Vote เอาบิ๊กโจ๊กกลับ สตช.
/ @artsupawatt
พล.ต.อ.วินัย - มีอคติ ไม่เป็นกลาง คดีบิ๊กโจ๊กหรือไม่ | ไม่มีสิทธิ์พิพากษา& ชี้นำสังคมว่าบิ๊กโจ๊กผิด
พลตำรวจเอกวินัย ทองสอง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘คลุกวงใน’ เกี่ยวกับประเด็นร้อนวงการตำรวจ ที่กำลังทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติลุกเป็นไฟ และ บทบาทของท่านในฐานะ หนึ่งในคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นเพื่อสืบปมขัดแย้งของบิ๊กโจ๊กและบิ๊กต่อ
ผมยอมรับว่า ทั้งตกใจ ทั้งงงกับตรรกะ ที่กลับตาลปัตรของท่านวินัย ไม่อยากเชื่อว่านายตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีความคิดแบบนี้ ถ้าเป็น ผู้การเอนก จากละครเรื่อง ‘สารวัตรใหญ่’ พูดออกมาผมจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่มันเป็นคำพูดของนายพลตำรวจผู้ที่สังคมให้ความเคารพและนับถือ และที่นายก ให้ความไว้วางใจแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เลยไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อพิธีกรในรายการถามท่านวินัยว่า รู้ไหมว่าทำไมบิ๊กโจ๊กถึงได้ฟ้องท่าน ทีแรกท่านวินัยทำท่าเหมือนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ จริงแล้วท่านรู้อยู่แก่ใจว่าบิ๊กโจ๊กฟ้องท่านเพราะ เมื่อวันที่ห้าเมษายนที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงปมความขัดแย้งระหว่างบิ๊กโจ๊กกับบิ๊กต่อ ท่านได้พูดถึงบิ๊กโจ๊กว่า ‘มีส่วนเกี่ยวข้องและ มีส่วนที่จะได้รับประโยชน์ ‘ และยังได้พูด ต่อไปว่า….บิ๊กโจ๊ก ‘ท่านรู้ และ บางส่วนท่าน ได้รับประโยชน์ และในขณะนี้ความเห็นของคณะกรรมการก็ไปในทิศทางเดียวกันกับที่ศาลได้ออกหมายจับว่า มีส่วนในการกระทำผิด’ ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทบิ๊กโจ๊ก
เนื่องจากการตัดสินว่า บิ๊กโจ๊กกระทำผิดหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของศาลไม่ใช่ของท่านวินัย และที่สำคัญคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีหน้าที่รายงาน ผลให้นายรัฐมนตรีทราบ ไม่ใช่ออกมาแถลงข่าว กล่าวหาว่าบิ๊กโจ๊ก ว่ากระทำความผิดจริงแล้วอ้างว่ามันเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องรายงานให้เจ้า นายของท่านคือประชาชนได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถามจริงๆเถอะครับ ท่านไม่มีวิจารณญาณหรือปัญญา ในการแยกแยะเหรอครับว่า การแจ้งให้ประชาชนรับรู้ ความคืบหน้าในการสอบสวน มันแตกต่างกับสิ่งที่ท่านทำ และนั่นก็คือ
การพยายามชี้นำสังคมให้เข้าใจว่าบิ๊กโจ๊กได้กระทำความผิดจริง ซึ่งทำเป็นตำรวจมานานจนได้รับยกย่องให้เป็นตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ ท่านไม่เคยได้ยินหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ เลยเหรอครับ เพราะ ตามหลักกฏหมาย บิ๊กโจ๊ก ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้นท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะพิพากษาว่าบิ๊กโจ๊กกระทำผิดจริงหรือไม่ และชี้นำสังคมให้เข้าใจบิ๊กโจ๊กไปในทางที่ผิด ซึ่งเป็นการทำให้บิ๊กโจ๊กต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและนี่คือเหตุผลว่าทำไมบิ๊กโจ๊กถึงได้ฟ้องท่าน
ที่แย่ไปกว่านั้น และเป็นการ แสดงให้เห็นถึงเจตนาทำให้บิ๊กโจ๊กเสื่อมเสียชื่อเสียง เมื่อนักข่าวถามว่า ถ้า ภายหลังศาลพิพากษาว่าบิ๊กโจ๊กไม่ผิด ท่านวินัยตอบ ถึงศาลจะยกฟ้อง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ผิด เพราะท่านมีหลักฐานยืนยันว่าผิดจริง นี่มันอะไรกันครับท่าน ถ้าศาลตัดสินว่าบิ๊กโจ๊กไม่ผิด แล้วท่านเป็นใคร ที่จะทำตัวอยู่เหนือคำพิพากษาของศาล ด้วยการไม่เคารพคำพิพากษาของศาลแล้วยืนยันว่าบิ๊กโจ๊กกระทำผิดจริง นี่ไงครับที่ผมบอกว่าตรรกะของท่าน วินัยกลับตาลปัตร มันไม่น่าจะเป็นความคิดของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่สังคมให้ความนับถือครับ
ผมไม่แน่ใจสิ่งที่ท่านพยายามจะสื่อ แต่คำพูดของท่านทำให้ผมเข้าใจว่า ท่านไม่สนข้อบังคับของกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม เพราะถ้าท่าน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติคิดว่าผิดก็คือผิดอย่างนั้นเหรอครับ ท่านรู้มั้ยว่ามันเป็นตรรกะที่น่ารังเกียจ สิ้นดีครับ
มาถึงจุดนี้ ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมท่านวินัยถึงได้เอา คุณงามความดีที่ได้กระทำมาตลอดชีวิตเพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนได้รับยกย่องว่าเป็นตำรวจดีมีคุณธรรม เพราะนอกจากจะเป็นอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว ท่านยังเป็นนายกสมาคมตำรวจ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเกียรติยศสูงสุด ที่ตำรวจน้อยคนจะได้รับ มาแลกกับการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะปกป้องคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อนของบิ๊กตาย และสกัดกั้นบิ๊ก โจ๊กให้ไปไม่ถึงการเป็น ผบ. ตร. มันคุ้มกันไหมครับ
ท่านวินัยครับ ถ้าท่านมีหลักฐานที่จะชี้ว่าใครผิด ใครชั่ว ที่ท่านขู่ว่าจะนำไปเปิดเผยวันที่ ท่านต้องขึ้นศาลเพราะโดนบิ๊กโจ๊กฟ้องจริงๆ ผมมั่นใจว่าท่าน คงเอามาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ท่านคงไม่รอให้ถึงวันนั้นแน่นอนครับ
แต่ผมเกรงว่ามันไม่มีหลักฐาน ดังกล่าวมากกว่า แต่ ที่ท่านพูด แบบนี้ เพราะฉันต้องการชี้นำสังคมฝังความคิดในสมองของประชาชนให้เข้าใจว่า บิ๊กโจ๊ก ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา จริงจริง เพราะท่านมีหลักฐานสำคัญ ที่ถ้าท่านเปิดเผยก็จะรู้ทันทันทีว่าบิ๊กโจ๊ก เป็นตำรวจที่ไม่ดี เกมของท่าน อ่านไม่ยากครับ แต่มันทำให้ผมรู้สึกสลดใจ ที่ได้รู้ว่าตำรวจระดับนายพลเอกต้อลดตัวลงมาใช้วิธีนี้ แล้วแบบนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเรียกความไว้วางใจคืนจากประชาชนได้อย่างไรครับ