เปิดคอร์สเรียนช่องทางไหนครับ

คนไม่ใช้ปัณหาจะเยอะ คนใช้ปัญหาไม่ค่อยจะมี แบ็ตที่ว่าแพงตอนนี้บางค่ายมาผลิตในไทยแล้ว เดี่ยวราคาก็ถูกลง ตีตนไปก่อนไข้ ขนาดมือถือไอโฟน ใช้มา5ปีแล้วครับ ยังใช้ได้ดีอยู่ เอาค่าน้ำมันมาหักลบ ผมว่ามันคุ้ม ซื้อมาใช้ไม่ใช่ซื้อมาขายนะ คุ้ม

เคยซื้อไฮบริดตอนพรีอุสออกใหม่ๆ ก็ ฟิลลิ่งนี้แหละ แบตแพง สองแสน ตอนนี้ราคาเหลือหกหมื่นละ แล้วดูไฮบริดตอนนี้

ถาม ไม่เริ่มตอนนี้จะเริ่มตอนไหนคนซื้อก่อนนับมีบุญคุณกับคนรุ่นหลังๆมีดีมาน ก็มีการพัฒนา ลด pm 2.5 ต่อรองกับบริษัทน้ำมันที่ขึ้นราคาเอาเปรียบคนใช้รถ

ถ้าคุณมีธุรกิจ มีรายได้พอซื้อรถ จ่ายค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าประกัน คงไม่มีใครมาทะเลาะกันเรื่องค่าแบต ค่าไฟ ค่าน้ำมัน เพราะสิ่งเหล่านี้ต่อให้หมดอายุขัยเรา มันก็ยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ แค่มีมากขึ้นหรือน้อยลง สิ่งใหม่ๆก็จะมีมาเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด

แล้วค่าเปลี่ยนแบตเท่าไหรครับ

ซื้อเมื่อคุณพร้อม....ดีที่สุดไม่มีใครบอกคุณได้..อยากซื้อก็ซื้อไม่อยากซื้อไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องมาขิงใส่กัน..

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

ถ้าผมมีเงินผมจะใช้2อย่างครับ นำ้มัน+ไฮบิด 1คัน ไว้เดินทางไกล รถEv 1คัน ใช้ในบริเวณไกล้เคียงไปทำงาน ไปซื้อกับข้าวครับ ทุกอย่างมันมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันครับ มีเงินก็ซื้อ2แบบเลยครับ

ส่วนตัวไม่ควรใช้ เสียอู่ทั่วไปซ่อมได้ไหม มีอะไหล่ไหม บริการตามปั้มทั่วไปมีพอแค่ไหน มีกี่หัวต่อปั้ม

ผมอยุ่ที่ อเมริกา EV ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เวลาไปเที่ยวนอกเมืองไม่สะดวก คำนวณส่วนต่างค่าน้ำมัน ภายใน 5 ปี รถน้ำมันยังถูกกว่า

ขอเสนอว่า ในบรรดาผู้มีความรอบรู้รถ EV ควรตั้งองค์กร(สถาบันเป็นกลาง) เพื่อ 24:09 ประเมินผลให้ เรทติ้งอู่ซ่อมรถ EV 5 4 3 2 1 ดาว เพื่อเป็นข้อมูลให้เจ้าของรถเลือกนำรถ EV ตนเองเข้าใช้บริการ โดยมีเกณฑ์แบบประเมินผลที่ชัดเจนและเปิดเผย เช่นเดียวกับการให้ ดาว ร้านอาหารต่างๆ แล้วเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อประชาชนทั้งเจ้าของรถ EV และอู่ซ่อมคุณภาพ และเพิ่มความเชื่อมั่นต่อห่วงโซ่โดยรวมต่อธุรกิจนี้อย่างดีและยั่งยืน ต่อไปครับ

