Рет қаралды 161,227
ไขความลับ เจาะลึกเนื้อ
#พระสมเด็จ #วัดระฆัง #สมเด็จโต
๔ มีนาจะพาพี่ๆ เพื่อนๆ เจาะลึกเนื้อและมวลสารในพระสมเด็จ วัดระฆัง
ว่ากันว่าพระสมเด็จมีหลากเนื้อ หลายพิมพ์มากๆ แล้วส่วนผสมและมวลสารหลักๆ ของพระสมเด็จที่สมเด็จโตท่านใช้ มีอะไรบ้าง
พื้นฐานของมวลสารพระหลักๆ ที่ตรงตามตำรา ก็จะมี ผงพุทธคุณ เศษพระกรุกำแพงเพชร ว่านยา ดอกไม้ น้ำมัน ดิน และแร่ต่างๆ
แล้วการดูพระสมเด็จวัดระฆัง ต้องดูอะไรบ้าง
ผิวหนึกนุ่ม
หนึกนุ่มคืออะไร เมื่อเนื้อพระผ่านเวลา จะเกิดการกร่อน การงอก ทำให้เนื้อพระดูเหี่ยวๆ ฉ่ำๆ ฟูๆ มีมิติ คำว่าหนึกนุ่ม ถูกใช้สำหรับเนื้อพระสมเด็จ เราอาจไม่ได้ยินคำนี้จากสิ่งอื่นๆ นะครับ
สำหรับผิวของพระองค์นี้ เพราะความหนึกนุ่ม ทำให้พระดูมีมิติ เห็นความลึก ตื้น พระพักตร์รูปไข่ นูน มองเห็นมวลสารและผงพุทธคุณได้ทั่วไป และเห็นความเหี่ยวได้ชัด ลำตัวส่วนเอวคอดเข้ามองเห็นความผิวกร่อนในหลายจุด เส้นซุ้มข้างฐานสิงห์หนาม้วนเข้า เพราะเกิดการยุบตัวของเนื้อพระตามกาลเวลา
แห้งนอก ฉ่ำใน
เมื่อเราดูเนื้อพระ พระจะดูมีความแห้ง เหี่ยว จนเห็นคราบขาวนวลผุดขึ้นมาซึ่งคราบนี้บางคนจะเรียกว่าแป้งโรยพิมพ์ คราบนี้เกิดจากการคลายความชื้นจากด้านในองค์พระ เลยทำให้พระดูมีความแห้ง แต่พอเราขยายเนื้อพระองค์เดียวกันขึ้นมาดู เนื้อพระจะฉ่ำโดยเฉพาะในจุดที่อยู่สูง และเราจะเห็นคราบน้ำมันปนกับเนื้อกร่อนๆ เหี่ยวและมวลสาร
ส่วนพื้นที่ในร่องต่ำ จะมีความแห้งกว่า ดูนวลๆ และอาจมองเห็นเศษผงฝุ่นติดอยู่ด้านใน
แคลไซต์
Calcite มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ขุ่น และมีสูตรโครงสร้างเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต มีผลต่อร่างกายคล้ายเกลือแร่ ที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง
แคลไซต์ที่เราจะเห็นได้ในพระสมเด็จ จะมีลักษณะเหมือนปุยเมฆลอยอยู่บนเนื้อพระ ถ้ามองลึกๆ จะเห็นเป็นเกล็ดเกาะกันเป็นกลุ่มๆ หรือไล่เป็นชั้นๆ จุดสังเกตที่สำคัญก็คือ ขอบของแต่ละชั้นที่งอกจะไม่คมเพราะเป็นการผุดหรืองอกออกจากด้านในทีละโมเลกุล
แคลไซต์เป็นการผุดและงอกตามธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดทีละ 1 โมเลกุลทั่วทั้งองค์อย่างเป็นระบบ ดังนั้นแคลไซต์จะต้องให้เป็นธรรมชาติ ไล่โทนหนา บาง เข้ม อ่อนไม่เท่ากัน บางจุดจะมีคราบน้ำมันปน มีความเงาเหมือนผลึก
แคลไซต์ตามธรรมชาติที่เรารู้จักก็เช่น หินงอก หินย้อยที่อยู่ในถ้ำ ซึ่งบางที่อยู่มาเป็นล้านๆ ปีเลยนะครับ
มวลสาร
มวลสารหลักของพระสมเด็จ เช่น ผงพุทธคุณ เศษพระกรุกำแพงเพชร ว่านยา ดอกไม้ น้ำมัน ดิน และแร่ เมื่อเวลาผ่านมาประมาณ ๒๐๐ ปี สิ่งที่เราจะเห็นได้คือ การงอก การกร่อน ความเหี่ยวและการย่อยสลายของวัตถุบางชนิด จะเห็นเป็นหลุมหรือร่องเก่าๆ มวลสารที่เป็นจุดสำคัญในการดูพระสมเด็จคือเศษพระกรุกำแพงเพชร ซึ่งที่เรารู้จักกันก็คือ พระซุ้มกอ และพระลีลาเม็ดขนุน เราจะสังเกตุได้ว่าเป็นก้อนดินสีน้ำตาลแดง มีร่องรอยการงอกและกร่อนบนก้อนมวลสาร จุดสังเกตอีกอย่างคือ สำหรับพระที่มีอายุ ก้อนมวลสารที่เป็นดินจะจมอยู่ในเนื้อผงหรือเนื้อปูนเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน
คราบเก่า
พระสมเด็จอายุ ๒๐๐ ปี ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุโบราณแล้ว ดังนั้นเราต้องเห็นคราบความเก่า โดยเฉพาะตามซอก ในร่องหรือพื้นที่ต่ำที่สะสมมานาน ทั้งฝุ่นและเศษละอองต่างๆ รวมถึงรอยเหี่ยวย่นที่อาจพบเห็นได้ ซึ่งเกิดจากความร้อนความชื้นที่เกิดขึ้นกับองค์พระทั้งวันทั้งขึ้นตลอดร้อยๆ ปี
เนื้อใน
เมื่อเกิดการกระเทาะของเนื้อพระ เป็นโอกาสที่ทำให้เราได้มองเห็นเนื้อที่อยู่ด้านใน ร่องรอยการกระเทาะของเนื้อพระเก่าจะไม่คม มีแคลไซต์ปกคลุมผิว และมองเห็นมวลสารที่จมอยู่ในเนื้อ เปรียบเทียมกับแผลเป็น ถ้าเป็นแผลที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แผลจะเป็นแผลเป็น ไม่ใช่แผลสด มีความเหี่ยว มน ขรุขระ
ผงพุทธคุณ
ผงพุทธคุณเป็นส่วนผสมและมวลสารสำคัญที่พระสมเด็จ ที่สมเด็จโตท่านใส่ลงในขณะสร้างพระ ดังนั้นเราจะต้องเห็นผงพุทธคุณที่มีลักษณะเป็นก้อนๆ ฝังจมอยู่ในเนื้อพระสมเด็จ มากหรือน้อยแล้วแต่ ตามตำราพระสมเด็จส่วนมาก ผงพุทธคุณเป็นหนึ่งในหลักของการพิจารณาพระสมเด็จแท้ ซึ่งจะเห็นได้ทั้งบนผิวและใต้ผิวองค์พระเมื่อมองให้ลึกลงไปในเนื้อ
มีพัฒนาการ การซ่อมแซมตัวเอง
สิ่งที่เรามักจะพบในพระเนื้อผงเก่าคือแคลไซต์และอาราโกไนท์ จะมีลักษณะเป็นเนื้อที่งอกขึ้นมาจากด้านในเนื้อพระ อาราโกไนท์จะมีลักษณะเป็นฟองไขขาวงอกขึ้นมา เมื่อถูกความร้อนจะกลายสภาพเป็นแคลไซต์ ส่วนแคลไซต์จะขึ้นเป็นผลึกขาวคลุมผิวพระ โดยเฉพาะพื้นผิวที่มีรูหรือรอยแยก สำหรับพระสมเด็จส่วนมากจะเป็นแคลไซต์ จึงทำให้เรามองเห็นเหมือนผิวมีการเชื่อมในจุดที่มีรอยแยก
หากพี่ๆ เพื่อนๆ ส่งสัยว่าพระเครื่องเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิต แต่ทำไมถึงมีการงอกได้ อย่างที่ได้เล่าไว้ในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่า เราจะศึกษาธรรมชาติของแคลไซต์ได้จากหินงอกหินย้อยในถ้ำเก่าๆ หรือสังเกตุได้จากหินเก่าๆ ก้อนแร่เก่าๆ หรือเปลือกหอยเก่าๆ เมื่อส่องขยายเพื่อดูเนื้อ เราจะเห็นการงอกที่มีลักษณะคล้ายกันกับพระสมเด็จ วัตถุอื่นๆ ที่มีลักษณะการงอกบนผิว ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น ฟัน เขี้ยวกระดูกของเรา ก็จะมีคราบหินปูน หรือโลหะก็จะมีสนิมที่เกิดจากการออกไซด์ เช่นอ็อกไซด์ของทองคำจะมีสีแดง เงินจะมีสีเทาดำ ทองแดงจะมีสีเขียว ทองเหลืองจะมีสีแดงอมน้ำตาล ตะกั่วจะมีแดงส้มเหลือง สังกะสีจะมีไขสนิมขาว ลองดูจากเหรียญเก่าๆ ก็ได้ครับ ถัดไปจะนำเนื้อพระโลหะ หรือสัมฤทธิ์มาไขความลับเนื้อให้พี่ๆ เพื่อนๆ ได้ฟังกันนะครับ
นี่ก็เป็นพื้นฐานของการพิจารณาเนื้อพระสมเด็จ และการเปลี่ยนแปลงตามหลักธรรมชาติ การศึกษาพระเครื่อง และวัตถุมงคลของแต่ละคน ก็จะต่างกันออกไป แต่ถ้าเรายึดกฎของธรรมชาติเป็นเกณฑ์ เราจะก็มีหลักในการพิจารณาความเป็นจริงของพระเครื่องได้มากขึ้น และความรู้เรื่องธรรมชาติ ยังทำให้เราสามารถศึกษาพระเครื่องได้แทบทุกเนื้อและทุกชนิด
#พระสมเด็จ #เบญจภาคี