ถึงจะอย่างไร..น่าสงสารท่านอาจารย์ ท่านพยายามที่จะกระทำให้ถูก ให้ควร อย่างชายชาติทหาร ลุยแหลก ใจกล้า ตายเป็นตาย เรียกว่าพร้อมเสมอ จนหญิงแก่ๆอย่างฉัน เปลี่ยนไปเยอะ ลดๆละๆไปเยอะ ประหลาดใจตัวเอง คือเรื่อง โทษะ มันจางลง ไม่ห่วงไม่หวง เวลาเจ็บปวดตอนทำสมาธิ ก็นั่งมองมัน แต่ไม่ใช่ทนนั่งมอง เป็นการทรมานสังขาร ตามที่ท่านอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตถิผโลบอกสอนใน U. T. เปลื่ยนกิริยาเป็น นั่ง นอน ยืน เดิน จิตใจดีขึ้น และข้อสำคัญ รอความตาย ปฏิจจสมุปบาท ไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยิน ก็ได้ท่องเป็นประจำจำได้ขึ้นใจ สายเกิด สายดับ ดีใจที่ไม่ตายก่อนรู้จัก พุทธวจน

ผมศึกษา ของทั้งของพุทธวจน และก็ของท่านเจ้าคุณปยุด ซึ่งในข้อนี้ท่านเจ้าคุณอธิบายได้กระจ่างใจยิ่งแล้ว ไม่มีข้ออสงสัยอีกในเรื่องสิกขา และการบัญญัติที่มียิ่งกว่า ในส่วนพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ควรจะลองใครครวญดู แล้วก็มาว่ากันด้วยเหตุด้วยผล เพื่อจรรโลงพุทธศาสนาต่อไป กระผมเห้นข้อดีของการที่ทาง พุทธวจน นำคนให้เข้ามาสนใจเรื่องพระไตรฯ มากขึ้น ทั้งนี้ก็จะเป็นการดีหากว่ามีการชำระไปในตัวให้กระจ่างในคำสอนในเชิงของภาษาศาสตร์ ผมว่าเป็นบุญแก่ผู่มีธุลีในดวงตาอย่างปุถุชนเยี่ยงผมอย่างยิ่ง สาธุในผู้ใคร่ธรรมทุกท่านนะครั

พระพรหมคุณาภรณ์ท่านมีเมตตาสูง จบเปรียญเก้ามาตั้งแต่ยังเป็นเณร อ่านพระไตรปิฎกมาแล้วหลายฉบับ ทั้งบาลี ฉบับแปล ฉบับบาลีปกรณ์ของฝรั่ง ฉบับของลังกา ของพม่า ฯลฯ ไปสอนในมหาวิทยาลัยฝรั่งหลายชาติมาแล้วหลายปี จัดทำหนังสือพุทธธรรมและพจนานุกรมพุทธศาสตร์โดยมานะด้วยเวลาหลายปี เชี่ยวชาญทั้งบาลี และหลักการจัดทำตำราแบบฝรั่งตะวันตก เราพึงรับฟัง เราไม่พึงด่าว่าเพื่อความสะใจ เราพึงพิจารณาจากสาระและเจตนาเพื่อพัฒนาไตรสิกขาในตัวเรา ไม่พึงยึดติดฉบับแปลเพียงฉบับเดียว หรืออรรถกถาจารย์เพียงรูปเดียว ... ในที่นี้พระคึกฤทธิ์ก็นับเป็นอรรถกถาจารย์เพียงรูปหนึ่งเท่านั้นเช่นกัน สาธุ!

สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ ท่านเป็นพระแท้ ปราชญ์จริง สมบูรณ์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะ ทั้งปริยัติและปฏิบัติ ยากที่จะมีพระรูปไหนเสมอเหมือนท่านได้ ท่านเป็นเหมือนพระอรรถกถาจารย์ยุคหลังพุทธกาล 2500 ปี พระพุทธโฆษาจารย์เมื่อพันปีก่อน เก่งอย่างไร สมเด็จพุทธโฆษาจารย์รูปนี้ ก็ไม่แตกต่างกันเลย ขอให้ชาวพุทธได้ฟังท่าน ยึดท่านเป็นเสาหลักเถิด

ฟังอย่างไม่มีอคติ ไม่ยึดติด ผมว่าคำตอบของพระพรหมฯ ตรงและชัดเจนที่สุดครับ ส่วนใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ก้สุดแล้วแต่จริตของแต่ละคนครับ

หลวงพ่อเจ้าคุณเชี่ยวชาญสุดแล้วคับ พอจ.คึกฤทธิ์ มีเจตนาดีคับแต่ยังมีประสบการณ์และความรู้น้อย การอธิบายยังไม่แตกฉาน เจ้าคุณท่านอธิบายให้คนฟังเข้าใจ เพื่อประโยชน์ถ้าคนฟังรู้จักท่านดีจะรู้ว่าท่านระดับโลก เป็นที่ยอมรับ คนไทยส่วนน้อยที่รู้จักเพราะท่านไม่เทศน์แบบตลกหรือไม่สร้างจุดเด่น คนที่มาใหม่ๆรุ่นหลังในศาสนาทันรุ่นพอจ.คึกฤทธิ์ ก็เลยได้ฟังท่านพอจ. บางคนก็เลยเข้าใจว่าท่านสุดยอด เป็นต้นแต่ความจริงพระสงฆ์ก็สอนพุทธวจนะอยู่แล้ว แต่เพียงยกเป็นหัวข้อเทศนา หรือมาโดยภาษาง่ายๆเช่นสายวัดป่าและสายหลวงพ่อชา หลวงพ่อพุทธทาส ท่านทำไว้สมบูรณ์ แต่คนปฏิบัติหรือศึกษาเพื่อดับทุกข์มีเท่าไร แต่ก็มีจำนวนมากที่สอนนอกพุทธวจนะหวังลาภสักการะ

ผมไม่เคยพบท่านเจ้าคุณประยุติเลยแม้ครั้งเดียว..ไม่เคยสนทนาด้วย..แต่ความรู้สึกชัดเจนว่า ท่านเป็นผู้ที่หมดภาระทีจะต้องทำแล้ว..โครงเรือนถูกทำลายแล้วไม่มีเชื้อยางที่จะต้องมาเกิดอีก ..สาธุ สาธุ สาธุ....

เอาเหตุผลมาพูดเเล้ว มันถูกต้องที่สุด นี้คือความจริง ครับ

เจริญอานาปานสติ สมาธิ การนั่ง เดิน ยืน นอน กำหนดสมาธิตลอด ตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนไว้ แล้วจะเกิดอนุสาสนีปาฏิหาริย์รู้ด้วยตนเอง

สิ่งที่ท่านกล่าว แก้ ปรัปวาท จากสำนักนาป่าพง ลึกซึ้งเกินกว่า บุคคลโดยทั่วไปจะเข้าใจได้อย่างชัดเจน และยากที่จะตามความหมายที่ท่านแก้ไว้ได้ทัน ต้องอาศัยผู้ที่มีภูมิปริยัติอยู่บ้างจะสามารถเข้าใจตามได้ โดยจะเห็นได้ว่าคำของท่าน พระอาจารย์ปยุต ละเอียด ครอบคลุม ชัดเจน ประกอบด้วยข้อแก้ที่ตรงประเด็น น่าอัศจรรย์มากๆ ที่จะมีผู้ที่มองสภาพปัญหาได้รอบด้านเช่นนี้ ท่านคือ สาวกสังโฆ อย่างแท้จริง อันท่านได้กระทำแล้วซึ่งหน้าที่หลักชาวพุทธ ข้อ ปรัปวาท

โดยส่วนตัว ได้ฟัง พุทธวจนจากท่านพุทธทาส แล้วมาฟังท่าน พระอาจารย์คึกฤทธิ์ พระอาจารย์ ไม่ได้คิดขึ้นมาเอง มีที่มาที่ไป ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมา กราบนมัสการและขอบพระคุณพระอาจารย์คึกฤทธิ์ที่ ที่ถ่ายทอดคำพระตถาคตค่ะ

ทางเรา ทำบุญมาหลาย 10 ปีแล้ว แล้วเวลาไปพักตามโรงแรม ชอบเจอวิญญาณมารบกวนตอนนอน แล้วตั้งแต่มาเจอพุทธวจน มีคำของพระพุทธองค์ การนั่งทำสมาธิ อุทิศส่วนกุศลก่อนนอน จึงทำตามคำสอนพุทธวจนหรือพระพุทธองค์ที่สอนไว้ ทุกวันนี้ไปนอนที่ไหน ก็ไม่เจอวิญญาณอีกเลยตั้งแต่ทำสมาธิตามพุทธวจน เดี๋ยวนี้อัดเสียงเรื่องทานการให้ของพุทธวจนลงในไอแพนฟังก่อนนอนทุกคืน ไม่เจอวิญญาณมารบกวนอีกเลย ทุกวันนี้ได้อัดเสียงฟังพุทธวจนทุกแผ่นมา 4 ปีแล้ว...