คนที่ซื้อรถ EV ตอนนี้หลักๆ คือมันถูกและประหยัดน้ำมัน เท่านั้นละ

ซื้อเมื่อพร้อมจริงๆค่ะ

คนใช้จริง อยากได้เพิ่ม อีกคัน

คนเยอรมันถึงไม่ค่อยนิยม ยอดขายไม่ถึงเป้า benz BM เลยกลับคำ มาขายรถน้ำมันต่อ+HB เพราะปัญหาเรื่องการชาร์จ อากาศที่หนาว และต้องเผื่อเวลามากขึ้นในการเดินทาง เนื่องจากเวลาวิ่งข้ามเมือง บางประเทศมันไกลมาก รถ Ev ส่วนตัวเหมาะกับรถใช้ในเมืองหรือชานเมือง จะคุ้มมาก ตอนนี้เลยใช้ HB ไปก่อน ไม่ประหยัดเท่า EV แต่ประหยัดกว่าน้ำมันล้วนแน่นอน

จะซื้อ ev ต้องพร้อมเรื่องเงินค่าประกัน ค่ายาง ค่าแบตเตอรี่ และพร้อมเรื่องเวลา ตอนซ่อม และพร้อมทำใจเมื่อจะขาย และพร้อมมีเรือทดแมนตินน้ำท่วม หน้าฝน

คนที่ไช้งานแล้วเหมาะ มันก็ออกมาดี แต่บางคนไช้แล้วไม่เข้ากับชีวิต เขาก็ขายออก แล้วกลับมาไช้น้ำมัน มันมีดีมีเสีย ด้วยกันทั้งหมด เน้นไช้ในเมืองระยะไม่ใกล ขับทำงาน รับลูก เดินทางก็ต้องวางแผนดีๆ evตอบโจท แต่ถ้าไช้งานเร่งรีบ เดินทางใกล ลุยๆ บรรทุก น้ำมันดีสุด ความคิดผมนะ evตอนนี้ยังไงก็ประหยัดกว่า เพราะใหม่กว่า แต่ถ้าระยะยาวยังตอบไม่ได้ แต่น้ำมันตอบได้ เพราะรถน้ำมัน ผมไช้งานยาว 10-15ปี แต่ละคัน

คนซื้อ EV เขาคิดเอาตัวรอดไม่ใช่ตามกระแสจะบอกให้ เขาเอาที่ประหยัดค่าน้ำมันไปผ่อนรถ เขาจึงมีรถขับ ถ้าเขาผ่อนรถน้ำมันแล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าน้ำมัน ตรรกะง่ายๆ ส่วนอีกสิบปี รถน้ำมันก็ราคาตกเกือบไม่มีค่า ซื้อล้านขายได้สองแสน รถไฟฟ้าราคาก็ไม่มีเช่นกัน แต่รถไฟฟัาเขามีค่าบำรุงรักษาต่ำ คนมันต้องเอาตัวรอด

😉เงินพร้อม😉ก็เป็นไปได้ทุกอย่าง ไม่มีเงินอย่าบังอาจซื้อรถไฟฟ้ามาใช้เด็ดขาดครับ รถไม่มีปัญหาไม่เป็นไร แต่ถ้ามีปัญหาเมื่อไหร่ แทบอยากจะขายทิ้งเลยล่ะครับ😭😭😭

ผมว่ารอให้พัฒนา แบทให้มีความ ใช้งานได้ง่ายกว่านี้ ก็ได้นะ เหมือนมันเป็นปัญหา ที่ทุกค่ายกำลัง เร่งพัฒนาตรงนี้ ใครทำได้ก่อน นำคู่แข่งขาดแน่ๆ เหมือนโทรศัพท์ และหน้าทำรถขนส่งก่อน จะดีมาก

ตอน e85มา ลิตรละ 16-18บาท พอคนใช้เยอะปัจจุบัน e85แพง ส่วนน้ำมันตอนโควิด19 เหยมันเหลือ 19-20 กว่าบาท แสดงว่า demands &supply มันก็ยังเป็นจริงนะ

อีกหน่อย รถไฟฟ้าวิ่งได้ 700-800 โล โอเคเลย ราคาไม่เกิน 1.5 ล้าน บาท ยิ่งเฟอร์เฟคเลยครับ

รถน้ำมันในเวลานี้ คือ ยานพาหนะที่เหมาะสมกับการเป็นรถคันที่ 2 ที่ใช้เพื่อเดินทางประจำวันมีระยะทางแน่นอนที่ไม่ไกลเกินไป แล้วให้เหมาะที่สุด คือ ต้องมีบ้านที่อยู่อาศัยของตัวเองเพื่อติดตั้ง home charge ที่บ้านได้ เพื่อไม่ต้องเจอปัญหาการเที่ยววิ่งรอกหาที่ชาร์จจนเสียจริตไปตาม ๆ กันครับ

