ผมเคยฟังผ่านๆคือคนนั้นใช่ไหม การที่เค้าเทศน์อย่างนั้นมันตรงตามชื่อเขาเลย

คือ สายหลวงพ่อฤาษี ส่วนตัวผมเองไม่สงสัย ฟังทุกวัน ส่วนมีพระที่ออกมาพูดรูปนั้น ผมก็ไมทราบว่ารูปไหน แต่เคยมีประเด็นครั้งนึง มีคนตัดคลิปเสียงของท่านบางส่วน ทำให้คนเข้าใจผิด ว่าท่านบอกฉันกี่มื้อก็ได้ จริงๆถ้าฟังคลิปเต็มก็จะเข้าใจนะครับ ท่านบอกก่อนที่จะมีพุทธบัญญัติ ผมไม่ขัดแย้งท่านใด แต่ผมจะใช้หลักกาลมสูตร ​@@user-mv7ho5nk7i

สายหลวงพ่อฤาษีและครูบาอาจารย์ทุกท่าน ผมไม่สงสัยครับ แต่เคยมีประเด็นครั้งนึง ที่พระรูปนึงออกมาพูดว่าฉันกี่มื้อก็ใด่

​@@goodbyethailand1213สื้นคิดน่ะหรอครับ พอดีเลื่อนไปเจอคลิปนึงมา

@@hellomymint4749ท่านอาจจะหมายถึงในทางปรมัถธรรม หรือธรรมแท้ สิ่งทั้งปวงไม่ใช่กิเลส จิตใจที่ยึดถือคือกิเลส แต่ทางสมมติที่ต้องอยู่ร่วมกัน หรืออุบายขัดเกาต้องอาศัยระเบียบ ข้อวัตร ศีล เป็นเครื่องดำเนินจนถึงความบริสุทธิ์

สาธุครับ

พระธาตุที่เป็นข่าวดังเมื่อส่งไปตรวจพิสูจน์หาโปรตีนก็เจอจริงๆมีใบรับรองแต่เครื่องของไทยตรวจไม่ถึงจึงเหมาะเจล ส่วนพระฉันขอมาหารก่อนเช้ามีจริง

ก็ยังจะรั้นกันอีกเนอะ..พระธาตุใช้เรียกกระดูกพระสงฆ์ พระบรมธาตุใช้เรียกกระดูกของพระพุทธเจ้า ที่ศรีลังกามีสถูปบรรจุ และเห็นชัดเจนว่าเป็นกระดูกธรรมดาๆ พระเขี้ยวแก้วที่ประจวบฯก็เป็นเขี้ยวธรรมดา พระธาตุที่ลอยได้มีสีสรรเป็นอัญมณี เพิ่งจะมามีสมัยนี้แหละ ห้วงเวลาตั้งแค่สมัยอยุธยาเป็นต้นไปไม่มีเป็นหลักฐานเลย สร้างเรื่องราวขึ้นมาเองทั้งนั้น ถ้ามีจริงพระพุทธเจ้าต้องมีแสดงไว้บ้าง มีแต่ตรัสสอนว่าเป็นอสุภะ ใช้พิจารณาให้เห็นเป็นของสกปรก การเอาไปตรวจไม่ใช่เครื่องชี้วัด มันปลอมปนเหงื่อไปตรวจได้ มันต้องเอามาให้แสดงอานุภาพให้ดูเลย ว่ามีแสงเรืองรอง ลอยไปมาได้จริงหรือไม่

