ตอนนี้ผมอายุ 33 ผมคิดเสมอว่า การศึกษาไทยไม่เคยพัฒนาเลย เพราะเกือบทุกอย่างยังเหมือนเดิมในสมัยที่ผมเป็นนักเรียน มีเพียงตึกอาคารเท่านั้นแหละที่ดูเปลี่ยน ระบบการศึกษาที่แท้จริงไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผมยังรู้สึกว่าระบบแบบไทยๆเหมือนพยายามสอนระเบียบวินัย มากกว่าการศึกษาจริงๆด้วยซ้ำ และคุณครูถูกเสมอ

เคยไปดูงานที่เวียดนาม ครูที่เวียดนามคือคนที่เรียนจบ ได้คะแนนสูงมากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศถึงจะมาเป็นครูได้ และอาชีพครูมีรายได้สูงกว่าทุกๆอาชีพครับ

ชื่นชมนะที่ผลิตคนคนเก่งๆ ได้เอง เป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ อนาคตเวียดนามคงไม่ต้องมาเหนื่อยกับการดึงต่างชาติเก่งๆ เข้ามา

ลูกติดจากสามี ย้ายจากเวียดนามมาอยู่กับเราที่อเมริกาตอน ม.ปลาย นอกจากเรียนเก่งแล้ว น้องก็ยังทำกิจกรรมทางด้านศิลปะที่น้องถนัด น้องได้ถูกเลือกเข้ากลุ่มนักเรียน Honor Society และ Art Honor Society น้องวาดรูปและนำรูปไปประมูลรายได้มอบให้การกุศลท้องถิ่น น้องวาดรูปผู้หญิงใส่ hijab เป็นการ Advocate ผู้หญิงชาวมุสลิม น้องได้รับเลือกเข้าIvy League ( Columbia, Upenn, Cornell และ Dartmouth) น้องตัดสินใจเลือกเรียนที่Columbia University น้องเพิ่งเรียนจบ ป.ตรี ตอนนี้กำลังพยายามหาทุนต่อ ป.โท น้องชอบอ่านหนังสือมาก อ่านหนังสือทุกประเภท น้องรับรีวิวหนังสือทาง Amazon ตอนอยู่เวียดน้องก็เรียนเก่งอยู่แล้ว ประมาณ Gifted school ที่เวียดอ่ะค่ะ คือเราไม่เคยต้องห่วงเลยว่าน้องจะเหลวไหล น้องมีความรับผิดชอบสูงมาก

ผมเคยไปเรียนที่เวียดนาม คือนักเรียนนักศึกษาเขามีคุณภาพมาก ทั้งมุ่งมั่น ขยัน ทุ่มเท บลาๆ และอีกอย่างเห็นคนเวียตเขาขับมอไซต์กันเยอะและดูวุ่นวายมากกก แต่ตอนที่ผมไปเรียนนั่นเกือบสี่เดือน กลับไม่เคยเห็นอุบัติเหตุสักครั้ง นี่แหละอันซีนเวียดนาม😂😂😂

เด็กไทยต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเข้าแถวเคารพธงชาติ เอาตามจริงแล้วมันเหนื่อยและง่วงมากๆ กว่าจะเริ่มเรียนก็8.40พอได้ลองเรียนออนไลน์ช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมา รู้สึกว่าการได้ตื่น7โมงกว่าๆถึง8โมงมันดีมากๆเลย เพราะโดยปกติแล้วการบ้านก็เยอะมากจนทำให้นอนดึก ทั้งงานกลุ่ม งานสวนพฤกษศาสตร์ที่ทำให้เสียเวลาเรียน ครูก็สอนไม่ทัน วิชาการเรียนเยอะเกินไป บางวิชาที่นักเรียนบางคนไม่ได้ถนัด ไม่ได้เป็นความฝันหรือไม่ได้เป็นอาชีพในอนาคตเขาไม่ได้ใช้ ก็ต้องเรียนทั้งหมดอยู่ดี พูดแล้วเศร้าจัง

ต้องยอมรับว่าคนเวียดนามเก่งจริงๆ เราอยู่นอร์เวย์ คนเวียดนามกล้าลงทุน ทำธุรกิจ ขยัน เก่ง รวยกว่าคนนอร์เวย์อีก

คนเวียตนาม มีโฮจิมิน เเรงบันดาลใจ ความตั้งใจ นิสัยรักการเปลี่ยนเเปลง ก้าวข้ามได้

ควรเอากิจกรรมเคารพธงชาติ สวดมนต์ ปฏิญาณตน ออกไป หรือ ทำเฉพาะวันจันทร์ก็ได้เพราะมันเสียเวลามากกกกกกก และร้อนมากกกกกก

