Officine Panerai เป็นแบรนด์นาฬิกาลูกครึ่งอิตาลี-สวิตซ์ ที่มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และ Crown guard ที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น และเป็นแบรนด์ขวัญใจคนไทย แต่เรื่องราวของนาฬิกานั้นมีความเป็นมาอย่างไร เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Panerai
Panerai เริ่มต้นจากร้านนาฬิกาเล็ก ๆ ประเทศอิตาลี โดย Giovanni Panerai เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1860 Guido Panerai ต่อมาหลานของ Giovanni Panerai ได้เข้ามาดูแลกิจการต่อ และย้ายร้านไปตั้งอยู่ที่เมือง Piazza San Giovanni จากนั้นพวกเขาก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับกองทัพเรืออิตาลี ในฐานะซัพพลายเออร์อย่างเป็นทางการของกองทัพ
Chapter 1 - กำเนิด Radiomir
Panerai ประสบความสำเร็จในการสร้าง “RADIOMIR” ซึ่งเป็นผงที่ทำมาจากสสาร Radium ที่ทำให้หน้าปัดนาฬิกาสามารถเรืองแสงได้ เป็นนวัตกรรมระดับโลกของ Panerai เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Panerai ได้ร่วมมือกับ Rolex ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาดำน้ำในการสร้าง RADIOMIR เรือนแรกขึ้นมา ซึ่ง Rolex เป็นผู้ผลิตนาฬิกาให้ทั้งเรือน โดยใช้ตัวเรือน Oyster ของ Rolex ยกเว้นสารเรืองแสงที่ทาง Panerai ผลิตขึ้นมาเอง ทั้งสองแบรนด์ร่วมมือกัน โดยขยายเคส Oyster จาก 26 มิลลิเมตร ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับกลไก Pocket Watch รุ่น Rolex Caliber 618
แต่เนื่องจาก RADIOMIR ทำมาจากสสาร Radium ที่มีกัมมันตภาพรังสีร้ายแรงต่อมนุษย์ Panerai จึงได้คิดค้นสารเรืองแสงแบบใหม่ขึ้น และในปัจจุบัน Panerai ใช้สารเรืองแสง Super-LumiNova ที่ทำจาก Strontium Aluminate ไม่มีพิษ ไม่มีรังสี ปลอดภัยแน่นอน และในวันที่ 1 มกราคม 1949 Panerai ก็ได้จดสิทธิบัตรสารเรืองแสง “LUMINOR” พร้อมกับออกนาฬิการุ่นใหม่ Luminor 1950 ในปี 1950 โดยยังคงตัวเรือนทรง Cushion เหมือนเดิม แต่มี Lug แบบใหม่ที่เป็นเนื้อเดียวกับตัวเรือน
Chapter 2 - ก้าวสู่ตลาดโลก
ต่อมาในปี 1972 Giuseppe Panerai ลูกชายของ Guido ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ส่งผลให้ธุรกิจครอบครัวตกไปอยู่กับวิศวกรที่ชื่อว่า Dino Zei และเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก G.Panerai & Figlio เป็น Officine Panerai S.r.L. และเขาสามารถพา Panerai ผ่านวิกฤต Quartz Crisis มาได้อย่างสวยงาม
หลังจากที่ทำธุรกิจกับกองทัพมานานและสงครามโลกได้จบลงไปแล้ว ในที่สุด Panerai ก็ได้เปิดขายนาฬิกาให้กับคนทั่วไป ได้แก่ Luminor, Luminor Marina และ Mare Nostrum แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะ Sylvester Stallone นักแสดงที่รับบท “แรมโบ้” เขาได้เดินผ่านร้านนาฬิกาที่เมือง Florence และเขาก็ตกหลุมรัก Panerai ตั้งแต่แรกเห็น เขาจึงสวมใส่ Luminor Slytech Daylight 5218-207/A ในภาพยนตร์แอคชั่น “Daylight” ปี 1996 จากนั้นเป็นต้นมา Panerai ก็เป็นที่รู้จักในตลาดโลกชั่วข้ามคืนและได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
Chapter 3 - การเติบโตในระดับโลก
นับตั้งแต่ที่ Panerai ย้ายมาอยู่ที่สวิตซ์ทุกสิ่งก็ดูราบรื่นไปหมด และในปี 2001 Panerai ก็ได้เปิดตัวสู่ระดับ international อย่างเป็นทางการ แบรนด์ได้เลือกสโลแกนใหม่ที่กล่าวไว้ว่า “Laboratorio Di Ldee” ซึ่งเป็นภาษาอิตาลีแปลว่า “ห้องแล็บที่มากล้นด้วยไอเดีย” เพื่อแสดงทิศทางและหลักปรัชญาของแบรนด์ที่มุ่งเน้นด้านการวิจัยและการค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ
การเติบโตของแบรนด์นั้นผ่านไปแบบก้าวกระโดด ในที่สุด Panerai ก็มี In-House Movement เป็นของตัวเอง มีการเปิดตัวกลไกที่มีฟังก์ชั่น GMT และ Power Reserve นานถึง 8 วัน! รวมถึงฟังก์ชั่น Tourbillon ที่สามารถหมุนหนึ่งรอบได้ภายใน 30 วินาที ในขณะที่แบรนด์อื่นใช้เวลา 60 วินาที
กระแสของ Panerai ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนความต้องการมีมากกว่าจำนวนสินค้า จากผู้ผลิตนาฬิกากันน้ำเรืองแสงก็เข้าสู่แบรนด์ Luxury watch ระดับโลกที่มี in-house movement เป็นของตนเอง และยังมีหน้าร้านทั่วโลกมากถึง 75 สาขา ต่อมาในปี 2018 Angelo Bonati ก็ได้เกษียณ หลังจากที่ทุ่มเทเพื่อแบรนด์นี้มาตลอด 21 ปี โดยได้แต่งตั้ง CEO คนใหม่คือ Jean-Marc Pontroué อดีตผู้บริหารของ Roger Dubuis ให้มารับช่วงต่อก็คงต้องจับตาดูกันต่อว่าเส้นทางของ Panerai ในอนาคตจะก้าวไปในทิศทางใด
ติดตาม Instagram For Exclusive Wrist Shot : / auctionhouse_official
ติดตามคอนเทนต์นาฬิกาที่น่าสนใจได้ที่ / auctionhouse.th
ซื้อ-ขายนาฬิกามือสองได้ที่ www.auctionhouse.co.th/
อย่าลืมกดติดตามเพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
#AuctionHouse #WatchReview #WatchInsights #ลงทุนนาฬิกา #รีวิวนาฬิกา