ເພື່ອຊວນເຊື່ອທຸກຊັ້ນຄົນ ໂດຍພວກຄົນຫຸ້ນຫລັງແລະຊັ້ນຄົນໄວໜຸ່ມທັງ​ຫລາຍໃນທົ່ວທຸກພາກພື້ນຂອງໂລກ.

ถ้าใช้ตรรกะว่า ประวัติทุกเรื่องล้วนเกิดจากการปั้นแต่งของนักล่าอาณานิคม เพราะไม่มีใครเกิดทันและไม่มีใครเคยเห็นตอนสร้าง ฟังดูเหมือนคนพูดดูเท่ห์ มีภูมิแต่ไร้สมองไปหน่อย ถ้าใช้ตรรกะนี้ เรื่องศิลาจารึก ตำนาน การบอกเล่าก็ตัดไปเลย ใช้อ้างอิงไม่ได้เพราะถึงจะเป็นการบันทึกจริงตามกาลก็จะถูกผลักไปอยู่ในหมวดปั้นแต่ง เพราะไม่มีใครเหลือชีวิตจากยุคนั้นมายืนยันได้สักคน จริงอยู่ในแต่ละยุค อาจจะมีการปั้นแต่งมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่นเพื่อสร้างค่านิยมคลั่งชาติ การรวมเป็นหนึ่ง อย่างที่คอมมิวนิสต์ลาวชอบทำกันมา แต่การเหมารวมทั้งหมดมันก็อคติและดูเขลาเกินไป. ที่มาของแต่ละสิ่งเขาถึงเอาหลายปัจจัยมาประกอบ ทั้งศิลาจารึก การบันทึกของชาวต่างชาติในอดีต. ศิลปะที่สร้าง ฯลฯ ยิ่งในปัจจุบันเขามีเทคโนโลยีตรวจสอบว่าวัสดุที่ใช้อยู่ในยุคใด ตรวจยัน DNA ถึงชาติพันธุ์ เขาถึงค่อยนำมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะเพื่อต่อจิ๊กซอร์ส่วนที่ขาดไปให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ กว่าจะทำสรุปออกมาใช้เวลานานมาก แต่จู่ๆมีใครๆก็ไม่รู้ ใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที มาโชว์สมองอันล้ำลึกว่า ประวัติเกิดจากการแต่งของนักล่าฯเพราะตอนสร้างไม่มีใครเห็น และคนที่เห็นไม่มีใครรอดจนถึงทุกวันนี้ คนไทยเรียกพวกนี้ว่า โง่แลัวอวดฉลาด...ในเรื่องโง่ๆ คนเขาถึงบอกว่า. "ตรรกะ" มันบ่งชี้ถึงระดับการศึกษาว่าสอนคนให้ คิด แยกแยะ วิเคราะห์ได้มากน้อยอย่างไร ยิ่งมีอคติก็ยิ่งคิดเหมารวมและคิดว่าสิ่งที่ตนคิดถูกแต่เพียงผู้เดียว สุดท้าย : ประวัติมันจะจริงหรือไม่จริงยังไง ???? ถ้ามันไม่ทำร้ายใคร และสร้างประโยชน์ไม่ทางใดทางหนึ่ง ก็ปล่อยวางไปเถอะ. มีเรื่องอื่นที่จำเป็นให้ทำอีกเยอะ. เอาเวลาไปพัฒนาประเทศของตนดีกว่า การไปเที่ยวแซะประเทศอื่นแล้วคิดว่าทำให้ประเทศตนดูดีขึ้นมันไม่มีหรอก. มันมีแต่ความสมเพชที่มอบให้เท่านั้น.