ประเทศไทยก็อันดับ 1 ของโลกครับ แต่เป็นเรื่องเวลาเรียนนะ และด้วยเวลาเรียนที่มากที่สุดในโลกนี่แหละทำให้เด็กเหนื่อยหน่ายจนไม่อยากเรียน การศึกษาไทยคุณภาพตกต่ำ หน่วยงานข้างบนต่างก็คิดหาวิธีการที่จะทำให้นักเรียนมีคุณภาพสูงขึ้น จากนั้นก็เอามาลงที่โรงเรียนโดยไม่เคยรู้เลยว่ากิจกกรรมที่ต่างคิดต่างนำมาลงมากมายจนทำให้ครูไม่เป็นอันสอนนั่นแหละคือต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้การศึกษาตกต่ำ จริงๆถ้าต้องการคุณภาพเบื้องบนแค่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องมายุ่งกับครูแล้วปล่อยให้ครูได้สอนจริงๆ ไม่ใช่มีนโนบายมากมายจนครูมีแต่ประขุม ประเมิน กวด อย่างที่เป็นอยู่ครับ ปกติแล้วครูจะได้สอนเด็กสบายๆไม่เกิน 1 เดือนช่วงต้นเทอมเท่านั้น หลังจากนั้นงานนโยบาย(ขัดขวางการรียนการสอน)ก็จะทยอยมาจนครูวุ่นวายไปจนถึงปิดเทอม และงานเหล่านี้เองนี่แหละที่ทำให้ครูสอนเด็กได้ไม่เต็มที่ ไม่ทำก็ไม่ได้ จะมัวสอนจนไม่มีเวลาทำงานนโยบายก็ไม่ได้ สุดท้ายครูก็เลือกทิ้งเด็ก(หลายๆครั้ง)เพื่อไปทำงานนโยบายเหล่านั้น หลายๆงานครูก็ต้องมาประชุมพร้อมกันครูก็ต้องทิ้งเด็ก ลองนึกถึงครูที่ตัดสินใจลาออกเพราะคิดว่างานครูไทยมีแต่งานเอกสารไร้สาระดูครับ ครูท่านนั้นพูดจริงและพูดถูกทุกอย่างครับ และมันคือความจริงที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแต่อย่างใดครับ ผมจะบอกให้ทราบว่าโรงเรียน 1 โรงมี(งาน)เอกสารมากกว่าที่ว่าการอำเภอ 1 แห่งซะอีก และนี่คืองานของครูทั้งนั้นต่างจากอำเภอและหน่วยงานอื่นที่มีเจ้าหน้าที่เฉพาะ ส่วนครูนั้นเหมาหมดทั้งงานพัสดุ การเงิน เวรยาม รปภ. ผู้จัดการโครงการ จนท.อนามัย นะกจิตวิทยา นักสำมะโน ฯลฯ ผมเคยไปศึกษาดูงานประเทศที่การศึกษาดีๆ หน่วยงานอื่นจะช่วยโรงเรียน เช่น มียาม พนักงานดับเพลิง นักจิตวิทยา นักวิชาการศึกษา ลงโรงเรียน แต่โรงเรียนไทยกลับกัน ครูต้องทำงานช่วยอบต.จัดงานช่วยงานอำเภอสำรวจรอบครัวยากจน ช่วยตรวจฟันให้รพสต. ฯลฯ

นี่คือสิ่งที่เวียดนามจะเเซงไทย.แน่ๆ คือการศึกษา..แซงแน่นอนไม่ต้องหว่ง 1000%

น้องอันไม่ใช่แค่เก่งคณิตอย่างเดียว ยังใหัสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษได้ดีด้วย ชอบตรงครูเป็นคนรุ่นใหม่ต้องปรับหลักสูตรให้ทันสมัยตามด้วย บ้านเราครูแก่ๆ สอนก็ไม่น่าสนใจ พอทักไปว่าสอนลูกผิดก็ไม่ได้ ทำจะเป็นจะตายขึ้นมา ถ้าจะพัฒนาตามคงต้องแก้ที่ครูก่อน

เด็กเวียดนาม ฉลาด ขยัน แต่เด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ขยัน ติดโทรศัพท์ ไม่ค่อยสนใจเรียน

โรงเรียนไทยคิดกิจกรรมให้เด็กทำมากมาย แต่เด็กไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากสิ่งนั้น

ต่อให้มีสารคดีแบบนี้อีก 100 เรื่อง กฎกระทรวงออกมาไม่บังคับการตัดผมแล้ว ก็ยังมีครูที่สติปัญญาน้อยคอยบังคับตามใจของตัวเองอยู่ ผมเคยเป็นกรรมการสถานศึกษา โรงเรียนที่มีนักเรียนประมาณ 3,000 คน เคยขอผ่อนปรนให้นักเรียนไว้ผมยาวได้แต่ต้องเรียบร้อย ดูแลความสะอาดให้ดี พอยาวได้ระดับ ขอให้ตัดผมบริจาคให้ผู้ป่วยมะเร็งเอาไว้ทำวิกผม ( วิกผมจริง คุณภาพดี ราคาหลายหมื่นถึงหลักแสน ) เด็กเป็นพันคนต้องช่วยเหลือได้เยอะแน่ และหวังให้มีกระแสต่อเนื่องไปที่โรงเรียนอื่นๆทั่วประเทศ เด็กๆมีความสุข ได้ไว้ผมยาวตามสะดวก และสอนให้มีจิตทำเพื่อสาธารณะ มีความอิ่มเอมใจที่ได้ทำดี สุดท้ายโดนครูในที่ประชุมห้ามเด็ดขาด ว่าผมสั้นคือสัญลักษณ์ คือจุดเด่นของเด็กโรงเรียนนี้ ผมงงมาก เถียงกลับไปว่า จุดเด่นของโรงเรียนควรจะเป็นความสามารถทางวิชาการหรือกีฬาไม่ใช่เหรอ เช่น โรงเรียนนี้เด็กเก่งภาษาอังกฤษมาก โรงเรียนนี้ใครก็รู้เด็กเก่งคณิตศาสตร์มากๆ ไม่ใช่เด่นเพราะผมสั้น สุดท้ายครูไม่ฟัง เด็กๆต้องถูกบังคับตัดผมหัวเกรียน ติดติ่งหูกันต่อไป