ใช้มาปีกว่าๆถือว่าโครตคุ้ม เพราะต้องใช้รถในรูทเดิมๆทุกวัน200กิโล ประหยัดค่าน้ำมันไปโครตเยอะ ฟินมากตอนนี้

มันคือระเบิดเวลาอีกลูกนึง รอการระเบิด อีก7-8 พอแบ็ตเสื่อมก็จอดทิ้งเป็นสุสาน ซื้อแบตพอกับซื้อรถใหม่ แล้วอย่าไปหวังว่าแบตจะถูกลงเพราะแร่ที่เอามาทำแบตมันหายาก เคยเห็นทองคำถูกลงไหม เคยเห็นแบตอัลคาไลน์ถูกลงไหมผลิตจนล้นโลกแล้วยังแพงขึ้นตลอด

เริ่มแรกๆออกใหม่ๆ ว่าผู้ที่มีเงินและมีรสสำรองหลายคันเค้าก็อาจจะซื้อมาลองเล่นๆได้ ค่ะส่วนตัว คิดว่าอย่างนั้นนะ อย่างเรา ต้องรอ ดูรอฟัง เท่านั้นก่อน

กระบะอีวีที่อีสุสุเปิดตัว วิ่งได้ 300km/ชาร์ต ที่ความเร็ว 130 km/ชั่วโมง ควรเปิดมาคาเดียวกับ เครื่องดีเซลน่ะครับ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เพราะกระบะอีวีจีน หากต้องสู้กับเจ้าตลาด ต้องมาราคาต่ำกว่าเครื่องดีเซล หรือ ราคาเดียวกับดีเซล ก็เป็นได้

ผมใช้รถไฟห้าอยู่ คุ้มค่ามาก มีรถน้ำมัน จอดยาวๆ เอาไว้สำรองใช้

ตลกดีนะครับ ที่คนซื้อรถไฟฟ้า พูดถึงแบตเสื่่อม 6-7 ปี ยังไงก็คุ้ม เพราะผมเองใช้รถน้ำมัน Toyota vios มา 14 ปี แทบไม่เคยต้องซ่อมอะไร มีแอร์เสียรอบนึง นอกนั้นไม่เคยเสีย แค่เปลี่ยนอะไหล่หรือน้ำมันเครื่องตามรอบเวลา เวลาใช้สบายใจมาก เพราะไม่เคยงอแง ซอฟแวร์ไม่มี เลยไม่มีอะไรต้องกังวล สำหรับรถไฟฟ้า ผมว่าระวังอาการงอแง ลองดูเถอะ ใช้ไปซักระยะมีแน่นอนครับ

บอกตามตรง ผมรอ Solid State Battery อย่างเดียวเลย ตอนนี้ขอใช้น้ำมันไปก่อน ไม่รีบขนาดนั้น แต่ถ้า SSB มา คนสันดาป พร้อมไปแน่นอน

คนไทยหันมาเดินทางโดยใช้ วัวเทียมเกวียน น่าจะดีที่สุด แบบพอเพียงชีวิตไม่รีบร้อน ❤❤❤❤

ความเสี่ยงมีมากครับเสี่ย

ค่าน้ำมันต่อสัปดาห์ 8,000-10,000 และพร้อมก็ใช้แล้ว ดีจริง และติด tou วงจร 2 ใช้งานสะดวกก ประหยัดไปอีก เอาค่าน้ำมันมาคืนค่ารถ นับ 8 ปี ก็เท่าราคารถแล้วครับ มันเหมือนมือถือไปแล้ว ไม่ใช่เครื่องบอกฐานะครับ

คิดง่ายๆละกันครับ สำหรับคนห่วงเรื่อวแบต อีกหน่อย วิศวกร จะออกแบบใช้ทดแทนกันได้หมดครับ สามารถถอดเปลี่ยนยกชุดได้เลย เพราะ แบตก็คือแบต โมดิไฟนิดเดียว สบายบรื๋อ ส่วนคุณภาพ ตามราคาที่ดปลี่ยนครับ อย่ากังวล