@@romiojukudlieng เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่แยกธาตุน่ะไม่ใช่ว่าเขาเอาธาตุ มาแช่อะไรๆแล้วเอาไปตรวจ เครื่องเขาจะแยกได้ว่ามีอะไรๆมั่งที่เป็นองค์ประกอบภายในที่ใสที่มีสีต่างๆ ขนาดกล้องจุลทรรศน์มันยังขยายได้ตั้งเยอะนี่มันแยกย่อยกว่าอีก ไม่งั้นเขาจะรู้ไงว่าอัญญมณีปลอมแท้ นี่ก็เหมือนกันธาตุที่เรียกว่าเจลลาซาด้ากับธาตุที่เกิดจากธาตุจากร่างกาย แยกจนรู้เห็นชัดเจนว่าเจลลาซาด้าทำจากอะไร ธาตุที่เป็นพระธาตุกับมีองค์ประกอบของโปรตีนจากร่างกายมนุษย์อยู่ สสารในโลกไม่ได้หายไป แล้วจะเถียงกับผลการตรวจที่คริบคลุมนี้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่เราต้องศึกษาคือ อะไร ทำไม ธาตุวัตถุในองค์พระ ท่านจึงแปรสภาพได้ถ้าไม่ใช่ธรรมปฏิบัติที่ท่านทำจริงได้ผลตามที่เป็นจริง ถ้าเราเอาข้อปฏิบัติมาทำจริงสักวันก็จะได้จริง

ท่านคิดถูกต้องล้วครับ

สรุปแล้วหาวัดท่าขนุนเจอมั้ยครับผม สอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ

จะพุทธแท้หรือเทียมนั่นไม่เกี่ยวกับเราแม้แต่น้อย ผมว่านั่นเป็นแค่โวหารที่ใช้ทำลายกันเพื่อประโยชน์บางประการ ทำตนเองให้พ้นทุกข์ให้ได้สิ นั่นแหละเรียกว่าพุทธแท้ รู้ ตื่น เบิกบาน

@@Pada... เกี่ยวซีท่านทำสิ่งนี้เพื่อสั่งสอนไม่ใช่หรือ ถ้าไม่เกี่ยวท่านคงอบรมจิตของท่านแบบปัจเจกแล้วบรรลุธรรมไปตามลำพัง ท่านมีวิธีใดๆหรือตามแต่บุญแต่กรรมดีกรรมชั่วของเขา

พุทธหลายสายที่สอนถูกก็คือพุทธแท้ทั้งนั้นแหละครับเพียงแต่ใช้วิธีต่างกัน ถ้าเอะอะก็จะเอาแต่สอนแบบเนิบ ๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไม่เอาความหวือหวาอะไรเลย พระพุทธเจ้าโคตมะองค์ปัจจุบันคงจะมีแต่พระอรหันต์สาวกที่เป็นประเภทสุขวิปัสโกอย่างเดียวแล้ว แต่พระพุทธองค์มีสาวกเป็นพระอรหันต์ถึง 4 ประเภท? นั่นเพราะจริตนิสัยความชอบแต่เดิมต่างกัน การฝึกคาถาอาคม สมถะกรรมฐานประเภทต่าง ๆ พระเครื่อง ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผู้ที่มีจริตที่ไม่ใช่สายสุขวิปัสโก เพราะฉะนั้นการศึกษาพุทธศาสนานั้นต้องมีใจกว้างและมีความแยบคายในการพิจารณา เราจะคิดเอาแต่ที่ตนเองชอบมันไม่ได้ เพราะมันจะเป็นมุมมองที่คับแคบและไม่ตรงกับสภาวะความเป็นจริงครับ

ฉันได้คืออนุโลมให้พระที่อาพาส..แล้วถ้าพระเดินทางไกล.คือถ้าไม่รู้เวลาท่านยังคิดว่าไม่เที่ยง.ท่านคงจะฉัน..แต่ถ้าบางรูปรู้และเคร่งครัดในพระวินัย.จะไม่ยอมฉันหรอก..พระกรรมฐานสายพระป่าหลวงปู่มั่นฉันแค่มื้อเดียว..ขนาดท่านบิณฑบาตรไม่ได้อาหาร.ท่านก็ยอมอดฉันน้ำอย่างเดียว.

