ความเชื่องมงายด้วยค่ะ

ไม่เกี่ยวครับ อย่างแรกเลย คุณเอาอะไรวัดว่าโลกพัฒนาช้าหรือเร็ว คุณจะบอกแบบนั้นได้คุณต้องมีโลกอย่างน้อยสองใบ ใบที่มีศาสนากับไม่มี ควบคุมอย่างอื่นเหมือนกัน แล้วดูใบไหนพัฒนาไวกว่ากัน ใช่ไหม

คุณคิดว่านอกจากคนแล้วมีสัตว์ชนิดไหนบ้างที่มีศาสนา แล้ว คนกับสัตว์ อะไรพัฒนามากกว่ากัน

ความโง่ กับ ความฉลาด คือปัจจัยหลัก ใช้ไหม

เสนอที่นี่เลยครับ

ต้องเขียนสมการขึ้นมาได้ด้วย ไม่ใช่พูดเสนอแนวคิดอย่างเเนว

ขอบคุณครับ

การตอบนี้อยู่บนพื้นฐานที่ให้เกียรติและเคารพต่อทุกศาสนา นะครับ ในชีวิตจริงโดยทั่วไปแล้ว หลักศาสนา หลักวิทยาศาสตร์ และหลักสุนทรียะศาสตร์ ทั้ง 3 หลักนั้น ล้วนต่างก็มีความสำคัญอย่างมากต่อมนุษยชาติ และทั้ง 3 หลักนั้นมีสัดส่วนอยู่ในตัวมนุษยชาติทุกคนแตกต่างกันไปตามอัธยาศัย ตามวัยวุฒิ ตามคุณวุฒิ ตามภูมิภาค ตามกาลเทศะ ของแต่ละคน ผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหลักศาสนาโดยตรง จึงได้ไปสอบถาม ศาสตราจารย์ ดร.สมภาร พรมทา นักปรัชญาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันท่านเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพุทธปรัชญา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านแจ้งว่าอยู่ช่วงแรกราวๆหน้า 1-10 ผมก็ไปสแกนหาคร่าวๆ(เพราะช่วงนี้งานเยอะ)ได้ความว่าอย่างนี้ครับ ที่คัมภีร์ไบเบิล ออนไลน์ ( www.wordproject.org/bibles/ti/index.htm ) หน้าแรกของบทปฐมกาล ".... พระเจ้าตรัสว่า "จงให้มีดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อแยกวันออกจากคืน และเพื่อใช้เป็นหมายสำคัญ และที่กำหนดฤดู วันและปีต่างๆ และจงให้เป็นดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก" ก็เป็นดังนั้น ***พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างใหญ่สองดวง ให้ดวงสว่างที่ใหญ่กว่านั้นครองกลางวัน และให้ดวงที่เล็กกว่าครองกลางคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆด้วยเช่นกัน*** พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนพื้นฟ้าอากาศเพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก เพื่อครองกลางวันและครองกลางคืน และเพื่อแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี ....." ซึ่งหามีเวลาก็ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ อาจได้อะไรมากกว่านี้ การตอบนี้เป็นการตามเชิงวิชาการ ไม่ได้มีเจตนาลบร้ายใดๆ หากเกิดข้อขัดแย้งบ้าง ก็ต้องขออภัย ขอให้มองว่าพิจารณาในแง่ศึกษาหาความรู้ความเข้าใจ จากผู้เขียนหนังสือ "คัมภีร์สัมพัทธภาพพิเศษ ฉบับ ทฤษฎีไอน์สไตน์ไม่สมบูรณ์"