เวียดนามจะเป็นขุมพลังด้านทรัพยากรมนุษย์ที่น่ากลัวมาก ส่วนใหญ่อายุยังน้อยและการศึกษาดีนำพาประเทศไปได้อีกไกลกลับมาดูบ้านเรายังกำลังจะเข้าสังคมผู้สูงอายุในวันข้างหน้า ข้าราชการทำงานกินเงินเดือนไปวันๆเพราะยังไงตอนแก่ก็สบาย การศึกษาก็ไม่เคยพัฒนาเด็กยังตีกันตบกัน ครูบางคนยังนั่งเล่นโซเชียลอยู่เลย ถ้าอยากได้การศึกษาดีต้องรวยเท่านั้น ประเทศไทย

เวลาพูดถึงการศึกษา รู้สึกเจ็บแปลบๆ เมื่อไร่ไทยจะเปลี่ยนแปลงเสียที ลูกๆจะได้รับการศึกษาดีๆเสียที

ระเบียบ ที่มากเกินไป จนกลายเป็นประเพณีนิยมที่ทำตามๆ กันมา โดยไม่รู้ว่า ทำแล้วได้อะไร หรือ จะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมได้ไหม กับ วินัย ที่เกิดจากจิตสำนึกและความตระหนักรู้ ... น่าจะมุ่งสู่ความยั่งยืนมากกว่า

ผมเบื่อเรื่องชุดไปโรงเรียนครับ 5 วัน5ชุด ช่วงเช้าพ่อแม่ไปทำงาน ลูกไปเรียน บางทีใส่ชุดหลงวันครับ เพราะลูกยังเล็กอยู่

คนเขามีคุณภาพ เขาพัฒนาคนให้เก่ง ผลการเรียนเวียดนามดีกว่าไทย สะท้อนว่าคนเวียดนามเก่งกว่าไทย โอกาสในการพัฒนาประเทศในอนาคตย่อมดีกว่าไทย ไทยเราไม่ควรนิ่งนอนใจคิดแต่ว่าเราเจริญกว่า มีตึกสูงเยอะกว่า มีถไฟฟ้ามากกว่า มีถนนลาดยางมากกว่า สิ่งะวกนี้มันสร้างกันได้ในเวลาไม่นาน แต่ประชากรที่มีคุณภาพต่างหากที่ใช้เวลาสร้างนานหลายสิบปี

ขอนอกเรื่องหน่อยค่ะ คือดูคลิปเกี่ยวกับเวียดนามหลายคลิปแล้ว สังเกตว่าคนเวียดนามนี่ ไม่มีคนอ้วนเลย หุ่นดีทุกคน

จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ จนถึง เวียดนาม หรือว่า ลัทธิขงจื้อ จะสอนคนให้ขยัน และ รับผิดชอบต่อสังคม มากกว่า ความเชื่ออื่น ๆ ( คิดเองนะครับ )

ยอมรับเลยว่าตอนมัธยม เรียนตั้งแต่ 8.30 หลังเข้าแถวตากแดดทุกเช้า จนถึง 17.30 ไม่มีสมาธิทั้งวันหรอก จะหลุดเป็นช่วงๆ จะมีเวลาพักหน่อยก็ตอนได้ไปเข้าห้องน้ำกับเพื่อน ส่วนตัวลงเรียนห้องพิเศษวิทย์-คณิต (gifted) จะเทียบได้ชัดเรื่องความเอาใจใส่ของระบบการศึกษาระหว่างตัวเรากับเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน (ทำไมมันว่างไปเตะบอลตรงสนามกันว่ะนั้น) ครูไม่พอหรือครูไม่ใส่ใจว่าจะโดดเรียนหรือเปล่าไม่รู้ แล้วก็ชอบมาก อยากให้เป็นแบบนั้นเวลาเรียนเลข น้อยครั้งมากที่จะทำโจทย์แล้วติดขัดจะมีครูมาช่วยจนกว่าจะแก้ได้ ปกติถ้าแก้ไม่ได้ ครูจะโยนไปให้คนอื่นทำต่อ เพิ่งจะได้เจอครูที่มาสอนจนกว่าจะแก้ได้ตอนเรียนพิเศษ ตอนจะสอบเข้าอุดมศึกษา ปล.ขออภัยตอนสอบ PISA ไม่ได้ตั้งใจสอบ ตอนนั้นไม่มีใครมาบอกว่าจะเอาไปวัดคะแนนระดับโลก เลยรีบๆทำไป จะไปเตะบอล เพิ่งรู้หลังประกาศผล

การเรียน 45นาที ต่อวิชา และการพักทุกชั่วโมงของการเรียนประมาณ5 นาทีถึง15นาที ให้เด็กได้รีแล๊กซ์ทำให้ไม่เครียดจนเกินไป และครูผู้สอน ก็มีหลักการสอนที่ดี ไม่กดดันเด็ก ความเห็นส่วนตัว จะทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพ มากกว่าเรียนรวดเดียว แทบไม่ได้พักสมอง จะทำให้การรับรู้ไม่ดีพอ

