@@pattarty9572 คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่มีอยู่ใน ตำรา จะมี สังขตธรรม อสังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต ไม่มี สังขตธรรม อสังขตธรรม ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ ที่ไม่เอา สาวกภาษิต มาบอกต่อ เพราะว่า อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองค่ะ เพราะว่า มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ

@@pattarty9572 เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ จะมีอยู่ใน คำสอนของพระพุทธเจ้า เท่านั้นค่ะ คือ ตถาคตภาษิต / คำสอนไหน ที่ไม่มี เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ เป็นคำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต นั่นเองค่ะ ทุกท่าน ช่วยกันตรวจสอบ ด้วยการนำ เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ ไปเพ่งพิสูจน์ คำสอน ที่มีอยู่ใน พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา ก็จะได้คำตอบที่ถูกต้องตรงจริงนั่นเองค่ะ เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ ก็คือ ตถาคตภาษิต จะมี (สังขตธรรม > กฏอิทัปปัจจยตา > ปฏิจจสมุปบาท * กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท*) ( อสังขตธรรม> กฏอิทัปปัจจยตา> ปฏิจจสมุปบาท *กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ จะมีอยู่ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นค่ะ

เอาพระไตรปิฎก มากาง แล้วตรวจสอบ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี อสังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท / คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต หรือ ความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ จะไม่มี สังขตธรรม / อสังขตธรรม จะไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา จะไม่มี ปฏิจจสมุปบาท / การนำคำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ เป็นความคิดเห็นที่เป็น สัมมาทิฏฐิ เป็น สัมมาวาจา เพราะว่า เป็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การนำคำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต มาบอกต่อ เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ เป็น มิจฉาวาจา(พูดโกหก) เพราะว่า เป็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ

มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ มีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อนันตริยกรรม คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก (ความแตกแยกคือ เมื่อได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็จะไม่มีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ไม่กลับมามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนั่นเองค่ะ เพราะว่า มีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต แล้วนั่นเองค่ะ เหมือนพระเทวทัต ที่ท่านได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมา ยังคงเป็น ศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฐิ นั่นเองค่ะ เมื่อมีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน ความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ อนันตริยกรรม คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก จึงเกิดปรากฏขึ้นมา นั่นเองค่ะ คือ ไม่กลับมามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนั่นเองค่ะ

@@kritsanamoksai4135 คำสอนของพระพุทธเจ้า จะเป็น เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ ก็คือ อริยมรรคมีองค์แปด ข้อแรก นั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะเป็นเส้นทาง สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ค่ะ( สังขตธรรม > กฏอิทัปปัจจยตา > ปฏิจจสมุปบาท *กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท*) ( อสังขตธรรม > กฏอิทัปปัจจยตา > ปฏิจจสมุปบาท*กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท*) เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ ที่มีอยู่ใน คำสอนของพระพุทธเจ้า จะเป็นแบบนี้นั่นเองค่ะ เพ่งพิสูจน์ได้ค่ะ

@@sawatyatbumrea1683 เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ ซึ่งจะมีอยู่ใน คำสอนของพระพุทธเจ้า เท่านั้นค่ะ คือ ( สังขตธรรม> กฏอิทัปปัจจยตา > ปฏิจจสมุปบาท*กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท*) ( อสังขตธรรม >กฏอิทัปปัจจยตา > ปฏิจจสมุปบาท*กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท*) เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ จะมีอยู่ใน คำสอนของพระพุทธเจ้า เท่านั้นค่ะ ในคำแต่งใหม่ที่เป็น สาวกภาษิต จะไม่มีเส้นทาง สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ

@@user-ub3ts9mh5x มีพระพม่า 13 รูปทรงจำพระไตรปิฎกทั้ง 45 เล่ม ในประเทศไทยของเรายังไม่มีท่านใดทรงจำพระไตรปิฎกได้ ท่านได้อธิบายเรื่องของอรรถกถาอาจารย์ไว้ดีแล้ว ผมมีความรู้น้อยจึงไม่สามารถอธิบายได้อยากให้ท่านทำความเข้าใจกับเรื่องนี้จึงขออนุญาตนำมาฝากให้ท่านได้ลองฟังดูเผื่อจะได้เข้าใจใหม่และจะไม่ได้ ล่วงเกินอรรถกถาจารย์ ด้วยความปรารถนาดีครับผม kzfaq.info/get/bejne/p6hoiqiKx9Kwpo0.htmlsi=sqca8rzyuRqeI59n

kzfaq.info/get/bejne/p6hoiqiKx9Kwpo0.htmlsi=sqca8rzyuRqeI59n

ภาวนา ให้มันได้ มรรค ได้ผล สิ ท่าน แล้วจะแยกแยะ ว่า อันไหนที่เชื่อถือได้ ไม่ได้

@@pinthavong1 คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต ไม่มีสังขตธรรม ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ

@@user-tv9ri6hu3e การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ แล้ว อริยมรรคมีองค์แปด จะเกิดปรากฏขึ้นมาได้อย่างไร การปฏิบัติ ใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว ท่านที่บอกว่า ปฏิบัติ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาทิฏฐิ หรือไม่ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ/ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว ท่านเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ หรือไม่ เพราะว่า ท่านบอกว่าท่าน ปฏิบัติ ถ้าท่าน ปฏิบัติ ใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด หรือไม่

@@user-ck2gi9zk3j คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม/ อสังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท *กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท* คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต จะไม่มี สังขตธรรม อสังขตธรรม ไม่มี กฏอิทัปปัจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท *กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท* เมื่อมีศรัทธาใน คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต หรือ มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ ( เมื่อมีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวในคำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อนันตริยกรรม คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก *ความแตกแยกคือ เมื่อได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วก็จะไม่มี ศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ เพราะว่ามี ศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต แล้วนั่นเองค่ะ*)

🙏🙏🙏

คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ อริยสัจสี่ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะว่า มี สังขตธรรม มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) นั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี อสังขตธรรม จะมี กฏอิทัปปัจจยตา จะมี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท)ยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้าบอกว่า มีอยู่นะ อสังขตธรรม คุณสมบัติ ไม่ปรากฏมีการเกิด ไม่ปรากฏมีการเสื่อม เมื่อตั้งอยู่ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ

คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต หรือ ความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ จะไม่มี สังขตธรรม อสังขตธรรม จะไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา จะไม่มี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) เมื่อมีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ เมื่อมีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อนันตริยกรรม คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก (ความแตกแยกคือ เมื่อได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว จะไม่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ ไม่กลับมามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนั่นเองค่ะ เพราะว่า มีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต หรือ ความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ แล้วนั่นเองค่ะ)

การนำคำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต มาบอกต่อ เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ เป็น มิจฉาวาจา (เป็นการพูดโกหก) เพราะคือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ เมื่อรู้แล้วก็ไม่เอาคำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต มาบอกต่อ นั่นเองค่ะ เพราะพระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า อย่าเงี่ยโสตลงสดับใน สาวกภาษิต นั่นเองค่ะ

เอ้าาาาาา ทำไม เช่นนั้น หละ? แบบนี้ ที่สวดมนต์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ไม่ครบ องค์ธรรม อะดิ

ไม่ต้อง ตรวจสอบ แค่ ทำตาม แล้ว บรรลุ อรหันต์ อรหันต์ ไม่กลับมา ตรวจสอบ แล้ววววว สาธุ

fb.watch/tnEf-f1xWQ/?mibextid=xCPwDs&fs=e&s=TIeQ9V

ถ้าถึง อนาคามีแล้ว ก็จะต้องเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก เมื่อถึงอนาคามีก็จะต้องเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ ก็คือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ ถ้าไม่เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ก็คือไม่ได้ปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้นั่นเองค่ะ

เหตุผลที่ไม่โกนคิ้ว มีอยู่ในพระไตรปิฏก อรรถกถา และฎีกาครับ ส่วนพระไทยที่โกนคิ้ว มาจากเรื่องการเมืองเมื่อในครั้งอดีตแล้วสืบทอดกฏนี้มาจนถึงปัจจุบัน คนไทยสมัยนี้เลยเข้าใจว่าการโกนคิ้วมาจากพระพุทธพจน์ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด

fb.watch/tnEf-f1xWQ/?mibextid=xCPwDs&fs=e&s=TIeQ9V

fb.watch/tnEf-f1xWQ/?mibextid=xCPwDs&fs=e&s=TIeQ9V

เป็นความคิดเห็นที่ยังเป็น มิจฉาทิฏฐิ อยู่ค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี อสังขตธรรม มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) เพ่งพิสูจน์ได้ค่ะว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าจะเป็นแบบนี้นั่นเองค่ะ / คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต หรือ ความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ จะไม่มี สังขตธรรม/ อสังขตธรรม จะไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา จะไม่มี ปฏิจจสมุปบาท (กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท) เมื่อนำคำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต มาบอกต่อ เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ เป็น มิจฉาวาจา(เป็นการพูดโกหก)

@@user-tl5ws1fe7e ตามแต่คุณคิดความจริงคุณจะต้องเข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองหลวงปู่ที่ท่านเข้าถึงสัจธรรมล้วนแต่ปิดตำรากันทั้งนั้นเห็นด้วยจิตรู้ด้วยจิตปรากฏการณ์ทางจิตคือคำตอบ