อีก 5 ปีค่อยซื้อ รอให้ทุกอย่างลงตัวก่อนดีกว่า ศูนย์ซ่อม อะไหล่ ราคาแบตเตอรี่ เวลาการชาจน์แบต สถานที่ชาจน์แบต

ซื้อเลย ประหยัดจริง

เกือบจะดีแล้วครับ เวล แต่ทำไม ตอนเทียบรถมือสอง รถน้ำมันหมดประกัน แต่เอามาเทียบ รถไฟฟ้าประกันเหลือ มันไม่น่าจะใช่นะ

ถ้าอยากได้อะไรๆก้อตามแล้วอยากใช้แบบสบายใจ ต้องเริ่มต้นเมื่อพร้อม

ผมใช้มาเป็นปีแล้ว ค่ายรถทั่วโลกเลิกผลิตเครื่องยนต์แล้ว ฮะฮะไปอยู่ไหนมาทันสมัยหน่อย

ผู้ผลิตรถEVมันทำตัวของมันเอง คือค้าแบตกำไรเกินควร ถ้าแบตไม่แพงมันไปรอดแน่นอน..แต่นี่ยังทำไม่เก่ง ยังไม่มีประสบการณ์เลย มันก็โขกราคาค่าแบตเคัาแล้ว มีอย่างที่ไหนรถใช้น้อยถึงเวลา8ปี ก็ต้องซื้อแบตใหม่ราคา5-8แสน มันเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป แต่ถัาเป็นรถสันดาป รถใช้น้อยก็เสียค่าน้ำมันน้อยมันแฟร์ๆดี

รอเทคโนโลยี และพัฒนาการของรถEVก่อนจึงจะตัดสินใจรถอะไรก็ดีหมดขอให้มีตังค์ซื้อ

ล้านต้นๆ เลือก รุ่นไหนดีค่ะ ไม่ค่อบขับบ่อย ขับกทม ปริฑล แนะนำหน่อยค่ะ

อุปกรณ์​อิเล็กทรอนิกส์​ ราคามันแรง...

ตอนนี้ใช้รถน้ำมัน กำลังดู อนาคตไฟฟ้า //รถน้ำมัน ผ่อนก็เกือบ 9000 บาท ค่าน้ำมันเดือนละ 3xxx ขับแค่ไปทำงาน // ตัวเองทำงานเดือนล่ะ 25xxx บาท เหลือกิน 13000 เคสฉันมีบ้าน แต่ต้องให้คุณแม่ ค่าบัตร เครดิต บางทีแม่ก็ช่วยเราบ้างเดือนทั้งๆ ที่ไม่อยากขอเเกเลย ก็มี ใครก็ได้พลักดันราคาน้ำมันเมืองไทยที จะบ้าตายรายวัน

อยากให้มีคนทำบริการ แบตเปลี่ยนได้แบบรถTamiya แต่คัสซีเดิม บอดี้เดิม มอเตอร์เดิม เปลี่ยนแต่แบต 😅

อยากทราบว่าภายในแบตฯเนี่ย อนาคตมันสามารถใช้ด้วยกันได้ไหม เช่นซื้อเนต้าวันนี้ แบตเป็นโมดูลนี้ บล็อคนี้ อีกสิบปีข้างหน้ามีแบตแบบใหม่ ตอนนั่นน่ะมันสามารถเอามาใส่กันได้ไหมครับ

ทั้งบ้านผมมีรถคันเดียว ยังผ่อนไม่หมดเลย จะได้ชื้อรถไฟฟ้าคงอึกนานครับ ใช้น้ำมันแพงๆไปก่อนนะ ไม่มีตังชื้อไหม้ครับ

ตอนนี้พูดตรงๆ ชาวบ้านยังรอติดตามเทคโนโลยี แบตเตอรี่ กลัวจะทีการกั๊ก เทตโนโลยีเอาไว้เผื่อขาย อะไหล่ หรือ พัฒนาให้มีเป๋นรุ่นๆเหมือน โทรศัพท์มือถือ ที่มีการพัฒนาใหม่ๆรุ่นเก่าก๋ตกรุ่นไป คิดว่าคนผลิตคงคิดประเด็นด่านการตลาด มากกว้า ที่จะใหคนใช้ได้ใช้แบบคุ้มค่า ใช้จ่ายน้อยประหยัดใช้นาน แบบนี้เขาจะผลิตออกมาหาอะไร