เราเคยเรียนภาษาจีนร่วมกับคนเวียดนามเขาเก่งมากๆ เขาตั้งใจ และมุ่งมั่นในการเรียนแบบสุดๆไปเลย

เด็กเวียดนามกระตือรือล้นเรียนรู้ ชุดจบการศึกษาเด็กม.ปลายสวยงามมาก😇😇

ไทยดูด้อยพัฒนามากถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน การศึกษาดีๆที่เมืองไทยมีแค่ในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ และเด็กที่ได้รับการศึกษาเหล่านั้นก็กระจุกอยู่แค่ในกลุ่มคนรวย ซึ่งมันก็สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำด้วย

ผมว่าแนวทางของเด็กเวียดนามเขาชัดเจนนะ เช่นเขาอยากโตไปเป็นอะไรเขาก็ตั้งใจมุ่งมั่นไปทางนั้น อยากเก่งคณิตเขาก็ตั้งใจเรียน (เน้นทางด้านวิชาการ) ส่วนบ้านเราเด็กยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไรเยอะมาก เรียนๆเล่นๆไปก่อนให้พอผ่าน ให้ได้วุฒิแล้วค่อยไปอางานทำเอา อะไรแบบนี้ ตามาสภาพสังคม แต่บางคยที่ประสบความสำเร็จ แบบไม่ได้เรียนตามหลักสูตรก็มี เรียรู้จากประสบการณ์จริงเลย คนแบบนี้ไม่ต้องพึ่งวุฒิการศึกษาเลย ความสำเร็จมันเป็นตัววัดให้แล้ว

ชัดเจนตรงบุคลากรที่เรียกว่า "ครู" และตัวนักเรียนเองเขาก็มีทัศนคติในการเรียนที่ดี ผสมกับเพิ่มการเล่นกีฬาอีก คือดีมากๆ เลย เป็นส่วนผสมที่ดีที่ทำให้ได้ประชากรคุณภาพดีๆ

ถามว่าเด็กไทยเก่ง ๆ มีมั้ย ตอบมี...แต่พวกเขาอยากรวยมากกว่าได้รางวัลหรือคะแนนสูง คนไทยเก่ง ๆ สมองไหลไปสู่ประเทศพัฒนามากมาย ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือสิงคโปร์ อเมริกา เยอรมัน ดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาเรียนฟรี จ้างงานราคาแพง ๆ โปรโมชั่นจูงใจในการยื่นข้อเสนอ ขณะเดียวกันภาครัฐของไทยไม่สามารถสร้างภาคธุรกิจที่รองรับอาชีพเฉพาะทางระดับสูงได้ ถ้ากลับมาแล้วก็ไม่ได้ทำงานในสายที่ตนเองร่ำเรียนมา หรือโดนกดทับด้วยระบบวัฒนธรรมบางประการ... ภาครัฐควรพาพวกเขากลับมาได้แล้ว มาช่วยสร้างระบบ start up ให้เข้มแข็งหรือร่วมลงทุนธุรกิจสมัยใหม่ เพราะหวังยืมจมูกต่างชาติหายใจ 100 ปี ก็ไม่รวย

ผมชอบการนำเสนอของตอนนี้มากเลยครับ เรื่องราวของการศึกษาเริ่มขึ้นในรั้วโรงเรียน บรรยากาศและกิจกรรมทั่วไปในห้องเรียน บทบาท หน้าที่และแนวคิดของครูผู้สอน ซึ่งเป็นกรอบปกติที่ผู้คนทั่วไปคาดหวังที่จะเห็นจากระบบการศึกษา จากนั้นก็พาไปติดตามดูนักเรียน ไปสังเกตกิจกรรมและการจัดการชีวิตในแต่ละวัน ถ้าดูเผิน ๆ การบ้านเอย การเรียนพิเศษเอย ก็ดูไม่แตกต่างจากบ้านเรามากนัก แต่จุดที่เริ่มเห็นชัดคือการสนับสนุนจากครอบครัว และระบบการทำงานที่อนุญาตให้ผู้ปกครองออกมารับส่งบุตรหลาน มีเวลาได้ดูแลเอาใจใส่กัน รายการยังพาไปไกลกว่านั้น เหมือนกับที่การศึกษาไม่เคยจบลงจริง ๆ แค่ในห้องเรียน โดยพาไปดูว่าทั้งภาครัฐและเอกชนต่างเห็นความสำคัญและลงทุนเพื่อสนับสนุนให้เยาวชนมีที่ทางสำหรับนำความรู้ที่เรียนมาต่อยอดใช้งาน ผมว่าจุดนี้สำคัญมากเลยนะครับ หลายคนไม่ได้หวาดกลัวความยากลำบากอีกทั้งยังมีทักษะความสามารถในการเรียนรู้ แต่มองไม่เห็นเป้าหมายในอนาคตว่าความพยายามที่ทำอยู่ตรงหน้าจะพาไปถึงจุดไหน ก็กลายเป็นถอดใจไปแล้วว่าทุกความทุ่มเทที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่เป็นประโยชน์ หรือซ้ำร้ายกว่านั้น บางคนต้องเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ตัวเองไม่ได้เลือกหรือถูกบีบบังคับให้ต้องเลือก แรงกายแรงใจที่จะพาไปจนถึงปลายทางก็เหือดแห้งเสียตั้งแต่ต้นแล้ว จะเหลืออะไรที่ประคับประคองให้เด็กคนนั้นฝ่าฟันไปต่อได้บ้างล่ะครับ อีกจุดที่น่าสนใจคือตอนที่ทางรายการนำเสนอว่าเนื้อหาหลักสูตรที่ภาครัฐกำหนดไว้เป็นแกนกลางมีการปรับเปลี่ยนครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปีที่แล้วครับ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพื้นฐานทางความรู้บางอย่างมันไม่ได้เปลี่ยนไป แต่รูปแบบการนำไปประยุกต์ใช้มันก็ปรับไปตามยุคสมัย การมีหลักให้ครูผู้สอนได้ยึดเอาไว้อย่างมั่นคงแต่ก็มีช่องว่างเพียงพอให้ใส่ตัวอย่าง ความถนัดและความสนใจของตัวเองลงไปด้วย น่าจะสอดคล้องไปกับแนวทางการศึกษาและเป็นประโยชน์กับผู้เรียนมากกว่าการปรับเปลี่ยนไปมาอย่างไม่สิ้นสุดและคาดเดาไม่ได้ กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เร็วขึ้นทุกวันนี้อาจกลายเป็นโจทย์สำคัญที่ทุกคนต้องกลับมาถามตัวเองแล้วล่ะครับว่า ในขณะนี้เราก้าวตามโลกได้เท่าทันขนาดไหน และเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงมั่นคงจนดูแลอนาคตของพวกเค้าต่อไปได้ เราควรให้ความสำคัญกับอะไรกันแน่ครับ