สาธุ พระคุณเจ้ารูปนี้ คือพระอริยะของแท้ พุทธศาสนิกชนแท้ ต้องรับฟังจากท่านนี้ เป็นเสาหลักของพระพุทธศาสนาโดยแท้

คำของพระพุทธเจ้า ก็คือคำของพระพุทธเจ้า พุทธวจนะ คือคำของพระโอฐ พระที่เผยแผ่คำสอนของศาสดา นึกไม่ออกว่าจะไม่ดีตรงใหนเลย แล้วก็ไม่เคยฟังว่าเจ้าอาวาสวัดนาป่าพงจะบอกว่าเป็นธรรมมะที่ท่านคิดเองเลยสักครั้ง

สาธุ คำตอบของหลวงพ่อพระพรหมคุณาภรณ์ ชัดแจ้ง เข้าใจง่าย มีเหตุผล ทำให้เกิดปัญญาแยกแยะ สิ่งที่ถูกที่ผิดได้ ชาวพุทธที่ได้ยินได้ฟัง จะได้ไม่หลงผิดครับ

ท่านตอบได้เครียร์มากครับ สมกับเป็นปราชญ์แห่งยุคจริง สาธุ

ท่าน ปอ.ปยุตโต พระดี ท่านคึกฤทธิ์ ก็พระดี ทั้งคู่ ไม่ถูกไม่ผิดทั้งคู่. แต่ท่านกำลังค้นหาความจิงให้เราฟังทั้งคู่ ต้องเป็นภาระท่าน ท่านทำงานพระศาสนาจิงๆ

ผมฟัง พุทธวจน. ทุกวัน. อยู่บ้านก็ฟัง ขับรถก็ฟังจาก ซีดี. มีความสุขมากๆ. พอจ. คึกฤทธิ์ อธิบายได้แจ่มชัดมากๆ. ขอกราบ สาธุๆๆๆๆ

กราบ​นมัสการ​พระคุณเจ้า​อนุโมทนา​บุญ​ และขอรับบุญ​ที่นำมาเผยแพร่​ให้ได้รับบุญ​หล่อเลี้ยง​ใจให้อิ่มตลอด​เวลาธรรมะ​และคำตถาคต​โดยพระสงฆ์​สาวก​เอามาแสดง​ ทำให้ทุกคนยิ้มคุยทักกันแบบนุ่มนวนเพราะมีสติ​วาจาระวัง​ให้มีสติ​ ให้เคารพ​ชึ่งกันและกัน​พระคุณเจ้า​ให้ความรู้​มากแบบกว้างแล้วเข้ามา​หาตัวเอง​ สติ​ ปัญญา​นี่สำคัญ​ยิ่ง

ตัวเอง ความรู้น้อย แต่มีศรัทธาตั้งมั่น สุดตะ ธรรมทั้งปวง พระอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง แสดงพุทธวจน ได้ลึกซึ้ง ฟังแล้วเข้าใจง่าย ใจสงบ เห็นแจ้งในตน สาธุๆ

ลองฟังคำสอนของทั้งสองท่านแล้วค่ะ สิ่งที่แตกต่างคือ...1.ท่านพรหมมีความรู้ดีศึกษามาหลายเรื่อง ท่านแนะได้หลายเรื่อง....พระคึกไม่เหมือนสอน แต่เหมือนเอาคำพระพุทธเจ้ามาบอกต่อให้รู้ . 2.ท่านพรหมให้คติธรรมฆราวาสให้อยู่อย่างเป็นสุข ...พระคึกยึดจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้าเป็นหลักคือหลุดพ้นอย่าเกิดอีก 3. ท่านพรมใช้ความรู้จากที่ท่านศึกษามาเยอะในการเทศสั่งสอน ท่านมักตอบยาวๆ ไม่อ้างพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้าบอกว่ายังไง .... พระคึกยกคำพระพุทธเจ้ามาตอบแบบตรงไปตรงมาว่าพระพุทธเจ้าบอกอย่างนี้ๆฯลฯ ,...............*-* เคารพทั้งสองท่านนะคะ แต่โดยส่วนตัวแล้วเคยฟังพระเทศแบบให้อยู่กับโลกอย่างไรให้เป็นสุขมาทั้งชีวิต และถือปฏิบัติ ไม่รู้จักคำว่าวิมุติมาก่อน...แต่พอมาฟังคำพระพุทธเจ้า กลับได้รู้สึกว่า เราควรปฎิบัติเพื่อไปถึงขั้นนั้นให้ได้,...,.............เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็เลือกฟังเลือกปฎิบัติเอา อย่าโจมตีใครเลยนะคะ.............อ้อ และอยากให้ท่านพรหมมาสอนพุทธวจนว่าของจริงเป็นยังไงกันแน่ ถ้าท่านว่าพระคึกศึกษามายังไม่ถูกต้อง อยากให้ท่านออกมาสอนเรื่องนี้บ้างค่ะ เพราะหนูเริ่มสนใจเรื่องหนทางหลุดพ้นแล้ว เรื่องความสุขใจทางโลกเริ่มเบื่อแล้วค่ะ

พระท่านป ปยุตโต ตอบสมกับเป็นพระแท้จริงๆครับ มีเหตุผล เป็นกลางมาก สมกับเป็นผู้รู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกจริงๆ

คุณที่ใช้แทนตัวว่า โสดาบัน ไม่ต้องไปสงสารเจ้าคุณประยุตร หรอก สงสารตัวคุณเองดีกว่านะ ว่าคุณคือ โสดาบัน จริงหรือเปล่า คือคนที่มีคุณธรรมระดับขั้น โสดาบัน แม้นั่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ก็จะไม่มีคำถามใดๆ ไม่สงสัยอะไร เจ้าคุณประยุทธ ท่านไม่ตายในวัฏฏะหรอก มีแต่คุณกับผมนี่แหละที่จะพากันตายในวัฏฏะสงสารนี้ หากมายึดติดแต่พระไตรปิฏก ยึดแต่พุทธวจนะ กลายเป็นแบกเรือข้ามฟาก แทนที่จะขี่เรือข้ามฟาก สงสารพวกเราที่ลอยคอในน้ำดีกว่าจะไปสงสารท่านที่นั่งอยู่บนฝ้งเรียบร้อยแล้วนะๆๆ

ในแนวทางของท่านเจ้าคุณ ปอ.ปยุตโต ถูกต้องที่สุดแล้วครับ

ท่านป.อ คือปราชย์ สาธุ

ถ้าในวงการศึกษา ท่าน ปยุต ปยุตโต คือนักปราชญ์อย่างแท้จริง ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ส่วน พระอาจารย์.ที่ใช้คำว่าพุทธวจน อาจจะอยากสร้างแบรนด์ของตนเอง โดยไม่ฟังบูรพาจารย์ ที่ท่านศึกษาโดยตรง ในเรื่องความแตกฉานในพระไตรปิฎก เทียบกันไม่ได้เลย

อยากให้มีพระไตรปีฏกแปลไทยที่สมบูรณ์ถูกถ้วนโดยที่มีพระอาจารย์ป.อ. ปยุตฺโต ผู้ชำนาญภาษาเป็นผู้ควบคุมตรวจสอบ เพื่อประโยชน์ต่อพระสงฆ์มั่นคงในพุทธวจนเช่นพระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้นำเผยแผ่ฉบับแปลที่สมบูรณ์นั้นแก่ฆราวาสชาวไทยค่ะ กึ่งพุทธกาลแล้วขอพระสงฆ์ผู้เจริญโปรดนำพาพุทธศานาให้สืบต่อไปจนสิ้นพุทธกาล ดิฉันเป็นเพียงอวิชชาฆราวาส รอพระอาจารย์ทั้งหลายเมตตาค่ะ

พุทธวจนะเป็นสิ่งประเสริฐยิ่ง แต่อรรถกถาก็เป็นส่วนหนึ่งในพระไตรปิฎกเช่นกัน แต่ถ้าพิจารณาทั้งพระไตรปิฎกแล้วจะเห็นว่าจุดหมายปลายทาง ก็คือการรู้แล้วปล่อย แล้วฝึกอย่างดีแล้ว เมื่อปล่อยละจิตผู้รู้ออกได้ เราจะเข้าถึงพระนิพพานอย่างอัตโนมัติ นี่คือจุดที่สิ้นไปของวัฏสงสาร

เวลาผ่านมา 10 ปี..พิสูจน์ให้เห็นว่า "พุทธวจน"ที่พอจ.คึกฤทธ์ นำมาบอก สอน.นั้นเมื่อนำมาประพฤติปฎิบัติ ได้ผล จริงครับ.. 💥เกิดมาพบ "พุทธวจน" โชคบุญจริง ครับ..💥

กราบสาธุท่านป.อ.ปยุตโตครับ

พุทธวจนก็ทำให้มั่นใจพระพุทธเจ้า สมเด็จท่านก็ตอบได้สมกับเป็น ปราชญ์แห่งยุค

แอปพุทธวจน หมวดอริยะวินัย ศีลรวมให้แล้ว 3328ข้อทั้งหมดทุกข้ออ้างจากบาลีสยามรัฐบอกเล่มหน้าข้อให้พร้อมใครสงสัยอะไรโหลดเลย

นักปราชญ์แห่งยุคโดยแท้. กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ.

ขอบคุณคลิปนี้มาก ที่ทำให้ผมได้ลองเข้าไปฟังพุทธวจนดูด้วยใจที่เป็นกลาง แต่สุดท้ายผมก็ได้รู้แล้วว่า ผมโชคดีที่ผมรู้จักพุทธวจน

ศึกษาพุทธวจนมาหลายปี เคยฟังวันละหลายๆชั่วโมง ผ่านพระสูตรมาเยอะมาก รู้สึกดีใจที่ได้ศึกษาพุทธวจน เพราะที่สำคัญ ในเวลาต่อมา ที่ได้มาศึกษาหนังสือพุทธธรรมที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมคุณาภรณ์เรียบเรียงแล้ว เข้าใจพุทธศาสนาได้เร็วขึ้นและลึกซึ้งดีขึ้นมาก (จากเดิมที่อ่านพุทธธรรมแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เพราะมีเนื้่อหาที่ละเอียด ครอบคลุมมาก) คงเป็นเพราะผ่านพระสูตรจากการศึกษาพุทธวจนมามากนั่นเอง ทำให้คุ้นเคยพระสูตรต่างๆ จึงอยากเชิญชวนให้ท่านที่ศึกษาศรัทธาพุทธวจน ขอให้เรียนรู้พระสูตร ผ่านหูให้มากๆอย่างรวดเร็ว แต่อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อทุกอย่างที่ฟังมา เปิดใจให้กว้างแล้วลองมาศึกษาพุทธธรรมของท่านเจ้าคุณอาจารย์เพิ่มเติมดู ศึกษาพิจารณาด้วยปัญญา จะทำให้เข้าใจศาสนาพุทธอย่างสมบูรณ์ สมความปรารถนาตั้งใจ สมกับที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินทองนี้ ท่านเจ้าคุณอาจารย์ท่านเป็นปราชญ์ทางพุทธศาสนา ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ เป็น สุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ จริงๆครับ ... และถ้ามีเวลา ขอแนะนำศึกษาธรรมะของพระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี วัดมเหยงคณ์ จะทำให้การปฎิบัติวิปัสสนาก้าวหน้าครับ -- ด้วยความปรารถนาดีอย่างที่สุด ... ธรรมวินัยนี้ก็เหมือนกัน มีวิมุตติรส รสเดียว - พุทธพจน์