ถ้าอยากรู้ว่าคำสอนใดผิดเพี้ยนนอกแนวหรือไม่ ให้ไปสืบค้นและเทียบในพระวินัยปิฎกสิครับ

แม้ฉันได้บ่อยมื้อโดยไม่เกินเที่ยง​ ไม่ผิดวินัยก็จริง​ แต่ในมรรคปฏิบัติ​ มัชฌิมา​ปฏิปทา​ อันเป็นทางสายกลางนั้น​ ความพอดีพองามในการขบฉัน​ ไม่เป็นไปในการส่งเสริมพอกพูนกามกิเลส​นั้นสำคัญ​ การฉันมากเกินไป​ บ่อยเกินไป​ อิ่มจนอืดแน่นเกินไป​ มักส่งเสริมนิวรณ์​คือความง่วงเหงา​หาวนอน​ ยังส่งเสริมกำลังเกินไปจนก่อเกิดกำหนัดอีกด้วย​ ธาตุแปรปรวน​ความฟุ้งซ่านย่อมเกิดขึ้น​ การฝึกสมาธิ​ที่จะทำให้จิตสงบตั้งมั่นในองค์​วิปัสสนา​นั้นก็จะเป็นสิ่งที่อ่อนกำลังลงไปโดยปริยาย​ เพราะฉะนั้น​การขบฉันที่เกินพอดีพองาม​ส่งเสริมพอกพูน​กาม​กิเลสจึงไม่ใช่มัชฌิมา​ปฏิปทา​ แต่หากการขบฉันที่เป็นไปอย่างพอดีพองาม​ รู้จักประมาณ​ เป็นไปโดยประโยชน์​แห่งมรรค​ แค่สืบต่อสังขาร(กินเพื่อ​อยู่-ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน)​เพื่อแสวงหาโมกขธรรมให้เกิดขึ้นแก่ตน​ นี่จึงกล่าวว่า​ทางแห่งพระตถาคต

ตัณหาคือความอยาก... ยังละไม่ได้เลยจะเป็นพระอริยะได้จริงหรือ..กินข้าวเลยเที่ยง..สูบบุหรี่..คำพูดคำจาด่าทอ...หลงกันไปได้ใช้สติพิจารณาดีๆนะ พระพุทธเจ้าสอนให้ตัดกิเลส3

@@footbaht6401 ใช่ครับ​ ศีล227ไม่มีข้อใดที่เป็นมลทิน​และเป็นอุปสรรค​ต่อการปฏิบัติ​บำเพ็ญ​มรรคผลแต่ประการใดเลย​ ล้วนแต่เป็นตัวขัดเกลา​กลั่นกรองดักทางกิเลสและเป็นไปเพื่อความรู้เท่าทันกิเลสทุกข์​และดับเหตุที่มาแห่งกิเลสทุกข์​เหล่านั้นได้​ ไครที่กล่าวตู่ธรรมวินัย​ที่พระพุทธองค์​ได้ทรงตรัสห้ามไว้ ติติงไว้ไม่ให้ละเมิดและให้หมู่ภิกษุ​ปฏิบัติ​ให้ถึงพร้อมโดยถ้วนหน้ากัน​ นั่นก็เพื่อความเสมอ​ภาคกันด้วยธรรมและวินัยนี้​ เพื่อการอยู่ร่วมกันของหมู่สงฆ์​โดยสงบสันติเป็นเนื้อนา​บุญ​เดียวกันไม่แปลกแยกกัน​ เพราะฉะนั้นคำว่าพระธรรมวินัย​จึงไม่ใช่เรื่องของมึงของกู​ แต่มันเป็นเรื่องส่วนกลางที่พระภิกษุ​ต้องน้อมนำเข้ามาเป็นตัวการปฏิบัติให้เสมอภาคกันโดยอรรถโดยธรรมแห่งพระตถาคตเจ้าที่ได้ทรงตรัสไว้แล้วนั้น​ หากเป็นเรื่องของกูของมึง​ มันก็จะกลับเข้ามาอยู่ในข่ายกิเลสอารมณ์​ ใจกูจิตกู​ อารมณ์​ความคิดความรู้สึกไครมันเป็นใหญ่โดยที่ไม่ได้อยู่ในบาทฐานแห่งธรรมวินัยอันเป็นตัวแทนแห่งพระพุทธ​เจ้าแต่ประการใดเลย​ ผมพูดตรงๆในที่นี้​ หากปัจจุบัน​นี้ไม่มีพระสูตร​ พระวินัย​ พระอภิธรรมให้เราได้ศึกษา​น้อมนำให้ได้มาพิจารณา​ เราท่านทั้งหลายคงโง่ไปอีกนานแสนนาน​ เพราะยุคปัจจุบัน​ พระสันแข้ง​ สันขวาน​ สันเขื่อนมันเยอะ​ จะพูดจะทำจะแสดงอะไรออกมาก็ไม่เคยคำนึงถึงพระธรรมวินัย​ ทิ้งพระสูตรไปเอาพระลัก พระลิง​ พระลามมาพูดมากล่าวมาเผยแพร่​ เอาอารมณ์​ตนเป็นใหญ่มาตัดสินและเผยแพร่​ มันจึงได้บิดเบี้ยวกันไปหมด​ แล้วทีนี้หากผู้ครองจีวรซึ่งเป็นศูนย์กลาง​แห่งศรัทธา​พาเดินผิดเพี้ยน​แปลกแหวกแนว​ ผู้ที่ยังมืดบอดที่เดินตามจะพบแสงสว่างแห่งธรรมได้อย่างไร​ มันก็คนตาบอดจูงคนตาบอดพากันไปตกเหวตายกันทั้งหมดนั่นแหละ​