ผมสอบถามท่านศาสตราจารย์ ดร.สมภาร พรมทา ต่อครับว่า "กาลิเลโอถูกศาลศาสนจักรตัดสินผิดด้วยโทษฐานใด? และมีเอกสารหรือหนังสืออ้างอิงคำตัดสินนี้บ้างไหมครับ" ท่านตอบ "(๑) กาลิเลโอเขียนในหนังสือเขา (Dialogues Concerning Two World Systems) ทำนองว่าดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง ส่วนโลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์ (๒) ศาสนจักรเห็นว่าความเห็นนี้ขัดกับไบเบิล ขอให้กาลิเลโอทบทวน แต่เขายังยืนยัน เขาเลยถูกศาลไต่สวนศรัทธาตัดสินให้กักบริเวณเขาไว้ที่บ้าน (๓) ผมยังไม่เห็นเอกสารคำตัดสิน เข้าใจว่าไม่มี การอ้างอิงเลยต้องอ้างอิงเอกสารเก่าๆของวาติกัน เราสามารถศึกษาเรื่องนี้จากหนังสือประวัติกาลิเลโอที่น่าเชื่อถือครับ" ผมถาม "คัมภีร์ไบเบิล ได้มีบัญญัติว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาลหรือเปล่าในยุคนั้น และในยุคนี้บัญญัตินั้นถูกลบออกไปหรือไม่ พอจะทราบไหมครับ" ท่านตอบ "ข้อความนี้ยังอยู่ในไบเบิลครับ ในหน้าต้นๆประมาณ หน้า ๑-๑๐ ไบเบิลเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่ามาจากพระเจ้า ไม่มีใครลบอะไรออกได้ แต่นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ของวาติกันเขาตีความว่า ข้อความที่บอกว่าโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะเป็นการเสนอภาพระบบสุริยะที่มองจากโลกของเรา ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะเราเห็นอย่างนั้นจริงๆ (คือดวงจันทร์และดวงอาทิตย์โคจรรอบโลกเรา)" จบการสนทนา.... ส่วนโคเปอร์นิคัสเองเป็นบาทหลวงถูกต้องครับ และท่านเป็นแพทย์ เป็นนักดาราศาสตร์ด้วย ก่อนหน้าโคเปอร์นิคัส ราว 1,400 ปี ศาสนจักรกับชนชั้นปกครอง มีแนวความเชื่อเหมือนกันว่าโลกหยุดนิ่งและเป็นศูนย์กลางจักรวาล แต่เมื่อโคเปอร์นิคัสทุ่มเทค้นคว้าศึกษาอย่างหนัก ทำให้มีข้อมูลหนักแน่นและมั่นใจว่า "โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ โลกไม่ได้นิ่งเป็นศูนย์กลางจักรวาล ท่านเป็นนักบาทหลวงด้วยแล้วต้องค้นพบความจริงของธรรมชาติที่ค้านความเชื่อของสถาบันที่ตนสังกัดอยู่ด้วยแล้ว...จะเป็นยังไง?....ดราม่าสิครับ... เรื่องราวไปยังไงต่อ ต้องไปอ่านในบทที่ 2 ของหนังสือ เรื่องมันยาวครับ แต่ก็จบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแน่นอน หวังว่าคงเป็นประโยชน์นะครับ การตอบนี้เป็นการตามเชิงวิชาการ ไม่ได้มีเจตนาลบร้ายใดๆ หากเกิดข้อขัดแย้งบ้าง ก็ต้องขออภัย ขอให้มองว่าพิจารณาในแง่ศึกษาหาความรู้ความเข้าใจ จากผู้เขียนหนังสือ "คัมภีร์สัมพัทธภาพพิเศษ ฉบับ ทฤษฎีไอน์สไตน์ไม่สมบูรณ์"

บาทหลวงเขาคิดเอง ยุคมืดคือบาทหลวงเป็นใหญ่ไม่เชื่อฟังคัมภีร์ แม้แต่กระเทยยังให้ลุยไฟล่าแม่มด ทั้งที่คัมภีร์สอนเรื่องความรัก พูดง่ายเหมือนลัทธิจานบินบ้านเรานั้นแหละเชื่อหลงนักบวช มากกว่าคำสอน ไบเบิ้ลไม่ได้บอกรูปร่างของโลก พูดถึงแผ่นดินแผ่นน้ำที่แผร่ออกไป ซึ่งหมายถึงกว้าง

คริสต์อละอิสลามบอกว่า โลกเป็นสิ่งแรกในจักรวาล สิ่งต่างๆสร้างขึ้นทีหลังเพื่อประดับโลก หรือ จริงๆ คริสต์และอิสลามไม่เคยพูดเรื่องโลกว่าเป็นดาวด้วยซ้ำ ใช้แค่คำว่าสร้างแผ่นดิน และแยกแผ่นฟ้าออกจากดิน ( แต่แผ่นฟ้าไม่เคยมี และดาวต่างๆก็ไม่ได้ประดับอยู่บนแผ่นฟ้า)

ถูกต้องครับ และเป็นการยืยยันด้วยว่าพระเจ้าไม่มี เพราะพระเจ้าก็คิดเหมือนกัน

รอฟังด้วยคนครับ

เปลี่ยนความถี่ครับ แสงเคลื่อนที่เร็วเท่าเดิม

ความยาวคลื่นเปลี่ยนครับ

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงถูกกั้นด้วยฝุ่นอวกาศ บลาๆๆ ก็เลยมีแค่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ต่ำมาถึงเราได้ เราถึงได้ตรวจวัดจากคลื่นไมโครเวฟกันครับ