หลวงปู่ชอบกล่าวว่า เราไม่เคยเห็นท่านผู้รู้เถียงกันเรื่องธรรม มีแต่ท่านผู้อวดรู้เถียงกันเรื่องธรรม ผู้ปฏิบัติเพิ่นบ่เถียงธรรม

การศึกษาพระไตรปิฎก นั้นเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ปฏิบัติตามคำท่านสอน แล้วจะเห็นความจริง

ฟังและอ่านหลวงพ่อปยุตมานานมาก อ่านหนังสือของท่านและเข้าใจที่สุด การบัญญัติพระวินัยของพระพุทธองค์ล้วนมีเหตุ เมื่อต้องบัญญัติพระวินัยก็ประชุมสงฆ์และมีมติออกมาร่วมกัน ถึงบัญญัติออกมาเป็นพระวินัย227สิกขา แต่ละข้อมีความสำคัญมากเพราะมาจากพระโอษฐ์ และหลวงพ่อปยุตท่านจบบาลีประโยค9เป็นปราชญ์ศาสนาแท้ที่ท่านเป็นผู้รอบรู้และฉะฉานจริง คนมีบุญไดีเสพธรรมแท้ สมณะนี่เรียนบาลีหรือปล่าว รู้แค่ไหน จ้างพระแค่ประโยค7แปล หลวงพ่อปยุตท่านบอกแล้วบาลียากมากๆแค่จบประโยค9ใช่จะใช้ได้ต้องเชี่ยวชาญช่ำชองจริงๆ และพระไตรปิฎกฉ.หลวง2482จัดพิมพ์ในโอกาสร.7(ไม่อธิบายตรงนี..ยาว) ที่ใช้เป็นมาตรฐานและพระที่เรียนบาลีประโยคมี2ฉบับ มหาจุฬา45เล่มและฉ.มหามกุฏฯ91เล่ม และในหลวงลงพระปรมาภิไทยรับรองการสังคายนา..แล้วใครล่ะ บังอาจพระราชอำนาจ

ท่าน ตอบใด้ชัดเจน แจ่มแจ้ง. สาธุ สาธุ สาธุ

ในคัมภีร์ปฐมสมโพธิกถา กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระพุทธศาสนาจะสูญสิ้นว่าจะเกิด “เบญจอันตรธาน” หรือ “ปัญจอันตรธาน” แปลว่าความสูญเสื่อมสิ้น ๕ ประการ หมายเอาความสูญไปเสื่อมไปแห่งพระพุทธศาสนา วิธีอันตรธานมีอยู่ ๕ ประการ เรียงตามลำดับ ได้แก่ ๑. ความเสื่อมสูญแห่งพระปริยัติ ๒. ความเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ ๓. ความเสื่อมสูญแห่งการตรัสรู้มรรคผล ๔. ความเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ ๕. ความเสื่อมสูญแห่งธาตุ ๑. ความเสื่อมสูญแห่งพระปริยัติ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเมื่อพระปริยัติคือ พระไตรปิฎกยังต้องดำรงอยู่ตราบใด ศาสนาก็ชื่อว่ายังดำรงอยู่ตราบนั้น เมื่อพระปริยัติเสื่อมถอยน้อยผู้เล่าเรียนแล้วกาลใด พระศาสนาก็ชื่อว่าเสื่อมในกาลนั้น พระปริยัติคือ พระไตรปิฎก ผู้มีปรีชาชาญได้สดับพระปริยัติแล้วจึงยังปฏิบัติทั้งปวงและปฏิเวธธรรมให้บริบูรณ์ได้ เมื่อพระปริยัติยังดำรงอยู่ตราบ่ใด ศาสนาก็ชื่อว่ายังดำรงอยู่ตราบนั้น ครั้นกาลล่วงไปพระปริยัติหาผู้เล่าเรียนมิได้แล้ว มีตั้งแต่จะเสื่อมทรุดลงไป พระภิกษุทั้งหลายไม่อาจทรงไว้ซึ่งอัตถรสได้ก็จะทรงไว้ได้แต่บาลีสิ่งเดียว เมื่อพระไตรปิฎกจะเสื่อมนั้น พระอภิธรรมเสื่อมก่อน โดยเสื่อมลงมาแต่ยอด คือ คัมภีร์พระมหาปัฏฐาน เมื่อพระสุตตันตปิฎกจะเสื่อมนั้น ก็เสื่อมแต่ยอดลงมา คัมภีร์อังคุตรนิกายเสื่อมก่อน เมื่อคัมภีร์ทีฆนิกายเสื่อมแล้ว พระสุตตันตปิฎกก็จัดว่าเสื่อม ในกาลครั้งนั้นพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายก็ทรงไว้ซึ่งชาดกและพระวินัย ต่อมาเมื่อชาดกเสื่อมจะเสื่อมที่มหาเวสสันดรชาดกก่อน พระภิกษุทั้งหลายก็ทรงไว้ซึ่งพระวินัยอย่างเดียว เมื่อพระวินัยจะเสื่อมนั้นคัมภีร์บริวารจะเสื่อมก่อน ๒. ความเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ ข้อที่ว่าความเสื่อมสูญระหว่างการปฏิบัติมีอธิบายว่า เมื่อพระภิกษุทั้งหลายไม่สามารถยังฌาน และวิปัสนา และมรรคผลให้เกิดขึ้นได้ ก็รักษาอยู่แต่พระจตุปาริสุทธิศีลสิ่งเดียว นานไปก็เบื่อหน่ายด้วยดำริว่า เราทั้งหลายจะประกอบกิจสักเท่าใดก็ไม่อาจสำเร็จมรรคผลได้ ก็คลายจากความเพียร ก็ย่ำยีล่วงเกินของอาบัติเล็กน้อย ต่อมาก็มิได้อาลัย ล่วงอาบัติอันใหญ่ คืออาบัติปาจิตตีย์ อาบัติถุลลัจจัย ต่อนานไปก็สำรวมรักษาไว้แต่ครุอาบัติ คือ สังฆาทิเสสและปาราชิก กาลใดหาภิกษุซึ่งจะสำรวมรักษาปาราชิกสิกขาบทไม่ได้แล้ว กาลนั้นจัดได้ชื่อว่า ปฏิบัติธรรมอันตรธาน ๓. ความเสื่อมสูญแห่งการตรัสรู้มรรคผล ข้อที่ว่าเสื่อมสูญแห่งการตรัสรู้มรรคผล กาลใดหาพระโสดาบันบุคคลมิได้ กาลนั้นก็ชื่อว่าอธิคมสัทธรรมอันดรธานแล้ว ๔. ความเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ ข้อที่ว่าความเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ กาลใดที่มีผู้ดำริว่า จะประโยชน์อันใดด้วยผ้ากาสาวพัสตร์อันผูกพันในมือและที่คอแล้วนำผ้ากาสวพัสตร์ทิ้งไป กาลนั้นสมณะเพศก็ได้ชื่อว่าเสื่อมสูญสิ้น ๕. ความเสื่อมสูญแห่งธาตุ ข้อที่ว่าความเสื่อมสูญแห่งธาตุ หมายเอาพระบรมธาตุเจ้านิพพาน นิพพานในที่นี้มีสามประการคือ กิเลสปรินิพพาน ขันธปรินิพพาน และธาตุปรินิพพาน พระบรมสารีริกธาตุ อันประดิษฐานอยู่ในที่ต่าง ๆ นั้น ครั้นเมื่อมิได้เครื่องสรรพปูชนียภัณฑ์แล้วก็เสด็จไปสู่ที่ อันประกอบด้วยเครื่องสักการบูชา ถ้ามีบุคคลบูชาอยู่ในประเทศใดแล้ว ก็เสด็จไปสู่ประเทศนั้น ด้วยกำลังอธิษฐานแห่งองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นกาลล่วงไปที่ทั้งหลาย ทั้งปวงปราศจากเครื่องสักการบูชาแล้ว พระบรมธาตุก็จะมาสโมสรสันนิบาตเข้ากัน แล้วจะเสด็จไปสู่พระมหาเจดีย์อันใหญ่ในลังกาทวีป แล้วเสด็จไปสู่ราชายตนเจดีย์นาคทวีป แล้วเสด็จไปสู่โพธิบัลลังก์ พระบรมธาตุ ครั้นประชุมพร้อมกัน กระทำอาการเป็นพระพุทธรูปปรากฏเหมือนดังองค์พระสุคต อันเสด็จประดิษฐานเหนือรัตนบัลลังก์ใต้ควงไม้พระมหาโพธิ์ จะกระทำพระปาฎิหาริย์ มีอาการดุจดังยมกปาฎิหาริย์ ฝูงเทพทั้งหลายในหมื่นจักรวาล จะพากันมาสโมสรสันนิบาตพร้อมเพรียงกัน ในลำดับนั้นเดโชธาตุก็ดั้งขึ้น แต่พระสรีรธาตุเผาผลาญพุงพ้นขึ้นไปถึงพรหมโลก พระบรมธาตุแสดงซึ่งเตโชพลอานุภาพแล้วก็แสดงนิพพาน เมื่อพระบรมสารีริกธาตุอันตรธานหมด ก็เป็นอันสูญสิ้นพระพุทธศาสนา