ก็เห็นด้วยนะตัดอะไรที่ไม่สำคัญมากนัก ก็ตัดออกไป ทรงผมก็แล้วแต่ นร. จะไว้ทรงอะไร แต่มีด้านบวกก็มีด้านลบ เพราะปัญหาที่เจอบ่อย ๆ กับหลาน ๆ คือ ชอบขอเงินเพิ่มไปเพื่อทำผมให้เหมือนกับเพื่อน เปลี่ยนทรงผมบ่อย ตามเทรนด์ ที่ สังคมนักเรียนเจนนี้เขาขยันคิด ขยันทำ แต่ก็ หนักกระเป๋าผู้ปกครองหน่อย ที่จากที่ไม่เคยต้องจ่ายค่าส่วนนี้ เน้นแต่ค่าเทอม ค่าชุด ค่าอุปกรณ์ ค่าจิปาถะอื่น ๆ ตอนนี้ ค่าทำผมลูกสาวก็ต้องเตรียมไว้ด้วย ต่อไปถ้ายกเลิกชุดนักเรียน ก็ต้องหาเงินไว้สำหรับซื้อชุดให้ลูกไปโรงเรียนตามกระแสวัยรุ่นอีก ครอบครัวใหนมีเงินมากก็สบายหน่อย ครอบครัวใหนเดือนชนเดือนก็ลำบากหน่อย เพราะถ้าให้อิสระในการแต่งกายไปเรียนแล้ว ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาของกระแสการแต่งตัวไปเรียนของวัยรุ่นที่จะมีการแข่งกันในสังคมโรงเรียนสูงขึ้น........😅😅😅😅

คุณภาพของครู วิธีการสอน หลักสูตร มีส่วนหมด อยากให้ระบบการศึกษาของไทย เน้นด้านวิชาชีพ เน้นการปฏิบัติ ทดลองทำจริง เมื่อจบไปแล้วมีทักษะการใช้ชีวิต เอาตัวรอดได้ มีวิชาชีพติดตัว นี่สำคัญมาก ต่อการดำเนินชีวิตไปข้างหน้า

วิชาภาษาอังกฤษ ครูที่สอนยังออกเสียงผิดอยู่เลยแล้วจะให้น้องๆออกเสียงได้ถูกต้องได้อย่างไร เอาแต่ท่องๆ วิชาการก็คร่ำครึ ทำให้น้องๆเอามาปรับใช้ไม่ได้จริง แถม กระทรวง ศึกษายังได้งบน้อยมาก สงสารอนาคตเด็กๆ

เคยไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่เวียดนาม เด็กนักเรียนของเขามีระเบียบวินัยในการเรียนมากค่ะ ผปค ก็เข้มงวดกับเขา

ครูไทย ให้นักเรียนจดตามบนกระดาน และก็หายไปไหนไม่รู้ 😅

ถ้าเทียบกันแล้ว ณ ตอนนี้ไทยมีสมบัติเก่าดีกว่า เช่น ชื่อเสียง ระบบขนส่ง เทคโนโลยี ระบบพื้นฐานต่างๆ ในขณะที่เวียดนาม ณ ตอนนี้ไล่พัฒนา ระบบการศึกษา ทัศนคติประชาชน ศาสตร์ใหม่ๆ ปัจจุบันถึงแม้ในภาพรวมเวียดนามยังไม่เทียบเท่าไทย แต่ในอนาคตเราจะเห็นความแตกต่างมากขึ้นเรื่อยๆ

ทรัพยากรบุคคลเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศจริงๆ

จากที่ดู 1. เขาไม่บ้าพิธีการ ตอนเช้า ๆ ได้เรียนตอนสมองแจ่มใส ไม่ต้องทนแดดทนร้อน ฟังครูบ่นให้เสียสุขภาพจิต 2. เรียนเยอะเหมือนเด็กไทย แต่โรงเรียนเวียดนามให้ความยืดหยุ่นแก่เด็กมากกว่า 3. ครูสอนใช้สมองมากกว่าอารมณ์ และรู้จักบูรณาการ 4. ส่วนกลางจริงจังต่อการพัฒนาการศึกษา

ต้องยอมรับเวียดนามแซงเราเกือบทุกด้าน การศึกษาเค้าอนาคตก็เทียบกับสิงโปร์

ประเทศที่สร้างบุคคลากร ให้ฉลาดและเก่ง กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามาก

สมัยผมเรียน ทำการบ้านผิดมาก็ตี ท่องศัพท์ผิดก็ตี แต่งกายผิดก็ตี ตีคือ ฟาดด้วยไม้หวายแบบเต็มแรง พ่อแม่ก็ฝากครูให้เต็มที่ได้อีก 555 😅

แทนที่จะดุด่าว่ากล่าวเด็กที่ทำโจทย์ไม่ได้ กลับแนะแนวทางแก้ปัญหา ด้วยความเป็นธรรมชาติ นี่สุดยอดเทคนิคเลยนะ

คุณภาพครูก็สำคัญนะ มองกลับไปตอนเรียนครูที่สอนไม่มีจิตวิทยาในการสอนเลย ความน่าสนใจไม่มี จำได้ครูสังคมพอเข้าห้องเรียนให้จดตามบนกระดาน เสร็จแล้วนั่งรอจนหมดเวลาทุกคาบ และเด็กมันจะไปได้อะไร ครูรัฐตามต่างจังหวัดแบบนี้เยอะมาก

เริ่มจากครูคุณภาพ ระบบการเรียนคุณภาพ ถึงจะสร้างคนคุณภาพได้ ถ้าเรารับความจริงได้ เราจะเห็นว่าครูไทยไม่ใช่คนที่เก่งของแต่ละสาขา คนเก่งของไทยไปประกอบอาชีพอื่น เพราะผลตอบแทนไม่คุ้มค่า และระบบราชการที่มันกดทับ ระบบเจ้าขุนมูลนายในระบบราชการครู ประกอบกับระบบการศึกษาที่ไม่เน้นพัฒนาอะไรเลยนอกจากเอกสารครูที่เน้นส่งประกวด ใช้ไม่ได้จริง

เท่าที่สังเกตุดูนะเวียดนาม dna เชื้อจีนเยอะ เก่งด้านความจำ การคำนวณ ที่ดีเลิศ..ส่วนไทยอาจด้อยในข้อนี้ แต่ไทยมีเซน ลึกๆบางอย่าง ..เห็นได้จากการที่ไปแข่งขันระดับโลกเกี่ยวกับการใช้ทักษะประดิษฐ หรือ ...เด็กเรามักจะได้แช๊มป์มาตลอดแปลกดีเหมือนกัน และด้านการทำงานบริหารซอฟเพาเวอร์เรานำในสิ่งนี้..แต่ก็ยอมรับว่าหัวเอนจิเนียเวียดนามจินตนาการออกมาดีดูได้จากนวัตกรรมทันสมัยใหม่ๆโดยเฉพาะ รถทัวร์นอน ออกแบบได้ไฮเอนมากๆ เป็นห้องนอนส่วนตัวเหมือนแคปซูลอวกาสเลย..ในขณะที่ไทยหัวคิดสร้างสรรค์บางอย่าง เก่าๆ ทึมๆ .... ผลมาจากการถูกเลี้ยงมาในรูปแบบ อนุรักนิยม อย่างเข้มข้นเลยทำให้ เฉื่อยชา ไม่แอคติวเท่าที่ควร

เคยได้เห็นเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.๖ ของเวียดนาม ปรากฎว่าเนื้อหาอยู่ระดับปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยไทย

ดูแล้วกลัวเลยค่ะ..... กลัวไทยตามไม่ทันมากขึ้นเรื่อยๆ 🥲 กระทรวงศึกษาบ้านเราทำไรอยู่?????!! ยกระดับโรงเรียนรัฐบาลทั่วประเทศได้แล้วววว

คอมมิวนิสต์เวียดนามไม่มอมเมาคนให้โง่ ดูบอลโลกแล้วฉลาดขึ้นทุ่มไปเลย1600ล้านบาท

DNA ของเขาดีด้วยนะ, Vietnamese refugee living in another country, most of them in the top got very good marks 99.5% , they are so smart.