ประเด็นสำคัญที่พระอาจารย์กล่าวนั้นคือ คนที่กล่าวว่า "พุทธแท้ต้องไม่แขวนพระ" อันเป็นคำพูดที่ผิด ดังรายละเอียดที่ท่านอธิบายไว้ ท่านไม่ได้บอกว่าต้องแขวนนะครับ แต่สำหรับท่านที่ต้องการจะแขวนพระ ก็ให้ถือเป็นเครื่องระลึกในถึงพุทธานุสติหรือสังฆานุสติ ซึ่งมีข้อดี คือเป็นการปฏิบัติกรรมฐานกองใหญ่โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เพราะว่ามีเครื่องโยงจิตปรากฏให้เห็นชัดขึ้นและง่ายขึ้น

@@Pada... ใช่ครับๆขอบคุณนะครับ

ฝ่ายเถรวาทชัดเจนครบ ถ้วนไร้ข้อกังขา​ถ้าศึกษา​จริงครับ.. Ok 🗣️✍️

นรก​กำลังกวักมือ​เรียก อยู่​ครับ.... 🗣️✍️

ห้ามในยามวิกาลตั้งแต่เที่ยงวันไม่ผิดหรอกมันจะผิดตรงที่คุณให้ชาวพุทธเข้าใจสับสนนี่หละ ก็แล้วแต่นะพระเณรเถรชีจะฉันมื้อเดียวก็ได้เพือตัดความกังงวลในการปฏิบัติ

@@pongsathorn-vz2ed พระแถวอุบลใช่ไหมครับ

ไม่ใช่ครับคลิปเขาตัดต่อ มีคนถามเพราะพระต้องฉันยาตามแพทย์สั่ง และต้องดูคลิปทั้งหมดถึงจะไม่เข้าใจผิด

@@PiGj-rl3kt คืออะไร ประเด็น

@@boonrueng5866 ไม่มีอะไร เป็นเรื่องเฉพาะตน ผม เป็นคนชอบกินมันเรื่อยไปไม่เว้นว่าง หากจะสนใจปฏิบัติธรรม มันต้องฝืนใจตน เว้นบ้าง เพื่อผล ที่เหมาะสม นาทีนี้ ขอความรู้จากคุณบ้าง การกำหนดลมหายใจเข้าออก เพื่อจิตเป็นสมาธิ สร่างคลาย ทุกข์ในใจบางประการ คุณพอจะให้ความรู้ได้บ้างไหม ถึงเคล็ดวิธี ต้องทำอย่างไรในระดับ แรกเริ่ม

