@@plemsukplemsuk4295 ที่เราฟังธรรม(บทสวดมนต์เป็นบาลีส่วนใหญ่เราแปลไม่ออก)

@@user-TATO_chanal อยากให้เครดิตพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ธรรม

@@user-qd6vr5xl1u ยินดีครับ

จะรู้ด้วย ตัวเอง ว่า ถึงชั้นไหน ... รู้ จาก สภาวะธรรม ของตน ... ไม่ใช่ จากการ เหมา เอา แต่ ถ้า ต่ำกว่า อริยะ ... แบบนั้น ตามมีตามเกิด สัพเพเหระ

ไม่ใช่ ไม่เชื่อ แต่ ไม่สนใจ แล้ว ... มุ่งหน้า นิพพาน อย่างเดียว ถ้า ทำได้ ถ้า ยังกำลังไม่พอ ... ต้อง สะสม บารมีต่อไป ใน 19 ช่องทาง

อนุญาตให้ภิกษุสอนะรรมได้ ต้องจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เท่านั้น จะได้สอนไม่ผิดเทศน์ไม่ผิด ออกกฎหมายออกมาเลย หลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงพี่ ต้องจบเปรียญธรรม 9 ประโยค จึงสอนได้

​@@supachaikrabeethong6769หลวงปู่จันทา ถาวโร ไม่รู้หนังสือเลย อ่านก็ไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ ทำไมถึงแสดงธรรมได้ดี ขนาดดอกเตอร์ยังยอมเป็นศิษย์เลย ต้องเอาท่านที่"รู้จริง"มาสอน ไม่ใช่"รู้จำ"มาสอน

เครครับ

รู้ได้เฉพาะตน / ไม่มีใครรู้ใคร

ต้องทำความเข้าใจสังโยชน์10

ถ้าเข้าใจก็จะไม่ลังสงสัย

เล

@@worachitkrasung7337 ละข้อ1.สักกายฯข้อ.2วิจิฯข้อ3.สีลัมฯ ข้อ4.กามราคะข้อ5.ปฏิฆะ ละได้ ทั้ง 5 ข้อบรรลุธรรมขั้นพระอนาคามี ถ้าท่านพี่เข้าใจ ท่านจะไม่สงสัยอีก แต่ถ้าท่านพี่ไม่เข้าใจลองศึกษาให้เข้าใจ ท่านพี่จะไม่สงสัยสังโยชน์10อีก ต่อไปเนื่องจากผมไม่ได้ลงรายละเอียดทั้ง10ข้อ

วัดร้าง ผู้คน... อิอิ

ตั้งแต่ ขั้นอนาคามี ไปจนถึงขั้นอรหันต์ จะไม่กลับมา อีกครับ

ช่วยกันเติมเต็ม

อนาคามี กลับมาเกิดใน กามภพ ไม่ได้แล้วนั่นเองค่ะ เพราะ อุปนิสัยความเคยชินในการ ละนันทิ ใน เวทนาทุกข์ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ ใน เวทนาทุกข์ คือ การละอารมณ์ได้ดุจกระพริบตา เป็น อุปนิสัยความเคยชินของ อนาคาปฏิมรรค แล้ว นั่นเองค่ะ ซึ่ง นันทิ ใน เวทนาทุกข์ สั้นลงมากๆแล้วนั่นเองค่ะ อีกไม่นานก็จะ ละนันทิจิตหลุดพ้นแล้ว นั่นเองค่ะ ละนันทิจิตหลุดพ้น คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ ถ้ามรรคเจริญต่อเนื่อง สมถะก็จะเกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมถะ คือ ละนันทิ ใน เวทนาอุเบกขา ปีติสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ นั่นเองค่ะ คือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ พวกสะเก็ดไฟ นั่นเองค่ะ

ใครเลือกอมามั่ว👎

คุณต้องเอาสังโยชนไปจับครับ ที่คิดจะมาเกิด ไม่ใช่อนาคามี แต่ต้องต่ำกว่า.นั้น บุคคลที่คิดว่าตนคืออนาคามีแล้ว อาจจะเข้าใจผิด ต้องเอาสังโยชน์มาวัดสอบในตัวคุณเองได้เองครับ

