ทริปฉลองปิดเทอม จัดกระเป๋าขึ้นรถไป ไปเที่ยวดอยขุนตาล
10 - 11 ต.ค. 2565 อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จ.ลำพูน
.
ช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีเด็กๆก็จะปิดเทอมกันน่ะครับ ลูกชายเคยบอกไว้ว่าอยากนั่งรถไฟเที่ยวสักครั้ง พ่อแม่เลยจัดทริปสุดคลาสสิคเสียให้เลย เห็นหลายๆคนไปมาแล้วน่าสนุกครับ #กรุงเทพฯ_ขุนตาน รวมทั้งกางเต็นท์ค้างแรมที่ลานสน ย.2 และเดินเท้าขึ้นพิชิตยอด ย.4 ของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลด้วย
.
เราออกเดินทางคืนวันที่ 9 ต.ค. 65 ด้วยรถไฟตู้นอนชั้น 2 ด่วนพิเศษขบวนที่ 13 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ไปถึงสถานีรถไฟขุนตานก็ประมาณ 8.00 น. ของวันที่ 10 ต.ค. 65 เดินทางกันยาวนานแต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าครับ เพราะได้นอนกันค่อนข้างเต็มที่ พอถึงก็ล้างหน้าล้างตา หาอาหารเช้ากันที่สถานีนั่นละครับ มีร้านค้าอยู่ไม่กี่ร้านเอง
.
อิ่มท้องแล้วก็ถ่ายรูปเล่นกันบริเวณสถานีสักพัก มีแลนด์มาร์คสำคัญก็คืออุโมงค์รถไฟขุนตาน เป็นอุโมงค์รถไฟที่เจาะภูเขาเป็นทางลอดยาวที่สุดในประเทศไทย (1,352.10 กิโลเมตร) สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2461 โน่นเลยครับ ใกล้ๆกันมีศาลเจ้าพ่อขุนตาน ที่เราแวะสักกสระก่อนเดินเท้าขึ้นดอย และทางขึ้นอุทยานก็อยู่ใกล้ๆกัน
.
ที่สถานีขุนตานมีน้องหมาอยู่นับสิบตัวเลยครับ เป็นมิตรกับผู้ที่เดินทางมากๆ สอบถามนายสถานีก็ได้ข้อมูลว่า "เมื่อก่อนนี้มีมากกว่านี้เยอะครับ 30-40 ตัว น้องๆไม่อดกันเลย เพราะเวลารถไฟมาจอด ตู้เสบียงจะมีอาหารมาให้น้องๆอยู่สม่ำเสมอ และพวกเขาก็รู้เวลาดีด้วย แต่เมื่อ COVID-19 ระบาด ตู้เสบียงต้องถูกยกเลิกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้น้องๆบางตัวหนีหายไปจากสถานี บ้างก็ขึ้นไปอยู่บนดอยขุนตาลก็มี (จากที่สอบถาม จนท.อุทยาน บอกว่าน้องๆตามนักท่องเที่ยวมาแล้วได้อาหารก็เลยไม่ลงไปก็มี) ปัจจบันร้านค้าบริเวณสถานีก็เมตตาให้อาหารช่วงเย็นๆอยู่เป็นประจำ ส่วนน้องๆเล็กๆ นายสถานีก็จะดูแลเป็นพิเศษ มีอาหารอ่อนๆ มีนมให้กินไม่มีอด"
.
ประมาณ 10.30 น. เราเริ่มเดินขึ้นอุทยานฯกัน ระยะทางแบ่งเป็นช่วงๆดังนี้ครับ
1. สถานีรถไฟขุนตาน - ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล 1.3 กิโลเมตร
2. ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล - ย.1 1.4 กิโลเมตร
3. ย.1 - ย.2 (ลานสน) 1.4 กิโลเมตร (เราค้างคืนที่นี่)
4. ย.2 - ย.3 3 กิโลเมตร
5. ย.3 - ย.4(เนินวัดใจ) 1 กิโลเมตร
เดินเท้าช่วงแรกๆก็อากาศร้อนอบอ้าว แดดแรงมาก แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งร่มรื่นและเย็นลงๆ และฝนก็ตกสลับกับแดดตลอดการเดินเท้าเลยครับ เราจะถึงลานสน ย.2 อีกไม่ถึง 100 เมตรก็ต้องหยุดพักรอฝนอยู่เป็นชั่วโมงเลยทีเดียว
.
อ้อ.. ลืมบอกไปครับวันนี้มีนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นมาพักที่ลานสน ย.2 ทั้งสิ้น 5 คนครับ (มีพวกเรา 3 คน พ่อ แม่ ลูก และน้องคู่รักนักศึกษาอีก 2 คน) ลานสนคืนนี้เงียบบบบ บ บ สนิทเลยครับ เสียงอะไรที่เคลื่อนไหวนอกเต็นท์ได้ยินหมด แต่เราก็อยู่กันนิ่งๆ ไม่พูด ไม่ทัก แล้วก็ไม่ออกไปเข้าห้องน้ำกันเลยครับ 555+ รอเช้ามืดทีเดียวเลย
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราอยู่ในเต็นท์ได้นานๆก็เพราะบนยอดดอยขุนตาลมีสัญญาณโทรศัพท์ชัดเจนดีครับ พวกเราเลยพอหาอะไรทำคลายเหงาไปได้ครับ
.
เช้ามืดวันที่ 11 ต.ค. 2565 เลาประมาณ 04.00 น. เราเริ่มเดินเท้าไปจุดชมวิว ย.4 กันด้วยความหวังจะเห็นทะเลหมอกปังๆสักครั้งให้ได้ ระหว่างทางฟ้าสางจางๆ เราเห็นว่าไกลๆมีทะเลหมอกก็ยิ่งใจพองฟูกันครับ เดินไม่มีเหน็ดเหนื่อย แต่ก็มีฝนเบาๆสลับตลอดทางเหมือนกันครับ
แต่...ยิ่งสูงก็กลายเป็นว่าเราเดินอยู่ในสายหมอกอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้น จนถึง ย.3 ก็แล้ว ถึงเนินวัดใจก็แล้ว หมอกก็ยังหนาแน่น ถึงยอดดอยขุนตาล จุด ย.4 ก็ยังหมอกหนาอยู่อย่างนั้น
.
เรารออยู่นับชั่วโมงไม่มีวี่แววว่าหมอกจะจางลงไปก็เลยลงมาทำอาหารเช้าและเก็บข้าวของเตรียมลงจากยอดดอยไปนั่งโต๋เต๋ที่ทำการอุทยานฯและค่อยลงมาสถานีรถไฟในช่วงบ่ายๆครับ
.
ถ้าไม่นับว่าเราพลาดทะเลหมอกปังๆอีกแล้วเนี่ย ทริปนี้ถือเป็นทริปที่สนุกมากนะครับ ได้เดินทางด้วยรถไฟ ธรรมชาติบนดอยขุนตาลก็สวยงามและยอดเยี่ยมมากๆ และได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่อีกด้วย คุ้มค่ากับการเดินทางจริงๆครับ
.
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
วันนึงเราจะไปเที่ยวด้วยกัน #รถถังรังสิต