จากกรณี นายธนบดี พรหมสุข อายุ 38 ปี ประธานกรรมการศูนย์อนุรักษ์ช้าง บริษัทช้างทองคำประเทศไทย จำกัด เจ้าของช้างเชือกสำคัญคือ “พ่อพลายเอกชัย” อายุ 37 ปี ที่ถูกนำมาเลี้ยงไว้ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง ช้างทองคำ ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี หลังผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้เข้าน้อมเกล้าฯ ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ให้เป็นช้างเผือกคู่พระบารมีเชือกแรกประจำรัชกาล โดยมีการดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 61 และหัวหน้าโรงช้างต้น สำนักพระราชวัง มล. พิพัฒนฉัตร ดิศกุล พร้อมคณะ และ ควาญช้างคือ นายอภินันท์ ทรัพย์มาก ได้ตรวจสอบและยืนยันในเบื้องต้นว่า ช้างเชือกดังกล่าว มีคชลักษณ์ ต้องตาม พ.ร.บ.ช้างสำคัญ หรือช้างป่าที่มีคุณลักษณะสำคัญ มาตรา 4 ที่ระบุคุณลักษณะสำคัญ 7 ประการ คือ ตาขาว, เพดานปากขาว, เล็บขาว, ขนตัวขาวยาว, พื้นหนังขาว, ขนหางขาว,และ อัณฑโคตร์ขาว (อวัยวะเพศ) อย่างไรก็ตาม ประเด็นเกี่ยวกับการตรวจคชลักษณ์ ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย กระทั่งปัจจุบันระยะเวลาผ่านไป 6 ปี การดำเนินการก็ยังไม่คืบหน้า และประสบกับปัญหาอุปสรรคนานาประการ รวมทั้งกรณีที่เจ้าของช้างและพ่อพลาย ถูกข่มขู่คุกคาม จากกลุ่มบุคคลผู้ไม่ประสงค์ดี
ล่าสุดวันนี้ (25 ส.ค. 66) ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง ช้างทองคำ ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนจาก กระทรวงมหาดไทย, กรมการปกครอง, ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี, ผู้เชี่ยวชาญคชลักษณ์ 4 ท่าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบลักษณะของ “พ่อพลายเอกชัย” เพื่อพิสูจน์ทราบในเบื้องต้นว่า ช้างพลายเชือกดังกล่าว มีคุณลักษณะสำคัญ 7 ประการ ครบตามตำราคชลักษณ์หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบ หารือ กันเกี่ยวลักษณะของช้าง เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง กระทั่งถึง 17.00 น. ซึ่งหลังจากนี้จะต้องรอ ให้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ กระทรวงมหาดไทย สำนักพระราชวัง และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ก่อน จึงจะดำเนินการตรวจคชลักษณ์ “พ่อพลายเอกชัย” อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายธนบดี ประธานศูนย์อนุรักษ์ช้างทองคำ เผยว่า ที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้ออกเอกสาร ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบเรื่องที่จะนำ “พ่อพลายเอกชัย” ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นช้างเผือกเชือกแรกในรัชกาลที่ 10 ซึ่งพบว่ามีคชลักษณ์ ครบทั้ง 7 ประการ เป็นช้างสำคัญตาม พ.ร.บ.สำหรับรักษาช้างป่า พระพุทธศักราช 2464 ที่สำคัญมี 1 รูขุมขนมีขน 2 เส้น บางรูขุมขนมี 3 เส้น ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ช้างทั่วไปจะมีรูระบายอากาศที่เพดานเหงือก 2 รู แต่ พ่อพลายเอกชัย จะมีรูระบายเพียง 1 รู นี่เป็นคุณลักษณะพิเศษ ซึ่งคชลักษณ์ทุกอย่างมีครบตามที่กำหนด แต่ที่ตนสงสัยว่าทำไมเรื่องผ่านมาเป็นระยะเวลา 6 ปีแล้ว ทางกระทรวงมหาดไทยถึงยังไม่เปิดช่องทางในการนำทูลถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งตัว “พ่อพลายเอกชัย” และตน ต้องประสบพบเจอกับการข่มขู่คุกคามจากผู้ไม่หวังดี เนื่องจากตนปฏิเสธที่จะขายช้างพลายเชือกนี้ ให้กับผู้ที่พยายามติดต่อมาขอซื้อ โดยบางรายตั้งราคาสูงถึงหลักสิบล้าน โดยหวังจะนำขึ้นทูลเกล้าถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10 เองโดยไม่ทราบว่ามีเจตนาแอบแฝงอย่างไร แต่ยืนยันว่า สำหรับตนเองมีความมุ่งมั่น ในการทูลเกล้าถวายเพื่อเป็นสิริมงคลแด่วงศ์ตระกูลสืบทอดไปจนรุ่นลุกหลาน จึงอยากวานไปถึงเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจคชลักษณ์ พ่อพลายเอกชัย โดยยึดหลักคชลักษณ์ตามตำราและความเชื่อที่สืบทอดมาแต่โบราณ และเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย
ขณะที่ อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. และคณะทำงาน ซึ่งได้เดินทางเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ แต่ต้องพบเจอกับปัญหา ถูกชาวบ้านที่เคารพบูชา “พ่อพลายเอกชัย” ขับไล่กลุ่ม ศปปส. ให้ออกจากพื้นที่เนื่องจากไม่พอใจที่ กลุ่มศปปส.เคยพูดโจมตี “พ่อพลายเอกชัย” ว่ามีลักษณะไม่ตรงตามคชลักษณ์ ไม่สามารถนำถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้
โดย นายอานนท์ เปิดเผยว่า ทางกลุ่ม ศปปส. ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่แต่อย่างใด เพียงแต่อ้างอิง ความเห็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ระบุมาว่าพ่อพลายเอกชัย มีคชลักษณ์ ไม่ตรงตามที่กำหนด จึงไม่สามารถใช้คำว่าเป็นช้างมงคลได้ ซึ่งทุกอย่างจะต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุป เพราะวันนี้ก็มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องนำเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญเข้าร่วมสังเกตการณ์ ถ้าข้อสรุปออกมาว่า คชลักษณ์ ไม่ตรง ก็ต้องว่าไปตามเนื้อผ้า
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปเป็นข้อยุติได้ซึ่งคงต้องรอผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการณ์อีกครั้ง
#TOPNEWS #พลายเอกชัย #ในหลวง
--------------------------------------------------------------------------
WEBSITE : HTTPS://WWW.TOPNEWS.CO.TH
FACEBOOK : HTTPS://BIT.LY/FBTOPTV
LINE : HTTPS://BIT.LY/LINEXTOPTV
TWITTER : HTTPS://BIT.LY/TWTOPTV
.
.
ติดต่อโฆษณา
worarak@topnews.co.th