Рет қаралды 161,707
คนดังกับโรค : หาต้นตอลิ่มเลือดปริศนา ที่ทำให้ คุณ กี กรีติ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน 19 นาที!
ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เนื่องมาจากอาการปวด บวม ทั่วโลกมีผู้ป่วยที่เป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดย 1 ใน 4 ของประชากรทั่วโลกเสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งในบางรายอาจไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ภาวะลิ่มเลือดอุดตันนี้ถือเป็นภัยเงียบด้านสุขภาพที่เราต้องทำความรู้จักและหันมาให้ความสำคัญ
ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน คืออะไร?
ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่ว่าจะเป็นภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย หลอดเลือดสมองตีบตัน และภาวะลิ่มเลือดอุดตันของหลอดเลือดดำ โดยภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เป็นภาวะที่เลือดมีการจับตัวเป็นก้อนภายในเส้นเลือด ทำให้ไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะ เลือดไหลเวียนผิดปกติ จนทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน และอาจเป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เกิดจากอะไร?
สาเหตุของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แบ่งออกได้เป็น 3 สาเหตุหลักๆ ได้แก่
ผนังหลอดเลือดผิดปกติ เช่น เกิดจากบาดแผลถูกมีดบาด หรือการเข้ารับการรักษาผ่าตัดบางอย่าง จนทำให้ผนังหลอดเลือดเสียหาย รวมถึงในผนังหลอดเลือด มีคราบไขมันอุดตัน
การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ ซึ่งเมื่อเกิดการไหลเวียนของเลือดผิดปกติจะทำให้เสี่ยงเกิดตะกอนได้ง่าย เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวอาจเกิดการกระจุกอุดตัน
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เกิดจากสารห้ามการแข็งตัวของเลือดบกพร่อง เช่น ร่างกายขาดโปรตีนที่ทำหน้าที่ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด จึงทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย
สังเกตอาการภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
อาการของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จะมีอาการแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิด โดยตำแหน่งที่พบได้
ส่วนใหญ่ ได้แก่
ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา - ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก (DVT)
ขาเป็นตำแหน่งที่เลือดไหลเวียนได้ช้า โดยส่วนใหญ่ลิ่มเลือดอุดตันจะพบในหลอดเลือดดำ ผู้ป่วยจะมีอาการขาโต บวม กดเจ็บ หรือเดินแล้วมีอาการปวดบวมมากขึ้น เมื่อเกิดลิ่มเลือดอุดตัน โดยจะปวดบวมใน 2-3 วัน
ลิ่มเลือดอุดตันบริเวณขา หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่รับการรักษาภายในระยะเวลา 3 เดือน จะทำให้เกิดความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันในปอดและเสียชีวิตได้
ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism)
เป็นภาวะเสี่ยงที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยง่าย เหนื่อยหอบ ซึ่งระดับความเหนื่อยอาจมีความแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ หรือปริมาณลิ่มเลือดที่อุดตัน โดยอาจมีการเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเหนื่อยในช่วงที่ทำกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้พบอาการแน่นหน้าอกกะทันหัน ความดันโลหิตตก และอาจมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย หากเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดเฉียบพลัน
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เคยเข้ารับการผ่าตัดต้องนอนนิ่งเป็นเวลานาน การนอนโรงพยาบาลนานๆ
ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีโรคประจำตัว ผนังหลอดเลือดจะยิ่งมีความเสื่อมมากกว่าคนอายุน้อย
การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
โรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งตับอ่อน มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือด
มีโรคประจำตัว โรคความดันโลหิตสูง หรือคอเลสเตอรอลสูง โรคอักเสบเรื้อรัง
รับประทานยาบางชนิด เช่น คุมกำเนิด
การตั้งครรภ์ โดยพบว่าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ทุกๆ 1 ใน 1,000 คนที่กำลังตั้งครรภ์จะเกิดลิ่มเลือด
ติดเชื้อโควิด-19
สูบบุหรี่
สัญญาณอันตรายของอาการที่ควรสังเกตและระวัง คือ มีอาการปวดขาและกดเจ็บ บวมแดง หายใจถี่ หายใจเร็ว เจ็บหน้าอก และไอเป็นเลือด
ตรวจวินิจฉัยได้อย่างไร?
การวินิจฉัยภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่แพทย์สงสัยว่าอาจมีลิ่มเลือดอุดตัน โดยสามารถตรวจวินิจฉัยภาวะอุดตันของเส้นเลือดดำ D-Dimer, การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan และการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI
ป้องกันการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ด้วยการดูแลสุขภาพของตนเอง ให้ห่างไกลจากการมีประจำตัว หมั่นขยับร่างกาย ออกกำลังกาย และไม่ควรอยู่ในท่าเดิมๆ เป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ยืดเส้นยืดสายประมาณ 5 นาที ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ งดดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่เกณฑ์มาตรฐาน และควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงตรวจเช็กความผิดปกติของหัวใจ
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีน
ปัจจุบัน หลายท่านคงมีความกังวลใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือ ภาวะ VITT (Vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia) เป็นภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ชนิดที่อาศัยไวรัสเป็นพาหะ หรือ Viral Vector Vaccine ผลข้างเคียงดังกล่าวพบได้น้อยมาก โดยพบในอัตรา 3.6 : 1 ล้านคน และอาการมักเกิดหลังจากฉีดวัคซีนประมาณ
4-30 วัน โดยควรสังเกตอาการ
ปวดศีรษะรุนแรงและต่อเนื่อง
มีอาการทางระบบประสาทเฉพาะที่ เช่น ตามัว เห็นภาพซ้อน
หายใจไม่อิ่ม เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย
มีเลือดออกผิดปกติ เช่น มีจ้ำเลือดตามตัว มีตุ่มน้ำที่มีเลือดออกภายใน
แขน ขา บวมแดง หรือซีด เย็น
ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้อาเจียนต่อเนื่อง และอาจมีอาการถ่ายเป็นเลือด
หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด
มีอาการเกิดใหม่หลังฉีดวัคซีน
สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีน 4-30 วัน หรือมีอาการผิดปกติที่ไม่หายหลังฉีดวัคซีนเกิน 3 วัน ควรรีบไปปรึกษาพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย เนื่องจากภาวะดังกล่าวสามารถรักษาให้หายได้หากได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว