ย้อนกลับไปไม่มีใครไม่รู้จัก วงดีทูบี วงบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งยุค และแน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “บิ๊ก ดีทูบี” หรือ ปาณรวัฐ อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ หนึ่งในสมาชิกที่มีแฟนเพลงวัยรุ่นชื่นชอบมากที่สุด ในฐานะของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ บิ๊กจัดได้ว่าเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีแฟนคลับห้อมล้อมชื่นชมมากมาย และเมื่อดูจากอายุ อานามแล้ว “บิ๊ก” กับ “วงดีทูบี” ก็น่าจะเป็นวงบอยแบนด์ที่ประสบความสำเร็จไปได้อีกหลายปี แต่ถ้าหากว่าชื่อเสียงความสำเร็จที่เดินทางมาถึงเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้จากเบื้องบน เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดและเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ก็คงเป็นสิ่งที่น่าจะถูกลิขิตไว้เช่นกัน เวลา ตีหนึ่ง สิบห้านาที ของคืนวันที่ 22 ก.ค. 2546 บิ๊กเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำตกคูริมถนนศรีนครินทร์ บิ๊กถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในเบื้องต้นดูเหมือนว่าอาการของบิ๊กไม่น่าเป็นห่วง แพทย์ระบุว่าบิ๊กมีอาการปอดอักเสบ เนื่องจากสำลักน้ำสกปรกเข้าไป แต่หลังจากนั้นบิ๊กกลับมีอาการปวดหัวอย่างหนัก จนกระทั่งมีการตรวจพบว่า ในสมองของ "บิ๊ก" มีอาการบวมเนื่องจากเป็นฝีมีน้ำหนอง พบทั้งหมด 5 จุด ก่อนที่บิ๊กจะถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดสมองโดยด่วน ซึ่งอาการในขณะนั้นมีโอกาสรอดน้อยมาก อาการป่วยของบิ๊กไม่ได้เพียงสร้างความเสียใจให้กับครอบครัวเท่านั้น หากแต่หัวใจของบรรดาแฟนเพลงวัยรุ่นที่รู้ข่าวก็เหมือนจะแตกสลายไปด้วย ตลอดหลายเดือนที่บิ๊กรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แทบทุกวันมีแฟนเพลงหลายร้อยคนมาร่วมส่งกำลังใจให้บิ๊กหายป่วย และลืมตาตื่นขึ้น แฟนเพลงวัยรุ่นร่วมแรงกันพับนกกระดาษนับหมื่นๆ ตัวเพื่อเป็นดั่งสัญลักษณ์ให้บิ๊กปลอดภัย และร่วมกันอธิษฐานให้ปาฏิหารย์เกิดขึ้นจริง ให้บิ๊กรอดชีวิต ในที่สุดคำอธิษฐานและปาฏิหารย์ที่แฟนเพลงอยากให้เกิดขึ้น ก็เป็นจริง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม จากวันที่หมอ บอกว่า บิ๊กมีโอกาสรอดเพียง 0.01 เปอร์เซ็นต์ บิ๊กฟื้น ลืมตาตื่นขึ้น แม้ร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหว เพราะสมองถูกทำลายจากเจ้าเชื้อโรคร้ายทว่า บิ๊กยังมีลมหายใจ เป็นลมหายใจแห่งความหวัง ที่ไม่เพียงยืนยันการ "สู้" ของเขาเท่านั้น แต่ยังพิสูจน์ "ใจ" ของพ่อแม่ ที่ไม่เคยทอดทิ้งลูกชายคนนี้แม้เพียงนาทีเดียว หลังจากพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธและโรงพยาบาลพระมงกุฎนานร่วมปี บิ๊กก็กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีคุณพ่ออุดม และ คุณแม่ยุพา กิตติกรเจริญ เป็นผู้ดูแล "สามปีที่ผ่านมา พ่อไม่ได้ไปไหนเลย ทุกวันก็อยู่ดูแลบิ๊กอย่างใกล้ชิด ส่วนแม่ก็รับหน้าที่ดูแลหอพักซึ่งเป็นรายได้หลักของบ้าน ตอนนี้อาการของบิ๊กยังไม่มีการตอบสนอง แต่เขาจะหูดี เวลาได้ยินอะไรจะเหลือบตาไปมอง แต่ว่าบิ๊กยังสื่อสารไม่ได้ พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารับรู้หรือเปล่า“ ภาพของบิ๊กในวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายนิทรา แม้ว่านอนป่วยมานานร่วม 3 ปี แต่หน้าตาของบิ๊กก็ยังคงเค้าโครงของเด็กหนุ่มหน้าตาดี ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา อ้วนท้วนสมบูรณ์ แขนขา หน้าอก ยังคำล่ำสัน สมบูรณ์ ไม่เหมือนกับคนที่นอนนิ่งๆ ไม่ขยับตัวมาเป็นเวลานาน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งยืนยันว่า พ่อและแม่ของบิ๊กดูแลบิ๊กเป็นอย่างดี "ทุกวันนี้บิ๊กต้องให้อาหารทางช่องท้อง พ่อจะให้อาหารวันละสามมื้อ แล้วก็มีอาหารว่างเป็นพวกนมเปรี้ยวระหว่างมื้อ เพียงแค่นี้ เวลาของพ่อก็หมดไปเกือบทั้งวันแล้ว เพราะการให้อาหารแต่ละมื้อใช้เวลานานพอสมควร พอให้อาหารเสร็จ ก็ต้องไปเตรียมการให้อาหารมื้อถัดไป หรือไม่ก็ต้องไปซักผ้า ไปตากผ้า เพราะว่าวันหนึ่งบิ๊กต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนวันละสองครั้ง“ พ่อบิ๊กเล่าหน้าที่ประจำที่ทำมาตลอดหลายปีให้ฟัง
"เราดูแลเขาอย่างเอาใจใส่มาก ผ้าปูต้องปูให้ตึง ไม่ให้มีรอยยับ เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ช่วงกลางวันก็ต้องทำกายภาพบำบัดให้เขาบ้างเพื่อไม่ให้ข้อต่างๆ ยึด สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็หวังว่า วันหนึ่งถ้าหากสมองเขาสามารถฟื้นตัว สามารถสร้างเซลล์สมองขึ้นมาใหม่ได้ เมื่อบิ๊กตื่นขึ้นร่างกายเขาก็มีสภาพพร้อม” เมื่อถามว่าพ่อยังมีความหวังหรือไม่ว่าบิ๊กจะกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม พ่อนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบว่า “การจะให้เขากลับมาแข็งแรงเช่นเดิมคงเป็นไปไม่ได้ แต่ที่เราทำทุกวันนี้ก็หวังว่า บิ๊กจะสามารถสื่อสาร พูดคุยกับพ่อได้บ้าง
ติดตามข่าวสารทีวีบูรพาเพิ่มเติมได้ที่
tvburabha.com/
/ tvburabha
/ tvburabhabha
/ kontvbura