Рет қаралды 9,373
สถานที่สักการะองค์พระเจดีย์มุลาอิ บนยอดเขาสูงร่วม 2,000 เมตร ในเขตการปกครองของทหารกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) แม้การเข้าถึงจะยากลำบากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ศรัทธาหรือนักแสวงบุญลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
เนื้อหาช่วงต่างๆ
0:00 เดินทางไปยัง อ.พบพระ
1:07 เช้ามืดที่ อ.พบพระ
3:13 ข้ามแม่น้ำวาเลย์ขึ้นฝั่งพม่า
4:12 พักรถที่หมู่บ้านจะนอทะ
7:57 เส้นทางขึ้นเขา
10:41 จุดตั้งแคมป์
11:49 บรรยากาศในแคมป์
12:11 บรรยากาศโดยรวม
12:50 เดินชมเจดีย์รอง
13:50 ขึ้นสักการะเจดีย์ (เจดีย์บนและเจดีย์ล่าง)
15:12 วิวจากบริเวณเจดีย์บน
16:06 วิวมุมสูง (โดรน)
18:25 แสงเย็นและผู้คน
20:13 ภาพเงาดำ
21:35 พูดคุยสนทนากับคนในทริป
25:40 บรรยากาศยามค่ำคืน
27:29 เช้าวันใหม่
28:56 แคนดิด ผู้คน และอารมณ์
30:17 ประมวลภาพ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับที่นี่มีดังนี้
1. ต้องนั่งรถโฟร์วิวที่จัดเตรียมไว้ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง (ตอนที่ผมไปใช้เวลา 3 ชั่วโมง, 1 ชั่วโมงแรกจะจอดพักที่หมู่บ้านจะนอทะก่อนที่จะขึ้นเขา, 2 ชั่วโมงหลังจะเป็นการนั่งรถขึ้นเขาจนถึงเขตอารามมุลาอิ) โดยการเดินทางจะเริ่มต้นที่ ตัว อ.พบพระ หรือที่ บ้านลุงจ่า ก็แล้วแต่การจัดการของคนนำทริป
2. การข้ามฝั่งไทย - พม่านั้น จะเริ่มกันที่การนั่งรถผ่านแม่น้ำวาเลย์
3. แต่งกายมิดชิด และสวมหน้ากากอนามัยให้พร้อม เพราะเส้นทางหลังจากข้ามฝั่งมา ทางโดยมากจะเป็นทางลูกรังมีฝุ่นเยอะ โดยเฉพาะถ้าใครนั่งติดกระบะหลังอาจจะได้ผลกระทบจากฝุ่นที่ตีกลับขึ้นมามากกว่าคนที่อยู่ด้านหน้า แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็ยังต้องเผชิญกับฝุ่นอยู่ดี
4. จะมีจุดพักรถบนเขาที่เรียกว่า “ทีพอมู” จุดนี้เป็นจุดที่มีห้องน้ำ หรือใครจะอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สะอาดก่อนขึ้นไปแสวงบุญก็ทำได้ และหลังจากจุดนี้ไปจนถึงเขตอารามมุลาอิขอให้เพื่อนๆ สำรวม ไม่พูดจาหยาบคาย หรือทำการใดอันเป็นอกุศลจน รวมทั้งอาหารที่ทำกินในระหว่างพักแรมก็ต้องเป็นอาหารเจ ที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์
5. หลังจากลงรถที่บริเวณอารามมุลาอิ เพื่อนๆ เลือกจะทำได้ 2 อย่างคือ
5.1 ขึ้นไปสักการะพระธาตุมุลาอิก่อนแล้วค่อยเอาเป้สัมภาระไปแคมป์ หรือ
5.2 เดินเท้าระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เพื่อไปยังแคมป์ หาที่กางเต๊นท์สำหรับพักแรมก่อน แล้วค่อยเดินกลับมายังจุดลงรถเพื่อเดินขึ้นยอด (ยอดพระธาตุมุลาอิและจุดกางเต๊นท์เป็นเขาคนละยอดกัน) แนะนำให้เพื่อนๆ ทำข้อ 5.2 ก่อนครับ
6. เนื่องจากบริเวณแคมป์เป็นเนินเขาที่ไม่ได้มีพื้นที่ราบมากนัก ดังนั้นคนที่มาก่อนก็จะได้สิทธิ์ในการเลือกทำเลกางเต๊นท์ได้ก่อน (ใครมาช้าอาจจะได้พื้นที่กางเต๊นท์ที่เป็นที่ราบเอียง นอนไปก็ไหลไปกองที่มุมเต๊นท์อะไรแบบนั้น)
7. ที่จุดจอดรถ จะมีรถชาวบ้านมาขายน้ำอัดลม ถ้าใครร้อนๆ ต้องการเครื่องดื่มมาดับกระหาย โค้ก 325 มล. ขวดละ 30 รอเพื่อนๆ อยู่
8. เต๊นท์คือที่พักที่เหมาะสม และถ้าจะนอนให้สบายให้เตรียมแผ่นรองนอนมาด้วย
9. ห้องน้ำ ผมไม่เห็นว่ามีห้องน้ำที่จุดกางเต๊นท์ ดังนั้นถ้าปวดหนักคงต้องเข้าป่าที่ลับตาคน หรือจะยอมเดินเท้าอีก 1.5 กิโลเมตร เพื่อไปเข้าห้องน้ำที่บริเวณอาราม (จุดที่ลงรถ) แต่ผมว่าเคสหลังคงเป็นไปได้ยาก
10. เรื่องขยะ อย่างพวกขวด กระป๋อง ไม่น่าหวงเท่าเรื่องทิชชู่เปียก แม้จะมีความสะดวกสบายในการใช้งาน ถ้าคิดในเรื่องการย่อยสลายก็ถือว่าเป็นปัญหาอยู่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้สถานที่สกปรกไปมากกว่านี้ ชิ้นไหนที่พอจะเก็บมาทิ้งในถุงดำได้ก็ช่วยเก็บมาทิ้ง ดีกว่าปล่อยให้มีเศษทิชชู่เปียกขาวโพลนตามข้างทางเดิน เพราะผมเชื่อว่าจะมีคนโดยมากที่ทิ้งเวลาที่มาทำกิจยามค่ำคืน ส่วนเศษอาหารก็ขุดหลุมฝังให้ย่อยสลายตามธรรมชาติ
ข้อ 11-12 เป็นข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้หญิง
11. องค์เจดีย์จะมี 2 ยอด (ขอเรียกว่าเจดีย์บน และเจดีย์ล่างแทนนะครับ) ผู้หญิงจะสามารถขึ้นมาสักการะได้แค่เจดีย์ล่าง โดยต้องนุ่งโสร่งและแต่งกายให้มิดชิด เหมาะสม ไม่ล่อแหลม และห้ามผู้หญิงที่มีประจำเดือนขึ้นหรือผ่านซุ้มประตูเข้ามาเป็นอันเด็ดขาด (สำคัญ) เพราะความเชื่อของชาวพม่าเชื่อกว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนคือผู้หญิงสกปรก ที่ไม่คู่ควรกับเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนผู้ชายสามารถขึ้นได้ทั้ง 2 ยอดครับ
12. ห้ามผู้หญิงตักน้ำในอ่าง ไม่ว่าจะกรณีใดๆ รวมถึงการทำอาหาร
"1 การติดตามของคุณ คือ 1 กำลังใจให้เรา"
ขอบคุณที่รับชม
ตากล้องสายเที่ยว
www. taklongtraveler
11 มกราคม 2563