@@user-ub3ts9mh5x ภิกษุ รู้ผิดสอนผิดเป็นเหตุให้ อธิมุติหายไปทั้งก้อน จงเรียนรู้อธิมุติก่อน ค่อยมาแจง ผู้ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด

พระศาสดาตรัสสอนไว้ว่า ละธรรมอย่างหนึ่ง ได้อนาคามี(นัยที่๑) ... ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เรารับรองความเป็นอนคามีของเธอทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นอย่างไร? ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โลภะได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความเป็นอนาคามี. ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งความโลภอันเป็นเหตุให้สัตว์ผู้โลภไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่กลับมาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ. อ้างอิง บาลี อิติวุ.ขุ๒๕/๒๒๙/๑๗๙. ... ละธรรมอย่างหนึ่ง ได้อนาคามี (นัยที่๒) ... ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีของเธอทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นอย่างไร? ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โทสะได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีเธอทั้งหลาย. ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งโทสะอันเป็นเหตุให้สัตว์ผู้ประทุษร้าย ไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ. อ้างอิง บาลี อิติวุ.ขุ๒๕/๒๒๙/๑๘๐. ... ละธรรมอย่างหนึ่ง ได้อนาคามี (นัยที่๓) ... ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีของเธอทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นอย่างไร? ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โมหะได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีเธอทั้งหลาย. ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งโมหะอันเป็นเหตุให้สัตว์ผู้หลงไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ. อ้างอิง บาลี อิติวุ.ขุ๒๕/๒๒๙/๑๘๑ ... ละธรรมอย่างหนึ่ง ได้อนาคามี (นัยที่๔) ... ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีของเธอทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นอย่างไร? ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โกธะ(ความโกรธ)ได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีเธอทั้งหลาย. ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งความโกธะอันเป็นเหตุให้สัตว์ผู้โกรธ ไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ. อ้างอิง บาลี อิติวุ.ขุ๒๕/๒๒๙/๑๘๒. ... ละธรรมอย่างหนึ่ง ได้อนาคามี (นัยที่๕) ... ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีของเธอทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นอย่างไร? ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ มักขะ(ความลบหลู่คุณ)ได้ เรารับรองความเป็นอนาคามีเธอทั้งหลาย. ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดีซึ่งมักขะอันเป็นเหตุให้สัตว์ผู้ลบหลู่ไปสู่ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อมไม่มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหนๆ. อ้างอิง บาลี อิติวุ.ขุ๒๕/๒๒๙/๑๘๓.

ไม่ได้จบอะไรเลยครับ

แต่มีความทุกข์

แล้ว คนถาม หละ ระดับ ไหน? อิ อิ อิ

ไม่ต้องเรียกพระนำหน้าครับ โสดาบันเฉยๆ ที่เรียกพระนั้นคนรุ่นหลังๆ เข้าใจผิดและคิดว่าผู้ที่จะได้อริบุคคล ขั้นโสดาบัน สกทาคามี อนาคามีอรหันต์ จะต้องเป็นพระภิกษุ เท่านั้น จึงเรียกพระเติมเข้ามา ซึ่งผิด.ครับ

ไม่ติดภาษา

@@Sompan455 :หากต้องการรักษาพุทธศาสนาไว้ให้ยืนยาว ก็ให้ช่วยๆกันคงไว้ ซึ่งอรรถะ ซึ่งพยัญชนะทุกๆคำสอน ทุกๆพยัญชนะ ที่พระศาสดาได้บัญญัติเอาไว้ครับ

ติชมได้ไม่โกรธ

@@pichayanun9258 :ข้าฯจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมไม่มีเจตนาจะติใครๆครับ เพียงต้องการปกปักษ์รักษา พุทธศาสนาที่ผมศรัทธานับถือ คงอยู่ในโลกนี้นานๆเมื่อพบเจอเรื่องที่เข้าใจผิดในพุทธศาสนา ก็จะนำคำสอนที่ถูกต้องมาแก้ไขให้เท่านั้น ครับ