ยอมรับการศึกษาของเวียดนาม ดีครับ

เราเป็นครูที่เรียนจบเกียรตินิยม จาก ม.อันดับ 3 ของประเทศ เลยสอบบรรจุมาที่รร.พื้นที่ห่างไกล รร.ที่เราสอนอยู่ เรียน 6 คาบต่อวัน มีเวลาพักคาบละ 10 นาที ภาระงาน 1 วิชา 1 หน้า ไม่มีการบ้าน ไม่ต้องแบกหนังสือไปกลับทุกวัน ไม่บังคับตัดผม ไม่ห้ามแต่งหน้า ห้องเรียนตกแต่งสวยงาม มีอุปกรณ์เทคโนโลยี แต่นักเรียนก็ยังมาโรงเรียนสาย ลากรองเท้าแตะมาโรงเรียน บางวันไม่อยากมาก็ไม่มา ตอนสอนก็ไม่ยอมฟัง คุยกันในห้องเรียน บางทีก็ตอบจนเหนื่อย นักเรียนไม่รู้หน้าที่ของตนเอง ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือประชากรพ่อแม่ บางคนเป็นพ่อแม่วัยใส บางคนทิ้งลูก บางคนติดยา บางคนตบตีกันให้ลูกเห็น บางคนทำอาชีพไม่สุจริต บางคนติดคุก จะเอาอะไรมาคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยมันเยอะเกินไป

สงครามเวียตนาม ที่รบชนะตะวันตก....มีการขุดใต้ดินระยะทางยาง ฝึกทหารให้สูรบได้ทุกรูปแบบ จนได้ขนานนามทหารผี...สะท้อนวิธีคิด อดทน มุ่งมั่น มีทักษะ...จากดูคลิปนี้เห็นได้ว่าเขาวางแผนการศึกษาได้ดี ชัดเจน สะท้อนผู้บริหารประเทศบ้านเขา...ไทยไปช่วยรบกับเขา แลัววันนี้อาจจะหลงว่่าเราพัฒนากว่า...สักวันคงได้ไปเรียนรู้จากเวียตนาม...

TC04.30 วิชาคณิตศาสตร์...ตอนเรียนเป็นวิชาที่หลอนประสาทมาก เพราะออกไปทำหน้ากระดานแล้วถ้าทำผิด คุณครูให้กลับไปเคาะโต๊ะโทษฐานที่แก้โจทย์ไม่ได้ นี่ขนาดระดับเรียนชั้นม.ปลายแล้ว ดังนั้น สำหรับคนที่คิดเลขไม่เก่งอย่างเรา คือไม่อยากเข้าเรียนวิชานี้เลยยยยย ถ้าย้อนกลับไป คุณครูคอยบอกข้อผิดพลาดมากกว่าให้กลับไปเคาะโต๊ะก็คงดี

เวียดนามแซงไทยไม่เกินจริง เพราะการศึกษานี้แหละ

เยี่ยมมากค่ะ​ หัวใจคือครูที่เก่งและมีจิตวิญญาณ​ ถ้าเรายังไม่มีแม่พิมพ์​ที่ดีผลผลิตจะดีได้คงยากมาก😢

ประเทศที่นำคติ พราหมณ์ ฮินดู มาใช้ มันจะไม่เหมือนประเทศแบบ ชิโนสเฟียร์ที่เน้นสู้ แข่งขัน ไม่ค่อยสนเรื่องบุญ วาสนา แต่ชิโน แบบ จีน เวียด เกาหลีมันก็ดูเครียดไปนะ ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ชอบแนวแบบตะวันตกมากกว่า เรียนความชำนาญเฉพาะทาง เอาไปหากินได้ ไม่ต้องจบสูง

ประเทศไทย​ระบบเค้าเรียนให้เชื่อง​ ไม่ใช่เรียนให้มีหัวคิด

วัฒนธรรมไทยใครยกมือถามเหมือนถูกมองว่าซื่อบื้อเลยไม่ค่อยกล้าถามเวลาไม่เข้าใจ ตัวผู้เรียนเองก็สำคัญเรามักจะเห็นข่าวเด็กในวัยเรียนตบกันแย่งผู้ชายยกพวกตีกันเพราะเขม่นกันหรือแม้กระทั่งการตีกันของแต่ละสถาบัน

เด็กเขาเก่งจริง มุ่งมั่นจริงๆ ไม่ได้เรียนเพื่อตัวเอง แต่เรียนเพื่อประเทศชาติ เรียนจริงรู้จริง ไม่เหมือนบางประเทศที่ชอบเอาข้อสอบมาติวเด็กก่อนสอบ อย่าเอาคะแนน PISA ไปเทียบเขาเลย เพราะวัดไม่ได้ PISA ใช้ชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ที่เราไม่เคยสร้างให้เกิดในตัวเด็กอย่างแท้จริง จึงวัดได้น้อยมาก ๆ ถ้าจะเทียบกับชาติอื่นที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้จริง ๆ

เวียดนามพัฒนาไปไกลมากค่ะ ด้านการศึกษา การท่องเที่ยว และโรงงานอุตสาหกรรมฐานการผลิตสินค้าแบรนด์แนมส่งออก ซึ่งเป็นประเทศที่ประทับใจ เมื่อได้ไปเยือน ดานัง บาน่าฮิลล์ สะพานมือสีทอง เหมือนได้ไปเยือนเมืองฝรั่งเศษเลย อากาศดีมาก ได้นั่งกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลกขึ้นไปข้างบนตื่นตาตื่นใจมาก เวียดนามพูดภาษาอังกฤษได้เก่งกว่าบ้านเรามาก