ถ้าเงินทำงานให้คุณ ไม่ต้องรีบ มีบ้านมีที่จอดไม่ใช่คนคันแรก น่าใช้มาก แต่ถ้าไม่มีตามข้างต้น อย่าเลยครับ

รถ Ev ไม่เหมาะสำหรับทุกคน ต้องดูการใช้ชีวิต ของแต่ละบุคคล ส่วนตัวผมมองว่า เหมาะสำหรับสาย ทำงานในเมือง ชิวๆ ขับในเมือง ไม่ได้ลุยอะไรมาก อันนี้เหมาะ ถ้าลุยตจว บ่อยๆสมบุกสมบัน อันนี้น่าจะผิดประเภท แล้วแต่สไตล์การใช้ชีวิตของคนขับ

เอาเป็นว่าใครอยากใช้รถน้ำมันก็ใช้ต่อไป นั้นละส่วนคนที่อยากลอง ev ก็ลองเลยถ้าลังเลดูรีวิวก่อนค่อยซื้อ

ผมใช้รถอีวี​ พอใจและมีความสุข

ส่วนตัวผม ไปนิยมรถเก่าๆ ราคาไม่ถึงแสน เลยครับ ตอนนี้ จุดประสงค์คือ พร้อมที่จะเอาไปบวกกับพวกรถ EV พวกนี้เป็นหลักเลย เพราะเท่าที่สังเกตมา คนใหนที่ขับรถ EV คือพวกที่ขับรถแย่ที่สุดบนท้องถนน หรือพูดตามตรงว่า คือ กรูขับรถ EV กรูจะขับยังใงก็ได้ ไฟเลี้ยวจะไม่เปิดก็ได้ จะจอดตรงใหนก็ได้ ไม่มีใครกล้าแหยม เพราะรถกรูแพง ลองมาเจอกับผมหน่อยนะ รถมือสองราคาไม่ถึงแสน ที่พร้อมจะบวกกับรถ EV ที่มีแต่คนขับโง่ๆ แล้วจะได้รู้กันว่าใครผิด ใครถูก ใครจะเรือหายมากกว่ากัน

รถไฟฟ้า ตอนนี้อยู่ในช่วงพัฒนา ผู้ผลิตอาศัยผู้ที่ซื้อไปใช้เป็นการทดลองใช้จริง เพื่อปรับปรุงและพัฒนาต่อไป ฉะนั้นตอนนี้มีเงินก็ยังไม่ซื้อครับ รอให้เขาพัฒนาให้มั่นใจกว่านี้อีกนิดนึงก่อน

มีรถไฟฟ้าเป็นคันที่2 ชาร์ทที่บ้าน นานๆจะชาร์ทข้างนอก ขับทุกวัน เที่ยวเยอะกว่าเดิม ไม่ค่อยคิดมาก ประหยัดดีส่วนรถน้ำมัน นานๆก็ถอยเข้าออกที

นึกถึงอีก50ข้างหน้าที่เทคโนโลยีไปไกล มีแบตคุณภาพระดับสูง แล้วการจะปรับแต่งรถก็อยู่ที่คุณภาพแบต ถ้าซื้อระดับสูงสุดจะทําให้รถวิ่งเร็วสุดๆ

อนาคตรถ ev จะวิ่งได้เยอะ แต่ถ้าคุณไม่ได้ไปไหนไกลทุกวัน ก็เลือกซื้อวันนี้ได้เลย เพราะสุดท้ายไฟหมด ก็ชารจ ที่บ้านไม่ได้ออกไกล 500 กิโลทุกวัน / ถามใจตัวเอง ว่าจะเอาประหยัด หรือ จะเอาสวยหรู เพิ่มด้วย

ประหยัดโลละ 2 บาทกว่า ถ้ารถราคาต่ำกว่า ล้าน วิ่ง8 ปี คืนทุนแล้ว ขอให้เป็นรถคันที่2 ของบ้าน