และที่สำคัญในการตรวจสอบความถูกต้องในการแปล คืออย่างนี้ครับคำของพระศาสดาจะไม่ขัดแย้งกัน เพราะว่าถ้าแปลว่ากว่าๆหรือเกินกว่าๆแล้ว ถามว่ากว่าๆคือเท่าไหร่ และจะไปจบที่ตรงไหน พระองค์จะให้สาวกบัญญัติเพิ่มได้อย่างไร ในเมื่อพระองค์รับสั่งห้ามบัญญัติเพิ่มแล้ว และห้ามเพิกถอน นี้ครับคือการตรวจง่ายๆครับ ก่อนที่ พระองค์ปรินิพพาน คำสอนของพระองค์สมบูรณ์ บริบูรณ์แล้วครับ พระองค์จึงรับสั่งว่าอย่าบัญญัติเพิ่มครับ ดังนั้นการแปลว่ากว่าๆหรือเกินกว่านั้นแล้วจะมาให้บัญญัติได้เพิ่มเติมกันเองคงไม่ใช่ฐานะครับ เพราะพระองค์รับสั่งห้ามบัญญัติเพิ่มแล้ว นี้ครับคือการตรวจในการสอดรับกันของคำพระพุทธเจ้า และพระองค์ให้หลักมหาปเทศสี่ในการตรวจว่านี้คือคำของพระศาสดา นี้คือประโยชน์ของการพูดซ้ำๆ กันเป็นระยะระยะ โดยต่างกาลเวลา และต่างสถานที่ เช่นคำแต่งใหม่บอกทำน้ำมนต์ได้ แต่ทำไมอีก 10 กว่าพระสูตรที่เป็นพุทธวจนตรัสห้ามทำน้ำมนต์ พอไปตรวจคำแต่งใหม่ที่บอกว่าทำได้ ไปเจอคำว่าโบราณจารย์รจนาไว้ว่าทำน้ำมนต์ นี้คือสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่านี้คือคำที่ขัดแย้งกับพระศาสดาและเป็นคำแต่งใหม่ที่ผิด นี้จึงเป็นการตรวจสอบกับคำของพระพุทธเจ้าที่ทำให้เรารู้ว่าคำใดที่ขัดแย้งกับคำของพระศาสดาที่ตรัสเหมือนกันในพระสูตรอื่นๆและทำให้เรารู้ว่าสิ่งไหนผิดหรือถูก ดังนั้นเรื่องการแปลผิดจะทำให้คำของศาสดาขัดแย้งกันเองและสามารถตรวจสอบรู้ได้ครับ และที่พระองค์ได้ให้สวดปาฏิโมกข์ 150 จากหลักฐานยืนยันที่ให้ไว้ข้างบนแรกสุดสำหรับท่านเพื่อการตรวจสอบก่อนหน้าแล้วนั้น ยังมีพระสูตรที่พระองค์ตรัสเหมือนกันและตรวจสอบโดยหลักมหาปเทศสี่เช่น พระองค์ตรัส 150 พระองค์ตรัส 150 พระองค์ตรัส 150 พระองค์ตรัส 150 พระองค์ตรัสซ้ำกันถึงสี่พระสูตร ไม่มีตัวเลขอื่นเลย ถ้าแปลผิด จะต้องมีตัวเลยอื่นในพระสูตรบ้างแล้วที่เป็นพุทธวจน เช่น 170 , 200 แต่พระองค์ตรัสซ้ำกันถึง 4 พระสูตรทำให้ทราบความเชื่อมโยงและสอดรับทำให้เราตรวจสอบหาความถูกต้องได้จากคำของพระองค์เองครับ ดังนั้นสรุป 1..การแปลว่ากว่าๆหรือเกินกว่านั้นแล้วจะมาให้บัญญัติได้เพิ่มเติมกันเองเช่นเพิ่มเป็น 170 , 220 , 227 คงจะไม่ใช่ฐานะครับ เพราะพระองค์รับสั่งห้ามบัญญัติเพิ่มแล้ว (คำของพระองค์เป็นอกาลิโก) ถูกต้องตรงจริงไม่ถูกจำกัดด้วยกาลเวลา 2.ตรวจโดยหลักมหาปเทศสี่ พบพระสูตร 150 ถึง สี่พระสูตร และไม่มีตัวเลขอื่นเลยนอกจากนี้

ความที่ว่า ศีลพระมีมากมายเป็นสองสามพันข้อ หลักๆสรุปแล้วสั้นๆ รวมลงได้แค่สามข้อเท่านั้นคือ ศีล สมาธิ และปัญญา แต่ดีที่สุดคือ อธิศีล อธิสมาธิ และอธิปัญญา (มรรค4ผล4) สรุปเหลือข้อเดียวคือ รักษาใจ ศีลจะมากมายกี่พันข้อ รักษาใจดูใจอย่างเดียวก้อพอแระ

ส่วนตัวผมนับถือท่าน ปอ. ปยุตโตมากครับ ท่านรู้จริงรู้ละเอียด แม่นยำ ผมเชื่อท่านและได้อ่านงานของท่านมาบ้าง ผมว่าท่าน เป็นหนึ่งในผู้เห็นธรรม สติปัญญาของท่านอยู่ในระดับอริยะ แล้วเป็นแน่แท้ สาธุ

คิดต่างเป็นเรื่องดีครับ แต่อย่าแตกแยก สำหรับผมก็ยังฟังพุทธวจน และ พระท่านอื่นๆ อยู่

พุทธวจน คำสอนจากพระโอษฐ์ที่ถูกต้องตรงจริง ไม่ขัดแย้งกัน ไม่จำกัดกาลเวลา ยุคที่ศาสนาพุทธ คำสอนแท้หาได้ยาก ผมได้พุทธวจน ที่เผยแพร่จากวัดนาป่าพงนี่แหละ ที่แปรเปลี่ยนชีวิต ทำให้พบสัจธรรม พิสูจน์ได้โดยตนเอง

ตั้งแต่ฟังธรรามะมา50ปีไม่เคยรุ้สึกโล่งสบายและปล่อยวางและเข้าใจธรรมะจริงเหมือนพุธวจนเลยเรายึดแต่คำพระพุทธเจ้าเท่านั้น

ท่านปอ ประยุตโตท่านมีความรู้มากครับ ศึกษาศาสนามามากทั้งของไทยและต่างประเทศ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านศึกษาฉบับเดียว มันเทียบกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าเองก็ไม่ได้เกิดในประเทศไทย พระไตรปิฎกเองก้อมีหลายประเทศแปบออกมาไม่เหมือนกันก้อมี เราต้องยึดหลักตามความเป็นจริงครับ

น้อมกราบท่านสมเด็จ ป อ ปยุธโตด้วยความเคารพค่ะ🙏🏻🙏🏻🙏🏻

อ้างพุทธวัจนะ ก้อถูกก้อควรอยู่ แต่ในพระพุทธศาสนา ไม่ได้มีแต่คัมภีร์พระไตรปิฎกอย่างเดียว ต้องปฏิบัติจนเกิดผลรู้แจ้ง เกิดญาณทัสสนะจริงๆด้วย นี่เล่นแย้งการปฏิบัติของพระอริยเจ้าสายอื่นๆ เหมือนว่าจะผิดไปเสียหมด อ้างแต่เป็นคำของสาวกๆๆ แม้แต่การเจริญกรรมฐาน ใช้อุบายภาวนาแค่ยุบหนอพองหนอ พุธโธก้อดี หรือเดินจงกลมกำหนดคำภาวนาก้อดี ติไปหมด ไม่งั้นพระอริยเข้าเหล่านั้นท่านจะบรรลุธรรมได้อย่างไรกัน ถ้าปฏิบัติผิดไปจากหลักศีล สมาธิ ปัญญา หมดปัญญาจะพูดกับพระและฆราวาสพวกนี้จริงๆ

ธรรมใดที่เป็นกุศลให้เจริญให้มาก ถึงไม่ใช่พุทธวจนะ ธรรมะของพระพุทธเจ้าเปรียบใบไม้ในกำมือ แต่ใบไม้ในป่านั้นมากมายนัก พระป่าหลายๆรูปบรรลุธรรมโดยไม่ไปหลงยึดตัวอักษรด้วยซ้ำ ไปหลงยึดก็วางยาก การไปสร้างทางใหม่ๆ เหมือนจะมีอัตตาเพิ่มขึ้น ไม่ฟังครูบาอาจารย์ เพราะอยากสร้างลัทธิพุทธวจนะหรือไม่