ลองสมมติให้แสงจาก ดวงอาทิตย์ ไปยัง โลก เป็นสปริงที่ถูกยืดอย่างพอดีๆ ถ้าดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ห่างไปจากโลก สปริงจะยืดออก ถ้าดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าหาโลก สปริงจะหดตัวลง คราวนี้จะพูดถึงแสง คลื่นแสงถ้ายืดตัวออกมันจะเห็นเป็นสีแดงหรือที่เรียกว่า Red Shift กลับกัน ถ้าดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าหาโลก คลื่นแสงจะหดตัวหรือมีความถี่สูงขึ้น เราก็เห็นแสงออกสีฟ้าๆหรือเรียกว่า Blue Shift ส่วนเรื่องอัตราเร็วของแสงนั้น จะวัดด้วย ความยาวคลื่น(d)xความถี่(f) ของแสงหรือ c=df คิดแบบง่ายๆว่า ดวงอาทิตย์ห่างจากโลก 10 ม. และสปริงที่ดึงยืดกันอยู่อย่างพอดีนี้ก็มี 10 ขด ก็แปลว่า สปริงนี้หรือแสงนี้ มีความยาว 1 ขดสปริง(หรือความยาวคลื่น)เท่ากับ 1/10 (หรือ d=1/10 ) และกำหนดเลยว่า จำนวนขดสปริง(หรือความความถี่)เท่ากับ 10 (หรือ f=10 ) ดังนั้น อัตราเร็วของแสง หรือ c=df = (1/10)x10 = 1 กรณี อัตราเร็วของแสงของ Red Shift ถ้าสมมติให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนห่างจากโลกไปเป็นระยะ 20 ม. ความยาว 1 ขดสปริง(หรือความยาวคลื่น)เท่ากับ 2/10 (หรือ d=2/10 =1/5 ) หรือพูดได้อีกอย่างว่าความยาว 1 ขดถูกยืดออกจนมีความยาวเพิ่มขึ้น 2 เท่า แต่ความยาวของคลื่นจะวัดเทียบกับตอนยืดปกติ(คือ 10 ม.) ส่วนความถี่ จะนับจำนวนขดเท่ากับระยะห่าง 10 ม.เช่นเดียวกัน กรณีนี้ระยะห่าง 10 ม.จะนับจำนวนขดสปริงได้ 5 ขดหรือ f = 5 ดังนั้น กรณี Red Shift นี้ อัตราเร็วของแสง หรือ c=df = (1/5)x5 = 1 เห็นไหมครับ อัตราเร็วของแสง ยังคงที่ กรณี อัตราเร็วของแสงของ Blue Shift ถ้าสมมติให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าหาโลกไปเป็นระยะ 5 ม. ความยาว 1 ขดสปริง(หรือความยาวคลื่น)เท่ากับ 0.5/10 (หรือ d=0.05 ) หรือพูดได้อีกอย่างว่าความยาว 1 ขดถูกอัดเข้าจนมีความยาวหดลง 2 เท่า แต่ความยาวของคลื่นจะวัดเทียบกับตอนยืดปกติ(คือ 10 ม.) ส่วนความถี่ จะนับจำนวนขดเท่ากับระยะห่าง 10 ม.เช่นเดียวกัน กรณีนี้ระยะห่าง 10 ม.จะนับจำนวนขดสปริงได้ 20 ขดหรือ f = 20 ดังนั้น กรณี Blue Shift นี้ อัตราเร็วของแสง หรือ c=df = (0.05)x20 = 1 เห็นไหมครับ อัตราเร็วของแสง ยังคงที่ อยู่ดี.... ในหนังสือเล่มนี้ มีการอธิบายคลี่คลายเรื่องชวนฉงนเรื่องนี้ ด้วยภาษาง่ายๆ ในบทที่ 4 กับ 6 อย่างจุสุดลมหายใจเลยหละครับ "คัมภีร์สัมพัทธภาพพิเศษ ฉบับ ทฤษฎีไอน์สไตน์ไม่สมบูรณ์" สนใจอ่านตัวอย่างได้ที่ www.iii3iii.com เชิญเข้าสู่และเข้าใจโลกฟิสิกส์แบบเข้าถึงง่ายๆไปด้วยกันครับ