รถไฟฟ้าอายุใช้งาน6-8ปี หมดอายุต้องทิ้ง ถ้าราคาไม่เกิน3แสนถึงจะน่าใช้

ผมใช้2คันทั้งน้ำมันทั้งไฟฟ้า จากประสบการณ์ก็รถคันนึงแค่เปลี่ยนเติมน้ำมันเป็นไฟฟ้า ถ้าใช้ไฟฟ้าเป็นคันเดียวก็ได้นะแต่ระยะแบตขับจริงต้องได้500โลขึ้น แต่ถ้าอนาคตจุดชาร์จมันมีทุกอำเภอแบบปั้มน้ำมัน 350โลก็พอ ถ้าซื้อมาแล้วก็ใช้ยาวๆไปจนมันเสื่อมครับเหมือนตู้เย็นเครื่องซักผ้าถึงจะคุ้ม

ใช้ปีละสองสามพันโลใช้อันไหนดีครับ กำลังสนใจ

ซื้อก่อนประหยัดก่อน ซื้อทีหลังประหยัดกว่า ราคาค่อยๆลด🎉

นะเวลานี้ผมไม่เอา ไม่เอารถ ev เพราะทุกวันนี้สว่านแบตราคาแพงๆที่ผมใช้ พอแบตเสียยังไม่อยากเปลี่ยนเลย แบตแพงเกิน สู้ทิ้งแล้วซื้อเครื่องใหม่คุ้มกว่ามาก ทำนองเดียวกับรถ ev พอถึงเวลาเปลี่ยนแบต รถevรุ่นใหม่คงถูกและคุ้มกว่าเปลี่ยนแบต

ขนาดผมยังไม่มายเรื่องราคาน้ำมันแต่ก็ยังเบืรอเรื่องราคาน้ำมันเลยขายรถน้ำมันทิ้ง เลยหันไปซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ประหยัดกว่ากันเยอะเลยที่สำคัญขับดีกว่ารถน้ำมันเสียอีกไม่ต้องรอรอบ

ผมเห็นรถบางยี่ห้อ ออกมาบอกว่ารองรับการเปลี่ยนแบตเป็นแบบ solid state ได้ ในราคาที่ไม่แพงและไม่ยุ่งยาก, อยากซื้อกันไหมครับ😊

ใช้อยู่ ใช้ต่อ รถน้ำมันก็ใช้บ้างเดี๋ยวเสืีอมสภาพไวกว่าเดิม

ถ้่าชอบรถไฟฟ้าอยากได้มาก อยากเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้า เปลี่ยนเลย มันอยู่ในจุดที่เสรียรแล้ว และต้องมีที่ชาร์จที่บ้าน ส่วนตัวผมคันต่อไปยังน้ำมันอยู่ แล้วจะเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าในอีก 10 ปีข้างหน้าแน่นอน ยังไงก็หนีไฟฟ้าไม่ได้

อารมณ์ ขับรถกอลฟ์ ครอบไฟเบอร์ หันมาใช้รถEvกันเยอะๆนะครับ ลดมลภาวะ ลดการนำเข้าน้ำมัน ที่ขาดดุลมากมาย

วงการอิเล็คโทรนิคพัฒนาเร็วมากครับรถไฟฟ้าจะคล้ายกับมือถือในอนาคต คือจะตกรุ่นเร็วมาก นี่คือความคิดของผมนะครับ

แบตอยู่ได้ 10 ปี มันจริงหรือเปล่า คะนไหนขับถึง 10 ปีแล้วบ้าง

ยังไงก็ดีกว่า รถยนต์ เผาฟอสซิล อาการมีมลพิษ อากาศจะดีขึ้นมาก ในเมืองเลิกวิ่งเถอะ อากาศจะได้หายใจ สบายปอด

อยู่ที่คนชอบ เพราะมีทางเลือก สันดาบแพงเกินไป ผู้ผลิตน้ำมันก็ไม่ชอบ ก็จ้างสื่อมาหนุนการใช้น้ำมัน ยังใช่ไม่ถึง3 ปีก็บอกว่าไม่ดีเสียแล้ว น้ำมันที่ไทยแพงกว่ามาเลเซีย ยังไม่รู้อีกหรือว่า คนไทยใช้น้ำมันแพงมาก ใครได้ประโยชน์กันแน่