เชื่อท่าน ป ปยุตโตค่ะ สาธุค่ะ

ขอสรุปประเด็นที่คุยกันว่า แปลถูกหรือผิด ระหว่าง 1.การแปล 150 ว่ากว่าๆ หรือเกินกว่า กับ 2.การแปล 150 ที่แปลว่าถ้วนนะครับ ขอสรุปดังนี้ครับ 150 ถ้วนนั้นถูกต้องเพราะ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านบอกชะรอยเดิมจะมีเพียง 150 ถ้วนครับ ท่านเป็นอาจารย์สุดยอดของอาจารย์เปรียญเก้าแล้วนะครับ ตำราเปรียญ หนึ่ง ถึงเก้า ในปัจจุบัน ท่านเป็นผู้ทำตำรา เชี่ยวชาญบาลีที่สุดของประเทศไทยแล้วครับ ท่านเป็นผู้ทำตำรา เชี่ยวชาญบาลีที่สุดของประเทศไทยแล้วครับ ท่านตรัสบอก ชะรอยเดิมจะมีเพียง 150 ถ้วนครับ นี้ครับหลักฐานครับ facebook.com/photo.php?fbid=502705363138980&set=pcb.502705529805630&type=1&theater facebook.com/photo.php?fbid=502705346472315&set=pcb.502705529805630&type=1&theater หลักฐานของสมเด็จพระสังฆราชนะครับบอกแล้วครับว่าชะรอยเดิมจะมีเพียง 150 ถ้วนครับ ส่วน 227 เป็นการเพิ่มเติมกันมาเองนะครับ มีบางกลุ่มในพันทิปโจมตีเรื่องสาธิกะครับว่าแปลผิดว่าเกินกว่าๆหรือกว่าๆ ผมจึงยกหลักฐานของผู้ที่เชี่ยวชาญบาลีที่สุดของประเทศแล้วครับท่านตรัสว่าชะรอยเดิมจะมีเพียง 150 ถ้วนครับ facebook.com/photo.php?fbid=502705286472321&set=a.141679065908280.36021.100001985617767&type=3&theater หลักฐานของการแปลทุกสำนักของประเทศไทยแปลตรงกันคือ 150 ครับ 1.บาลีสยามรัฐ 150 2.มหามกุฏฯ 150 3.มหาจุฬาฯ 150 4.ท่านพุทธทาสภิกขุ 150 facebook.com/photo.php?fbid=502705339805649&set=a.141679065908280.36021.100001985617767&type=3&theater หลักฐานการแปลของสมเด็จพระสังฆราชก็บ่งบอกอยู่แล้วครับว่า ชะรอยเดิมจะมีเพียง 150 ถ้วนครับคือไม่มีอนิยตและเสขียวัตร อนิยตกับเสขียวัตร เป็นการแต่งเติมกันใหม่เอาเข้ามาเองในภายหลัง หลักฐานของสมเด็จพระสังฆราชนะครับบอกแล้วครับว่าชะรอยเดิมจะมีเพียง 150 ถ้วนครับ มีแต่ตัวเลข 150 ท่านบอกแล้วอย่าบัญญัติเพิ่มและอย่าเพิกถอนไงครับ เราจึงต้องคงตัวเลขนี้ไว้ ไม่ไปเพิ่มเป็น 227 และไม่ลดจาก 150 แม้แต่ประการใดเลยครับ เราจึงต้องคงไว้ ที่ 150 ตามพระศาสดาเท่านั้นครับ ท่านจะเชื่อใครล่ะครับ ท่านจะเชื่อพระศาสดาไหมล่ะครับ 150 เชื่อหลักฐานการแปลของสมเด็จพระสังฆราชไหมล่ะครับ 150 เชื่อหลักฐานการแปลพระไตรปิฏกของทั้งสี่สำนักทั่วทั้งประเทศไหมล่ะครับ 150 พระไตรปิฏกแปลโดยบาลีสยามรัฐ 150 พระไตรปิฏกแปลโดยมหามกุฏฯ 150 พระไตรปิฏกแปลโดยมหาจุฬาฯ 150 พระไตรปิฏกแปลโดยท่านพุทธทาสภิกขุ 150 ขอเชิญท่านบัณฑิตได้โปรดพิจารณาใครคร่วญเลือกให้ดีๆนะครับ

“อย่ากล่าวเรื่องทุ่มเถียงแก่งแย่งกัน แต่จงกล่าวเรื่องความพ้นทุกข์” ภิกษุ ท. ! พวกเธออย่ากล่าวถ้อยคำ ที่ยึดถือเอาแตกต่างกัน ว่า “ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้, ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้, ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด, ข้าพเจ้าซิปฏิบัติชอบ, คำควรกล่าวก่อน ท่านกล่าวทีหลัง คำควรกล่าวทีหลัง ท่านมากล่าวก่อน คำพูดของท่านจึงไม่เป็นประโยชน์ คำพูดของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์. ข้อที่ท่านเคยถนัด มาแปรปรวนไปเสียแล้ว. ข้าพเจ้าแย้งคำพูดของท่านแหลกหมดแล้ว, ท่านถูกข้าพเจ้าข่มแล้ว เพื่อให้ถอนคำพูดผิด ๆ นั้นเสียหรือท่านสามารถก็จงค้านมาเถิด ;” ดังนี้. พวกเธอไม่พึง กล่าวถ้อยคำเช่นนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะการกล่าวนั้น ๆ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน. ภิกษุ ท. ! เมื่อพวกเธอจะกล่าว จงกล่าวว่า “เช่นนี้ๆ เป็นความทุกข์, เช่นนี้ๆ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, เช่นนี้ๆ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ และเช่นนี้ๆ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ;” ดังนี้. เพราะเหตุไรจึงควรกล่าวเล่า ? เพราะการกล่าวนั้น ๆ ย่อมประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า “นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,” ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๕/๑๖๖๒

ท่านผู้มีอำนาจทั้งหลายอยากให้ท่านกราบเชิญ ท่านพระอาจารย์ประยุต และ ท่านพระอาจารย์คึกฤกธิ์ มาสนทนากันตรงๆต่อหน้ากัน ได้มั้ยครับ เพื่อประโยชน์ของชาวพุทธ ทุกคน เท่าที่ผมฟังมาท่าน พระอาจารย์คึกฤกธิ์ ก็ไม่ได้พูดผิดอะรัยนะจากพระไตรปิฏก ผมเคยบวชมา ศึกษาพระไตรปิฏกมาบ้างครับ จบ นักธรรมเอก เดรัชฉานวิชาเยอะมากเดี่ยวนี้ครับ แต่ละสำนักสอนไม่ค่อยเหมือนกัน ต่างๆคนต่างสอน ยึดติดแต่กับครูบาอาจารย์ของตัวเอง ของสำนักตัวเองดี สำนักอื่นสอนผิด จนไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด จนมายืดคำสอนพระพุทธเจ้าองค์เดียวจบเลยครับ ชีวิตดีขึ้น จิตใจสว่างกว่าเดิม เหมือนคนป่วยได้มาเจอยาที่ใช่ ใครที่ยังไม่เคยศึกษา ลองทำใจให้เปนกลางๆแล้วลองศึกษาดูนะครับ แล้วจะเข้าใจเช่นกันครับ

กราบผมได้เกิดมาภพชาตินี้เป็นบุญแล้วได้มาได้ยินได้ฟัง พุทธวจน และทำให้ผมเข้าถึงพระธรรมของพระองค์ กราบขอบพระคุณครับ ละนันธิ

1. ไวยากรณ์บาลี ที่เราเรียนกันก็ใช่ว่าจะเป็นบาลีเดียวกับ ๓๐๐๐ ปีที่แล้ว แม้บาลีจะเป็นภาษาที่ตายแล้วในปัจจุบัน 2. เมื่อเวลาเปลี่ยน คำแต่ละคำก็มีความหมายเปลี่ยนไปตามยุค บางครั้งไม่ได้ใช้คำนั้นๆ ในแบบเดิมอีกแล้ว 3. ความหมาย คำที่ใช้ในภาษาหนึ่งจะไม่มีทางเลยที่จะมีความหมายตรงเป๊ะกับคำในอีกภาษาหนึ่ง บางครั้งไม่มีคำที่ตรงเลยก็ต้องใช้อธิบาย 4. การอธิบายหรือให้ความหมาย ก็เป็นความคิดของผู้แปลและอธิบายเองอีก เป็นไปได้ว่าแต่ละบุคคลจะให้ความหมายไม่เหมือนกัน ผู้แปลลึกซึ้งไม่เท่ากัน ดังนั้นเวลาผ่านไป ไวยากรณ์เปลี่ยน ความหมายของคำเปลี่ยน คำไม่ใช้แล้ว แปลข้ามภาษาอีก จึงมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างยาก ทางเดียวที่ทำได้คือดูคำแต่ละคำในทุก ๆ ที่ ดูการใช้คำทั้งหมดแล้ว พิจารณาว่าน่าจะหมายถึงสิ่งใด กว้างครอบคลุมแค่ไหน .. ก็พอจะน่าเชื่อถือได้ ตรวจสอบสอดรับกัน ไม่มีอคติ ไม่ใช่แปลแล้วไม่เข้าใจคือไม่ถูก แต่ถ้าแปลแล้วตัวเองเข้าใจคือถูก .. อ่านละงง เลยไม่น่าใช่ แบบนี้ก็กลายเป็นอคติ ความคิดของผู้แปลเอง 5. ควรใช้การแปลในหลาย ๆ ภาษา เอามาเทียบเคียงกัน เพื่อตรวจสอบกันเองว่าแปลแล้วไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ออกทะเล ก็พอจะเป็นทางที่รักษาสัทธรรมไว้ได้ แต่ต้องคำนึงถึง ไวยากรณ์ คำ ความหมาย ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุค และข้อจำกัดในการแปลข้ามภาษาไว้เสมอ สุดท้าย พุทธศาสนิกเองนั่นแหละที่ต้องตรวจสอบว่ามีความเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ แต่กระนั้นเราก็คงไม่บรรลุอริยสัจธรรมในชาตินี้หรือในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ การรู้คำสอนในส่วนที่พอจะเข้าถึงและเชื่อถือได้ก็เพียงพอแล้ว และในกาลข้างหน้าก็ได้ฟังสัทธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ หรือตายแล้วไปเกิดในสวรรค์ เพื่อไปฟังธรรมที่ศาลาสุธัมมาก็ได้นะคะ ที่นั่นไม่น่าจะผิดเพี้ยนมากเท่าภูมิมนุษย์

ส่วนตัวนะครับ บ้านเราพระอรหันต์มีมากมาย แต่ก็ไม่มีองค์ไหนคิดจะไปแตะต้องหรือเปลี่ยนแปลงอะไร และท่านก็สวดกันมาแต่ไหนๆ เพราะการบรรลุธรรม ท่านบรรลุที่ตัวท่าน ไม่ใส่สิ่งนอกตัวที่ไหนเลย เหมือนรัฐมนูญบ้านเรา แก้กันไปกี่รอบๆ ก็หาจุดจบไม่ได้หรอก เพราะคนมันขาดศีลธรรมกัน