นิ้วกลาง

จริงๆมันก็คือการคาดการณ์ทางฟิสิกส์ของสิ่งต่างๆอย่างมีเหตุมีผลก็เท่านั้น ก็รู้สึกธรรมดานะกับทฤษฎีพวกนี้

ในไทยกำลังทดลองกับคนอยู่ครับ มณีแดง

ผมพิมพ์ผิดไง 555

เขียนผิดถูกไม่เกี่ยวนะครับ สาระอยู่ตรงพิมพ์ให้เหมือน 5555 ขำๆหยอกๆนะครับ

นั่งดูเขานับเลขกัน 5555

้พราะไอน์สไตน์น่าสนใจกว่า

ใช่ เขียนผิดครับ

ไม่ว่ารถหรือยานอวกาศไหนจะวิ่งด้วยความเร็วเท่าไรต่อเมื่อเราติดกับวัตถุนั้นเราก็จะมีความเร็วเท่ากับสิ่งนั้นการที่เราโยนสิ่งของขึ้นไปแล้วมันตกมาทีาเดิมก็อาจเป็นเพราะว่าอากาสนั้นเป็นตัวเชื่อมต่อกับวัตถุนั้นไว้ก็เป็นได้

มีอากาศหรือไม่มี ก็ไม่ต่างกันครับ ยิ่งไม่มีอากาศ การลอยขึ้นหรือตกลงในรถที่กำลังแล่นด้วยความเร็วคงที่ ยิ่งมีความสมบูรณ์ และคำนวณได้ง่ายขึ้นด้วยสมการของนิวตัน เพราะไม่ต้องมีอากาศมาเสียดทานการเคลื่อนที่ .....สมมติว่า เรากำลังนั่งอยู่ในรถที่สูบอากาศออกจนหมด และกำลังแล่นไปด้วยความเร็วคงที่ และไม่มีสิ่งใดขวางทางเลย..... ลูกกอฟที่ถูกโยนขึ้นนั้นมีการเคลื่อนที่ 2 ทิศทางพร้อมๆกัน คือ ขึ้นบน กับ ไปข้างหน้า (หรือคิดง่ายๆว่าให้เคลื่อนขึ้นบนตรงๆก่อนแล้วค่อยไปข้างหน้าก็พอได้) ขณะเดียวกันมือของเราก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกันเช่นกันด้วยระยะที่เท่ากับลูกกอฟเป๊ะ ตอนลูกกอฟตกลงจากแรงโน้มถ่วง ก็จะมีการเคลื่อนที่ 2 ทิศทางพร้อมๆกันเช่นกัน คือ ตกลง กับ ไปข้างหน้า (หรือคิดง่ายๆว่าให้เคลื่อนตกลงตรงๆก่อนแล้วค่อยไปข้างหน้าก็พอได้) ขณะเดียวกันมือของเราเองก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกันเช่นกันด้วยระยะที่เท่ากับลูกกอฟเป๊ะ ลูกกอฟจึงตกลงใส่มือเราเป๊ะ เพิ่มเติม...ถ้าเราโอน ลูกกอฟ กับ ขนนกอ่อนนุ่ม พร้อมกัน ทั้งสองจะตกลงใส่มือเราพร้อมกันเลยครับ ถ้าในรถเป็นสุญญากาศ คลี่จุดชวนสงสัยอีกจุดครับ ตอนที่ลูกกอฟกำลังตกลง แล้วมันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยแรงอะไร? เพราะเมื่อมันลอยขึ้นถึงจุดสูงสุด ต้องนั้นมีแต่ความว่างเปล่า! แล้วอะไรผลักมัน? คำตอบคือ นิวตัน ครับ นิวตันเป็นผู้ค้นพบหลักธรรมชาติหลักนี้ และจารึกเป็น"กฏข้อที่หนึ่งของนิวตัน"ที่ว่า "วัตถุที่หยุดนิ่งจะพยายามหยุดนิ่งอยู่กับที่ ตราบที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ ส่วนวัตถุที่เคลื่อนที่จะเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงด้วยความเร็วคงที่ ตราบที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำเช่นกัน" จากผู้เขียนหนังสือ "คัมภีร์สัมพัทธภาพพิเศษ ฉบับ ทฤษฎีไอน์สไตน์ไม่สมบูรณ์"