แล้วทำไมพระพุทธเจ้าถึงเคยตรัสถึงนางวิสาขาว่าอดีตชาติในสมัยพระพุทธเจ้าองค์อื่นในอดีตนางเคยซ่อมฐานพระพุทธรูป จึงได้อานิสงฆ์เบญจกัลยาณีในชาติที่เกิดเป็นนางวิสาขา? ก่อนจะค้านเรื่องรูปเคารพพระเครื่องวัตถุมงคล แนะนำให้ไปอ่านซ้ำหลาย ๆ รอบ เรื่องเดรัจฉานวิชานะครับ เดี๋ยวนี้แปลกันผิดทั้งนั้น แล้วก็บอกว่าตนเองแท้ หารู้ไม่ว่าทิฎฐิสูงจนน้ำเต็มแก้วไปแล้ว

​@@Jakkeaw156แหม มั่นใจหรือครับ ว่าสิ่งที่อ่านมา คือ สิ่งที่ท่านตรัส หรือเป็นเพียง นิทานที่ครูบาอาจารย์รุ่นหลังแต่งเสริมเติมกันเข้าไป

​​@@mindfulbeing3904 คนที่ไม่เคยเจอครูบาอาจารย์ที่ดีจริงไม่เคยเจอคนเก่งจริง ไม่เคยมีประสบการณ์พบเจอสิ่งที่เกินจากตรรกะวิสัยปกติ ย่อมเข้าใจเรื่องที่พิเศษได้ยากเป็นธรรมดาครับ ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างผมน่ะเคยโดนผีหลอก 2 คืนติดกัน แค่นี้มันก็พิสูจน์เรื่องภพภูมิในพุทธศาสนาได้แล้วว่าที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีจริง ในขณะที่คนบางกลุ่มเป็นได้แค่นักอ่านนักวิเคราะห์แล้วสรุปเอาเองจนบางคนก็มั่นใจว่าไอ้โน่นไอ้นี่ในพระไตรปิฎกเป็นแค่เรื่องแต่งบ้าง พุทธเป็นแค่ปรัชญาพระพุทธเจ้าเป็นแค่คนธรรมดาที่ฉลาดกว่าคนทั่วไปนิดหน่อยบ้าง บางคนขนาดอ่านจากตำรายังตีความได้ไม่แตก แค่คำว่าเดรัจฉานวิชา ยังแปลผิด ๆ ตามใจตัวเองให้เว่อร์วังจนเกินปกติ เป็นต้น ก็คือก็ได้ทำแค่สรุปแบบคนมักง่าย ว่าอะไรที่ไม่ตรงใจฉันฉันก็จะอ้างว่ามันเป็นคำแต่งใหม่ซะเลย แบบนี้ใช่ไหมครับ? คนที่คิดอะไรแบบนี้มีเยอะครับ เพราะว่ามันง่ายดีและไม่ต้องใช้สติปัญญาและความพยายามในการเสาะแสวงหาและพิสูจน์เพื่อความจริงไง ผมจึงไม่แปลกใจเลยถ้าจะมีใครที่ถามอะไรคล้าย ๆ คุณ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยอ่านคำถามอะไรแนว ๆ นี้น่ะครับ

คำว่าพระ เป็นคำสูง หมายถึงพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกลงมาพระพุทธเจ้าเรียกผู้ฝึกจิตมาดีเเล้ว เจริญสมาธิมาดีแล้ว จนเป็นอริยะบุคลลและอริยะสงฆ์ขั้นต่ำโสดาบันขึ้นไปว่าเป็นพระ ส่วนที่บวชเข้ามาแล้วไม่เจริญพระกรรมฐาน ไม่เจริญสมาธิ ทำตัวเหมือนปุถุชนกิเลสหนา นั่นเรียกสมมุตสงฆ์ครับ ถ้าท่านกล่าวว่าทำตัวไม่ดี ท่านต้องแยก พระอริยะสงฆ์ กับสมมุตสงฆ์ ไม่ควรใช้คำว่าพระขึ้นนำในการกล่าวถึงการทำไม่ดีของท่านเหล่านั้นครับ เพราะท่านเหล่านั้นไม่ใช่พระ เเต่เป็นเพียงสมมุตสงฆ์