หลวงพ่อประยุทธท่านเก่งมาก มีบุญมาก ปัญญามาก ศึกษามาดีแล้ว แต่พระคึกฤทธิ์ศึกษายังไม่สุด เลยฉาบฉวยเอาข้อความบางข้อมาพูด ใจความก็เพี้ยนเกิดการเข้าใจผิด คิดว่าฝ่ายตัวเองเท่านั้นถูก ฝ่ายตรงข้ามเท็จ

แจ่มแจ้งชัดเจนครับ สาธุๆๆ ประเด็นไม่เกี่ยวใครปฏิบัติดีหรือไม่ดี ใครเป็นอรหันต์หรือไม่เป็นไม่เกี่ยวกับประเด็นนี้เลยครับ ประเด็นเป็นการถกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วิชาการพุทธศาสนาในเมืองไทยล้วนๆ พระท่านไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย โยมนี่เเหละตั้งเรื่องทะเลาะกันเอง แต่องค์ท่านชี้แนะแนวทางหลักคิดให้ทุกคนนำไปใช้ตรรกะตรึกตรองดู ซึ่งต่อให้ไม่ว่าจะอรหันต์หรือปุถุชนก็ต้องใช้หลักเหตุผลในการคิด จะเอาความรู้สึกมาคุยทะเลาะกันป่าวๆ

เชื่อในความรู้ของท่านปยุตเจ้าค่ะ

ข้าพเจ้าฟังพุทธวจนอริยสัจจากพุทธโอษฐ์ภาคต้น และภาคปลาย และข้าพเจ้าได้รู้จักอริยสัจสี่ ปฏิจจสมุปบาท อานาปานสติ มรรคมีองค์แปด ละนันทิ ฉันทะ. จากท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล เจ้าค่ะ ข้าพเจ้าศรัทธาท่านมาก ท่านเป็นอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเป็นรัตนะห้าที่หายากในโลกเจ้าค่ะ.

คำแนะนำส่วนตัว.!. หลายท่านที่เม้นต์มาในคลิปนี้ ให้ลองสังเกตุดูจิตแล้วลองพิจจารณาดูจิตของตนเองดู แล้วจะได้พบกับครูจำนวนมาก ทั้งครูอกุศลและครูกุศล ไม่มีเขาเราก็ไม่รู้ไม่เห็นได้ง่ายๆ ... หลายท่านในเม้นต์ของคลิปนี้ ตัวเราเห็นว่าดีในความรู้สึกส่วนตัวของเรา เห็นว่ามีปัญญาฉลาดแยกแยะคำสอนมาเพื่อตนเองได้ดี เพียงแต่มีส่วนที่ไม่เฉลียว (ฉลาดแต่ไม่เฉลียว) ส่วนอีกหลายท่านตัวเราเห็นว่ายังคงอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย และก็น่าเป็นห่วงคนที่ตกอยู่ในข้อห้ามของมงคลข้อที่ 1 ....ในพระไตรปิฎก อันใหนที่ใครทำแล้วได้ผลตามนั้น นั่นคือพุทธวจนะแท้ มีบางท่านถามว่า มีหลักฐานยืนยันมั๊ย คำตอบคือ " มี " แต่บอกหลักฐานท่านที่ถามได้เพียงคนเดียว คือให้ท่านทำตามนั้นๆ อย่างเคร่งครัด แล้วท่านจะเห็นหลักฐานนั้นๆ ตามคำสอนว่าเป็นพุทธวจนะแท้...ขอบคุณ

พุทธวจน ธรรมวินัยจากพุทธโอษฐ์คือความจริงที่ต้องรู้ ศึกษาและปฏิบัติ ซึ่งมรรคผลนิพพานอย่างถูกต้องตรงจริงไม่จำกัดกาล..สาธุเจ้าค่ะ..

ตั่งแต่เกิดมา ฟังธรรมมะแบบพุทธวจน รู้สึกเข้าใจ และก็ทำให้เราเห็นว่ามีคนไม่เชื่อในคำพระพุทธเจ้าออกมามากมายไม่น้อยเลยทีเดียวจากคอมเม้นด้านล่าง

เดินตามพระอาจารย์คึกฤิทธิ์ ก็ได้เดินตามพุทธะ การสวด150ข้อไม่ได้หมายความว่าปฏิบัติ150ข้อ พระอาจารย์ถือเกินกว่าพระหลายรูปที่ผมเคยพบ ท่านไปได้ใกลในหนทางสมณะผู้ประพฤติสงบ

เคารพในคำพิจารณา ป.อ.ปยุตตโต ท่านศึกษามาเยอะ จนได้รับคำยกย่องจากผู้อื่นว่าปราชญ์

หลวงปู่สมเด็จท่านแตกฉานด้านปริยัติและท่านก็เป็นนักปฏิบัติ เป็นพระกรรมฐาน เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้รู้ธรรม มีธรรมคลองใจ ท่านจึงไม่ว่าองค์นั้นผิด ตัวเราถูก แต่ท่านอธิบายให้ผู้ฟังใช้ปัญญาแยบคายพิจารณา ท่านไม่ยึดติดตำราและไม่ทิ้งตำรา สาธุๆๆ

ประเด็นคือ พุทธวจน คำสอนตถาตน ตีความหมายแล้วเชื่อมโยงได้ทุกคำ อธิบายได้คุมหมด. อธิบายให้ถึงว่า.ประมาณว่า มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดอยุ่ในสังสารวัฏ พุทธวจน ต้องการให้เราหลุดพ้น คำสอนตถาคตอธิบายหมดแล้ว แต่นี้มาถกเรื่องหลักฐานกันอยุ่เลย. ซึ่งพุทวจนคนที่เข้าใจมีแต่คนมองถึงการหลุดพ้นทั้งนั้น. ส่วนคนที่ยังไม่เข้าใจ คือยังอยาก หวังผล ในสุคติอยุ่ มันเลยขัดกัน คือยังมองว่าความคิดเป็นของเรา ตัวเรา

สมเด็จท่านมีเมตตราสูงครับ

พระพรหมคุณาภรณ์ ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกและบาลี การจะอ้างพุทธวัจนะ ต้องอ้างจากบาลีเท่านั้นถึงจะถูกต้องสุดครับ จะไปอ้างจากคำแปลไทยไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญพระไตรอีกท่านคือ อ.พร รัตนสุวรรณ ท่านแปลคำว่า สังขาร คำเดียวแต่อยู่คนละประโยค ท่านแปลได้หลากหลายมากจนไม่น่าเชื่อ และถ้าฟังพระพรหมคุณาภรณ์ท่านอธิบาย จะเห็นว่ากระจ่างและไม่ได้ไปว่าใครเลย ท่านพูดตามเหตุผล แต่แปลกว่า ศิษย์ของพระบางรูป ทำไมถึงมักโพสต์คำแรงๆ จาบจ้วงคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเสมอๆ ธรรมะที่รู้ควรทำให้เรามีเมตตาจิตด้วยนะครับถึงจะธรรมแท้ ^^

กราบนมัสการ พระพุทธโฆษาจารย์ ท่านตอบไว้เป็นกลาง ที่สุดแล้ว

เท่าที่สดับตรับฟัง ท่านภิกษุ อ.คึกฤทธิ์ นำพุทธวจน มาเผยแผ่ จนเป็นที่ประจักษ์และสร้างความเข้าใจ ได้อย่างมากมาย ข้อวัตรปฏิบัติ ของภิกษุในปัจจุบัน ที่ผิดหรือบกพร่อง ที่อาจเรียกได้ว่า เน่าใน เปียกแฉะ ... ก็ปรากฎในพุทธวจนที่ท่านนำมาแสดง (โดยบางรูปมักจะอ้าง คำตถาคต ที่ตรัสว่า ... "เราอนุญาตให้ภิกษุ ยกเลิกสิขาบทเล็กน้อยได้" ) นี่หล่ะ จึงทำให้แต่ละรูปตีความ เข้าข้างตน ว่าสิ่งนี้ทำได้ สิ่งนี้ทำไม่ได้ ...จนไม่มีแบบอย่าง ไม่มีจริยวัตรที่งดงามตามคำสอน ... สำหรับผม ถ้อยคำในพระไตรปิฎก ล้วนดีงามทั้งสิ้น และท่านภิกษุ อ.คึกฤทธิ์ ก็มิได้นำถ้อยคำอื่น นอกพระไตรปิฎก มากล่าวแต่ประการใด ... การวิจารณ์ต่างๆ จึงอยู่ที่จริตการปรุงสังขารและสัญญาในอดีตของแต่ละท่านมากกว่า ... ว่าจะตำหนิหรือชื่นชมใคร

ใครถูก ใครผิด ก็รอดูลมหายใจ สุดท้ายละกัน เพราะวันนั้น ของทุกคนต้องมาถึง ก้าวข้าม หรือไม่อยู่ที่ตัวทำ เจตนา กาย วาจา ใจ รู้อยู่แก่ใจ อยู่ในผ้าเหลือง เจตนา ดี ก็ โชคดี เจตนาไม่ดี คงรู้นะว่าจะไปไหน ของในใจ ของแต่ละคน รู้ดี ว่าตัวเองเจตนา ดี หรือไม่

เคยฟังพระคึกฤทธิ์ พูดถึงพระไตรปิฎก ให้ยึดถือพุทธวัจนะตามพระบาลี ที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้ อันนี้มันถูกต้องอ่ะ ... แต่อย่าลืมซิคับว่า พระสงฆ์เป็นผู้ทรงจำพระธรรมคำสอนทั้งหมดไว้(รวมถึงฆราวาสที่เป็นพระอริยเจ้าด้วย) ถ้าจะยึดจะสวดแต่ต้นฉบับล้วนๆแค่150 ข้อ แล้วพระคึกฤทธิ์แปลเอาเองตามความเข้าใจตัวเอง(ที่คิดว่าถูกต้อง) ไม่ให้ยึดถือคำของพระอรรถกถาจารย์และฎีกาจารย์ รวมถึงพระในชั้นหลังๆนี้ ก้อควรนับรวมพระคึกฤทธิ์ด้วย เพราะถ้อยคำที่อธิบายออกจากต้นฉบับ ไม่อย่าจะยึดถือได้