จริงๆแล้วมนุษย์รับรู้ถึงแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่แล้ว เพียงแต่อธิบายแตกต่างออกไปจากนิวตัน เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่ตกสู่พื้นคือเขากลับสู่แหล่งกำเนิดของมัน เช่น ก้อนดิน หิน มนุษย์ ...ส่วนสิ่งที่ไม่ตกสู่พื้นเช่นดวงดาว เขาเชื่อกันว่าเป็นพระเจ้า เลยลอยอยู่บนฟ้าแทน

คำกล่าวที่ว่า"ทุกสิ่งจะกลับสู่ต้นกำเนิดคือดินต้องตกลงดิน" แล้วถ้าเราเอาดินออกไปนอกอวกาศมันก็ไม่ตกลงมาแล้ว

ขอบคุณมากครับ

ไม่เข้าใจว่าคอมเม้นนี้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในคริปจากส่วนไหน ถ้าว่างอยู่อธิบายให้ผมฟังหน่อยก็ดีครับ ปล.ไม่ได้ว่าไรนะ ผมแค่อ่านแล้วงงหน่อยๆว่าไปไงมาไงถึงพิมไปเรื่องศาสนาได้

@@Saru_se พอดีมีคนบอกว่าศาสนาพุทธ เข้าใกล้วิทยาศาสตร์ที่สุดแล้วค่ะ แต่ในความหมายผู้เขียน ไม่ได้หมายถึง พุทธแบบไทย ค่ะ คงต้องรอเขาตอบกันเอง เพราะเราเองยังไม่รู้เลยว่า คำสอนไหนบ้างที่เป็นพุทธไม่ปรุงแต่ง 555 ปล.ถึงแม้ไม่ค่อยรู้มาก แต่ปัจจุบันก็นั่งสมาธิ เจริญสติธรรมดา แต่ก็จริงจัง รอฟังคำตอบที่อธิบายปรากฎการณ์ทุกอย่างได้ค่ะ

@@Saru_se พอดีจะตอบเมนต์ที่บอกว่า ไปกันได้กับศาสนาพุทธครับ ศาสนาอื่นก็มีคน บอกว่าไปกันได้กับศาสนาของตัวเองเข่นกัน ตรงส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการไปกับพุทธศาสนา ตามความเห็นผมคร่าวๆก็ตามที่เมนต์ ส่วนคนทำคลิบ ทำมาได้ดีทุกคลิบอยู่แล้ว

* เหนือฟ้ายังมีดวงดาว เหนือยอดเขายังมียอดหญ้า เหนือจันทรายังมีสุริยัน - เหนือวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ยังมี พระพุทธศาสนาในอดีต.* * สาธุโน ภันเต สวัสดีท่านผู้เจริญ ผู้ชี้แสงสว่างในความมืดมิด.* " นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา " * นัตถิ ปัญญาสะมา อาภา * (แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี) สาธุ 👍🙏

2.* เสียอย่างเดียวครับ วิทยาศาสตร์ค้นหาความจริงออกจากกาย แต่พระพุทธศาสนาค้นหา อริยสัจ 4 เข้ามาในกายในใจครับท่าน เรียกว่า บุญมีแต่กรรมบัง.* 🙈🙉🙊VS 👿👹👺 * โยนิโสมนสิการ = กว้างศอก ยาววา หนาคืบ.* เอวัง ภันเต ขอให้โชคดีมีชัยทุกๆท่าน.* 💖✌ " สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย " สุโข ปุนยัดสะ อุจจะโย (การสร้างสมความดี นำสุขมาให้) สาธุ 🙏

หยุดเอาศาสนามาโหนวิทยาศาสตร์ได้แล้ว ถ้าศาสนามันดีอย่างจริงแท้ มันก็ไม่ต้องมาเกาะวิทยาศาสตร์หรอก

มันมีข้อแม้ด้วยว่าต้องเป็รพุทธแบบแท้ๆครับ พุทธแบบแฟนตาซีไม่ใช่

อยากให้โรงเรียนสอนพุทธแท้แล้วตัดพุทธผีออกไปให้หมด หรือจะเอาหนังสือของหลวงพ่อพุทธทาสไปเป็นแกนหลักในการสอนก็ได้ คนไทยจะได้เลิกงมงายกับศาสนาพุทธผีแบบตอนนี้ซักที

วะ..วะ... ไว

ยังถือว่าเร็วอยู่

ที่หนึ่งไม่ไหว เต็มใจขอเป็นแค่ที่สอง

สงสัยมาแข่งกันนับเลข

@@curiosity-channel ❤️❤️❤️