พระอาจารย์คึกฤทธิ์นำพุทธวจนซึ่งเป็นคำสอนพระพุทธเจ้ามาสอนโดยไม่เอาคำสาวกมาสอนเลย แต่โดนต่อต้านมาก ร้องเรียนก็เยอะ ปี2561 แล้วนะ ท่านเผยแผ่ก็นานเป็นสิบๆปีแล้ว ท่านก็ยังอยู่นะคะไม่หลบลี้หนีหายไปไหน และคนก็ฟังธรรมพุทธวจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่รากหญ้าไปถึงคนที่มีการศึกษาสูงในมหาวิทยาลัย เป็นพระภิกษุก็มาก ขยายวงกว้างออกไปโดยตลอดไม่มีลดลงเลย คนที่ต่อต้านและโจมตีท่านด่าท่านรู้สึกอย่างไรบ้างคะ

☆☆☆ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า " พวกเธอทั้งหลาย จงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์สุข แก่มหาชน เพื่อความเอ็นดูแก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข ทั้งแก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ...จงแสดงธรรมให้ งดงามในเบื้องต้น งดงามในท่ามกลาง งดงามในเบื้องปลาย ให้เป็นไปพร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง สัตว์ทั้งหลายที่เป็นพวกมีธุลี ในดวงตาแต่เล็กน้อยก็มีอยู่ สัตว์พวกนี้ ย่อมเสื่อมจากคุณที่ควรได้ เพราะไม่ได้ฟังธรรม สัตว์ผู้รู้ทั่วถึงธรรม จักมีเป็นแน่ " ~บาลี มหา. วิ. ๔/๓๙/๓๒. ☆ เพราะความจริง พระศาสดาทรงตรัสให้ พระอรหันต์สาวกพุทธะ จาริก ไปแสดงธรรมเชิดชูพระพุทธศาสนา ...เมื่ออรหันต์สาวกเผยแผ่คำสอน แต่อลัชชี คึกหลอกห้ามไม่ให้ฟังพระสาวก เพื่อหลอกให้ฟังแต่ตนผู้เดียวนั้น คือเทวทัตยุคนี้ เป็นผู้ทุศีล ไม่ใช่สาวกพุทธะแล้ว การอวดตนตีเสมอพุทธะ ก็ปาราชิกทันที โกหกตลอดในสิ่งที่ ตนทำไม่ได้ อีกทั้งยังยกตนเหนือ พระอรหันต์สาวกทุกๆองค์อีก สอนให้จาบจ้วงลบหลู่ตามคึก นำตนไปตกอบายภูมิ สร้างกรรมหนัก เนรคุณต่อศาสดา อาจารย์ คือมักใหญ่ใฝ่สูง กล้าทำลายศีล ทำลายธรรม ใช้ธรรมะบางส่วน หลอกล่อหากิน ผู้ใด ทุศีลว่าพระอรหันต์สอนผิด ผู้ใด ทุศีลว่าพระพุทธองค์บัญญัติผิด คือ ผู้นั้นสอนและนำพาไปตรงข้ามพระนิพพาน กำลังลวงให้ไปตกอเวจีมหานรกตามเทวทัต ธรรมะคือความจริง ไม่มีสิ่งใดปกปิดความจริงได้ kzfaq.info/get/bejne/ntCdpc2BndXPXas.html ☆ คลิปคึก อวดมักใหญ่ใฝ่สูงกว่าพุทธะ คลิปนี้แสดงธาตุแท้ของกำมะลอคึก ต้องการให้ขายของปลอม มาแทนของจริง แต่งคำขึ้นใหม่เองว่า พุทธ..วจน ปิฎก ให้สมุนใช้แทน พระไตรปิฎก ของแท้ ตัดพุทธบัญญัติ บ่อนทำลายให้ธรรมะของพุทธะ ขาดๆหายๆ ตัดศีลตัดธรรม #ความขี้เกียจของกำมะลอ คึก ไม่ต้องไหว้พระพุทธ คือไม่เคารพตถาคต ไม่ต้องรับศีล ให้ขาดศีล สวดปาฏิโมกข์แค่ 150 ข้อ ให้ขี้เกียจ ไม่ต้องสวดมนต์ทำวัตร ความจำมีน้อย ไม่ต้องเรียน ประโยค 1-9 กลัวสอบตก อ่านตำราที่ก็อปปี้สอน นี้คือคนโง่สอน ตนใส่รองเท้ารับบิณบาตรได้ ติดสบาย สาธุชน ใส่รองเท้าใส่บาตรกันนะ ให้ทำบาปตามคึกเยอะๆ

เจ็บมาเยอะคับ พุทธวจน เจ๋งสุด คนธรรมดาทั่วไปเข้าใจง่าย ไม่เรื่องมากวุ่นวาย เน้นสอนหัวข้อหลัก- ถ้าพระสายติดยศ-จะเน้นแต่เรียนวิชาการเผื่อปั้มยศ สอนไม่รุ้เรื่อง ถามก็ไม่ค่อยจะบอก

อยากให้ท่านปยุต โต และท่านอาจาร์ยครึกฤทธิ์ ร่วมมือกัน เผยแผ่พระพุทธศาสนา ให้ศึกษาพระธรรมที่แท้จริงค่ะ

สาธุครับ...ศรัทธาท่านทั้งสองครับ.

พระคึกฤทธ์ เป็นพระหนุ่ม ไฟแรง ความรู้ยังมีไม่มากนัก คงต้องใช้เวลาอีกนาน ไม่ต่ำกว่า 30 ปี ถึงจะมีความรู้ปริยัติ แน่นมากพอ หากจะเดินสายปริยัติ กระนั้นก็ตาม ยังไม่สำคัญเท่าการปฏิบัติ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ พระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จริง ๆ ถึงจะได้รับการยอมรับ ต้องดูต่อไปครับ

เอาเข้าจริงยังไม่พบว่าใคร คัดค้าน พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้เลยนิ มีแต่โจทย์ไปเป็นเคสๆ แต่ก็ได้คำตอบแบบครบถ้วนตามหลักคำสอน / อ่อคำสอนของพระอาจารย์ไม่มีเห็นท่านพูดตลอด....นั่นเป็นคำของตถาคต แล้วพระสงฆ์รูปใดจะเก่งกว่าตถาคตล่ะนั้น...น่าคิด !!

ถ้าชาวพุทธสนใจศึกษาอย่างละเอียดจริงจัง คงไม่ต้องลังเลว่าคำของใครควรเชื่อถือถูกผิดอย่างไร พระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านสนใจและยอมรับเฉพาะตัวบาลีที่เป็นพุทธวจนะ ไม่ยอมรับอรรถกถา ฎีกาอีกทั้งยังไม่ยอมรับการเรียนปริยัติธรรมนักธรรมตรีโท เอก บาลีเปรียญธรรม ย่อมทำให้ขาดความรู้รอบด้านที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ วินิจฉัยด้วยตนเองอาจผิดบ้างถูกบ้าง เท่าทีเคยฟังบางอย่างท่านก็กล่าวได้ถูก แต่บางอย่างก็กล่าวผิดไป เหมือนเราจะศึกษาวัตรปฏิบัติและคำสอนหลวงพ่อชา เราก็ต้องศึกษาทั้งจากคำสอนท่านโดยตรงและจากศิษยานุศิษย์ ชาวบ้านประกอบ จะทำให้เข้าใจวัตรปฏิบัติของท่านยิ่งขึ้น การเรียนวรรณคดีร้อยกรอง อ่านแล้วใช่ว่าเข้าใจได้ทันที ต้องศึกษาคำศัพท์ ที่มีความหมายโดยตรง ความหมายโดยนัย เรื่องราวของยุคสมัยเป็นองค์ประกอบ จะทำให้เข้าวรรณคดียิ่งขึ้น ศาสนาผ่านมาได้กึ่งอายุ ย่อมมีการเปลี่ยนไปบ้างเหตุปัจจัย จะให้100%คงเป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าเองก็ทรงตรัสไว้แล้ว อย่าลืมว่าพุทธศาสนามีคำสอนที่ละเอียดอ่อน หลายประการ ต้องใช้โยนิโสมนสิการ บางอย่างจะคิดอย่างหยาบๆไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ หรือสอนทั้งโลกิยธรรม และโลกุตรธรรม ชาวพุทธส่วนใหญ่มักจะมองกันด้านเดียวคือนิพพานที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ที่เข้าใจว่ายังอยู่ไกลตัว ทำให้เกิดความคิดปิดกั้น ตัวเองไม่เรียนรู้ศึกษาคำสอนไม่เข้าใจหลักธรรมะศาสนาของตนเองเป็นจุดอ่อนต่อปัญญา ศรัทธาสั่นคลอนง่าย หลายคนไม่เข้าใจคำว่าสงฆ์สาวก มองเห็นแค่ พระสงฆ์ที่เป็นสมมุติสงฆ์ ว่าจะต้องมีศีลพร้อม เรียบร้อย สันโดษ ต้องเป็นผู้ปล่อยวางหลุดพ้น ลืมไปว่าเป็นคนธรรมที่ถือเพศบรรพชิตเพื่อให้มีโอกาสฝึกตนได้มากกว่าที่เป็นฆราวาส ย่อมมีพลั้งพลาดทำผิดพระวินัยบ้าง และก็มักจะมองกันว่าวินัยเรื่องร้ายแรงไปหมด อยากให้ชาวพุทธสนใจศึกษาคำสอนในศาสนาตนเองให้เข้าใจยิ่งขึ้น ช่วยกันปกป้องศาสนา..ทุกวันนี้จะเห็นว่าคนศาสนาอื่นโดยเฉพาะแกนน เขาสนใจศึกษาและเข้าใจศาสนาเรามากกว่าเราเสียอีก แต่เขาศึกษาเพื่อหาจุดอ่อนเล่นงานโจมตี เล่นงานทำลายศาสนาให้ย่อยยับ ถ้าเราไม่มีภูมิคุ้มกันพอ แตกสามัคคีกัน พระพุทธศาสนาอาจหายไปจากประเทศไทยก็ได้...วัดเป็นได้ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนขึ้นอยู่กับศรัทธาสามัคคีของชาวพุทธเราเอง

นี้เป็นการชี้แจง ความถูกต้อง ของพระไตรปิฏก ที่มีคนนำไป ตัดทอนออก แล้วอ้างว่ายอมรับกัน ทั่วไป. ไม่ใช่การเถียงธรรมแบบ ผู้อวดรู้ (ท่าน ป.อ ประยุตโต กล่าวชอบแล้ว) กราบสาธุ สาธุ สาธุคะ

กรณีธรรมกายนั่นก็เหตุใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นความคับแคบของกลุ่มคนที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นอันถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของท่านเจ้าคุณอาจารย์ กราบสาธุ

เริ่มเน้นศีลห้าก่อน แล้วเอาศีลแปด ศีลสิบเปนลำดับไป ศีล150- 200- 300 ค่อยว่ากันทีหลัง ที่แน่ๆเอาศีล5ก่อน

พระ(หรือไม่?)คึกฤทธิ์ เป็นคนเก่ง ความทรงจำดีมาก !.. แต่การบรรลุธรรม"ไม่ได้บรรลุด้วยสมองและความติด"แต่บรรลุด้วยสภาวะจิตที่เบาและสงบ"พระคึกฤทธ์ไม่มีจิตนั้น ไม่เบา ไม่สงบ ถ้าเขาบวชในมหายาน คงเป็นสังฆราช แต่ถ้าตามพุทธวินัยแท้ พระคึกฤทธิ์ สูงสุดแค่โสดาบัน โสดาบันนั้น แม้คนธรรมดาก็เป็นได้ไม่จำเป็นต้องบวช คนๆนี้จะพาคนหลง ใครศรัทธา คงไม่มีใครเสื่อมลงนรกแน่นอน แต่ไปไม่ไกลเพราะผิดทิศผิดทาง ท่านปอ.ประยุติฯหรือสมเด็จประยุติ ก็แล้วแต่จะสมสุติเรียก!ท่านแม่นยำดีแล้ว จงมั่นใจ แม้ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ แต่สักทาคา-อรหัตมรรค ท่านได้แน่ในภพนี้ ใครตำหนิท่านประยุติ จงรับรู้ไว้ด้วยว่าตัวคุณเองนั่แหล่ะไม่เคยรู้จักศาสนาพุทธเลยอย่างถูกตรง"ท่านประยุติคือพุทธบุตรแท้รูปหนึ่ง จงสังวรณ์ และระมัดระวังในการวิจารย์ท่านไว้ให้จงหนัก พวกที่ไร้สติและหลงในอาจารย์,าจารย์ข้า-อาจารย์กูเนี่ย"หนีคุกมาไม่รู้ดี่ตัวแล้ว.สมองมีให้คิด อย่าติดตัวบุคคล จงอ่านบ้างพระไตรปิฏกกันบ้าง พุทธวัจนะของพระพุทธองค์"บริสุทธิ์ดีแล้ว" แต่ไอ้คนเอามาตีแปลมั่วๆต่างหาก ที่มันสร้างปัญหา กิเลสคึกฤทธิ์ยังเต็มตัว ขึ้นเครื่องบินไปกับบรรดาสีกา แวะซื้อรองเท้าจากต่างประเทศ?..แค่ไม่รู้ความสมถะเรียบง่ายอันเป็นหัวใจขั้นอนุบาลของสมณะ"ยังจะกล้าพูดเรื่องนิพพาน ว่าตนกระจ่างแจ้ง!เฮอะ ทุเรศ"

การไปเพิ่มหรือตัดออก ธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ชอบแล้วด้วยความเห็นผิด นี่แหล่ะ เหตุแห่งความเสื่อมในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระองค์ได้เห็นล่วงหน้า และทำนายไว้หมดแล้ว น่าสงสารคนที่รู้เท่าไม่ถึงกาลจริงๆ ธรรมะจะเอาตรรกะทางโลกไปคาดคะเนไม่ได้หรอก สติปัญญาแค่คนธรรมดา ไม่น่าไปล่วงเกินสิ่งที่ตนเข้าไม่ถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านคือผู้รู้แจ้งโลก โลกวิทู ครูบาอาจารย์ที่ท่านพ้นแล้ว ท่านรับรองตนเองว่าบรรลุแล้ว ท่านก็รักษาไว้ และส่งไปยังรุ่นต่อๆ ไป ไม่เห็นมีสักคน ที่จะไปตัดทอนอะไรจากสิ่งที่สมบูรณ์แล้วเลย ส่วนมาก ท่านก็ขยาย-อธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเข้าใจแก่คนฟัง ก็เท่านั้น พระพุทธศาสนาลึกมาก เกินที่ความคิดคนธรรมดาหยั่งถึง คนที่ไปล่วงเกิน ซวยไป

ขอน้อมกราบ พุทธวจน เจ้าค่ะ

นมัสการ พระคุณเจ้า เถระผู้ทรงคุณ ต่อศาสนา

ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้สดับคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้ฟังพุทธวจนเจ้าค่ะ ทำให้ข้าพเจ้าไม่หลงทาง.

ชอบพระอาจารย์คึกฤทธิ์ พระอื่นบวชกินข้าววัดเฉยนะไม่ทำกิจของสงฆ์ ไม่ชอบเลยปัจจุบันไม่เคยทำบุญกับวัดบ้านเลยนะนอกจากวัดป่า วัดนาป่าพงเท่านั้น ฟังพุทธวจน ทุกวันพระอื่นสอนธรรมมะก็ไม่เป็น

เป็นข้อมูลที่ดีน่าสนใจมากครับ . .

“เราไม่เคยเห็นท่านผู้รู้เถียงกันเรื่องธรรม เห็นแต่ผู้อวดรู้เถียงกันเรื่องธรรม ผู้ปฎิบัติได้แล้วเพิ่นบ่เถียงธรรม” - หลวงปู่ชอบ ฐานสโม -

หลักเกณการแปลภาษา มันก็คงแบบเดียวกับการแปลภาษาอื่นๆไม่ใช่หรอครับ ส่วนที่เถียงๆกันควรเถียงหลักสำคัญคือ พระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้บ้างและห้ามอะไรไว้บ้างไม่ใช่หรือครับ และพระพุทธเจ้าตรัสไว้กับไครมีมากน้อยแค่ใหน ก็เอาตามที่มีเพราะพระมหากัสสปะได้สังคยานาไว้แล้ว โดยมีพระอรหันต์ทั้งนั้นที่ทรงจำกันและกล่าวขึ้นเพื่อจำพร้อมๆกัน ส่วนเรื่องลำดับเวลา ก็คงไม่ต้องเถียงเพราะการสังคยานามีพระอานนท์อยู่ด้วย เพราะท่านเป็นพระหูสูตรคงไม่มีผิดแน่นอน อรรถคาถาจึงไม่จำเป็นต้องมี แต่ถ้ายังเถียงให้มีอรรถคาถาก็แสดงว่าคำของพระพุทธเจ้าถูกติเตียนได้ อรรถคาถายังมีที่บอกว่าทำน้ำมนต์ได้ ทั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสห้าม อย่างนี้มันหมายความว่าไงละครับ ผมคนนึงที่ไม่อยากให้มีอรรถคาถาเพราะบางคนมาแต่งมั่วไงครับ กล่าวคำที่พระพุทธเจ้าไม่เคยประพฤติมาว่าประพฤติมา สรุปว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้ากันหรือป่าว

ท่านป.ปยุตสอนได้ถูกต้องตรงและเข้าใจง่ายแบบไม่ลังเลสงสัยเลยค่ะ เคารพและนับถือท่านมาก

ท่านอาจารย์เจ้าคุณประยุทธ์ ท่านเทศน์ท่านบรรยาย สอนคน อุปมาเหมือนของที่คว่ำให้หงาย ชี้ทางแก่คนหลงทาง ให้เดินไปถูกทาง โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นปราชญ์แห่งยุคนี้โดยแท้ กราบ นมัสการอย่างสูงครับ

ท่าน ป.อ.ปยุตฺโตเป็นพระนักวิชาการที่แตกฉานในพระไตรปิฎกที่สุดแห่งยุค ท่านยังได้อธิบายขยายความอย่างละเอียดเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งผมคิดว่าฟังขึ้นเอามากๆ

ขอปฏิบัติตามพระอาจารย์คึกฤทธิ์ค่ะท่านนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาถ่ายทอดบอกสอนสื่อสารเข้าใจง่ายไม่จำเป็นต้องผ่านต่างประทงประเทศหรือเปรียญอะไรมาหรอกถ้านำคำสอนตถาคตมาสอนปฏิบัติแล้วเห็นผลจริงก็เป็นอันว่าจบ เพราะปฏิบัติมาได้สองปีเห็นผลกับตัวเองเลยว่าชีวิตปัจจุบันกลับที่ผ่านมาเหมือนดำกับขาวขอศรัทธาพระอาจารย์คึกฤทธิ์ค่ะ

บุญวาสนาไม่เท่ากัน พูดอะไรไปก็ป่าวประโยชน์ เกิดมาทั้งทีต้องรู้ให้แจ้ง ไม่ใช้แต่มาเถียงกันมาเอาชนะกัน พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่าใครมองเห็นธรรมผู้นั้นย่อมเห็นเรา ก็จริงอย่างที่ท่านพูดตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเอง

ขอนอบน้อมนมัสการสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