ประเทศไทยมัวแต่บ้ากับเรื่องทรงผม

เห็นไหมว่าการแต่งตัวอิสระก็สามารถทำให้เด็กเก่งได้ ประเทศไทยควรเรียนรู้จากเวียดนามบ้าง มาเคร่งครัดเรื่องการแต่งกาย ทรงผม มันทำให้เด็กขาดความมั่นใจอะไรหลายๆอย่าง

ครูที่ไทยก้เก่ง แต่พอเข้ามาแล้วมันหมดกำลังใจที่จะเก่ง จะเก่งไปทำไม ในเมื่อค่าของคนอยู่ที่คนของใคร ทำงานเยอะเหนื่อย แต่2ขั้นไม่ได้ คนไม่ทำอะไรได้เฉยแต่พูดเก่ง เสนอหน้าเก่งก็พอ

ม.ต้น เวียดนามพูดสื่อสารอังกฤษได้แล้ว ไทยรุ่นนี้ยังอีกไกล...มากกก เวียดนามพิสูจน์ให้เห็นว่าทุ่มกับคนรุ่นใหม่ยังไงก็พาประเทศก็พุ่งขึ้นได้

หลัการสอนแบบเดียวกันใช่ว่าจะออกมาเหมือนกันหมด อย่าลืมพื้นฐานคนแต่ละประเทศ นิสัย การใช้ชีวิตไม่เหมือน เช่น คนอื่นเขาเขาจริงจังซีเรียส แต่เราชิวๆวันนี้ไม่เข้าใจ เราก็มักจะบอกว่า ไม่เป็นไร วันอื่นค่อยถาม ค่อยทำ วันนี้ไม่เป็นไร มันก็ไม่เห็นผลอยู่ดี เราก็ต้องเอาสิ่งที่เข้ากับตัวเราให้ได้ดีสุด เห็นคนอื่นทำแบบนั้น จะทำบ้างแต่กลับไม่มองคนส่วนมากๆ เป็นคนขยันอดทน ดิ้นรน สู้ไม่ถ้อย เหมือนเขารึป่าว

Will wait for N’Aun to achieve her dream, Fighting!!

เสรีภาพเป็นส่วนสำคัญในการเรียนของพวกเขาหรือไม่ สต.ว่าน่าจะใช่ที่สุดแล้ว เช่น การเคารพธงชาติก็มีส่วนดีแต่ ถ้ามากเกินไปอาจจะ ติดหล่มกับสิ่งที่ปลูกฝังเดิม ๆ คิดว่าไม่นานเวียดนามก้าวหน้าได้กว่าแถว ๆ นี้

เชื่อเหลือเกินค่ะว่าเด็กไทยก็มีศักยภาพ​ไม่แพ้ใคร แต่โชคร้ายที่ศักยภาพของเด็กไทยไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน​และเข้าถึงโอกาสได้ยาก เพราะการบริหารบ้านเมืองอันล้มเหลวของเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่​ในประเทศ​

เขากล้าคิด และรับผิดชอบในหน้าที่มากๆ เวียดนาม ขยันพอๆกับคนสิงห์โปร แต่ขยันและพุ่งชนปัญหา แบบเอาชีวิตเข้าแลก ที่เคย ทำงานด้วยคือ จีนกับญี่ปุ่นครับ (ตอนนี้ญี่ปุ่นมีแต่คนอายุมาก) ตอนนี้ชาวเขมร ที่มาเรียนในไทยก้ขยันและตั้งใจพัฒนาตัวเองเหมือนกันครับ เด็กไทยเราต้องรอสักยี่สิบปลายๆครับ เท่าที่สังเกต ลูกๆหลานๆค่อยกล้าและพร้อมรับผิดชอบตัวเอง ความเห็นส่วนตัวน่ะครับ

อีกหน่อยเวียดนามก็จะแซงไทยแล้ว ไทยเราทำอะไรกันอยู่.

ระบบการเรียนของไทยในยุคหลังมัน...ผมโชคดีที่เกิดและมีลูกเรียนจบปริญญาทำงานแล้วเลยพ้นระบบแย่ๆแต่ก็ยังห่วงที่เห็นหลานๆไปเรียนพิเศษทั้งสัปดาห์​สงสารหลานๆจริงๆที่ค่านิยมทางสังคม​ในการเรียนบ้านเราเป็นแบบนี้

เผ็นตอนที่ดีมากๆลยค่ะ ไม่ต้องเดินทางไปดูงาน คลิปนี้ตอบอะไรหลายๆอย่างเลย

เยี่ยมครับเวียด

ก็ยังมีพวกบอกไม่อดทนอยู่อะเนาะ ไม่อดทนทำไรได้ ทำได้ค่ะ ทำงานในอาคารห้องแอร์ไม่ใช่ตากแดด ถ้าทำงานกลางแจ้งเขาก็ต้องอดทนอยู่แล้วค่ะ แต่เด็กที่ออกมาเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนเพราะเขารู้ว่าเขาไม่ไปทำงานแบบนั้นอยู่แล้ว

ขอบคุณและขอบคุณ

ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าระดับการศึกษาเวียดนามสูงกว่าไทยก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันสูงตรงไหนวะ เออวันนี้เข้าใจละ

ขออนุญาตแชร์นะคะ ขอบคุณค่ะ

Việt nam là một đất nước trải qua chiến tranh trong thời gian dài làm cho đất nước đi thụt lùi so với thế giới nhiều năm nên với sự khao khát có một cuộc sống no đủ và đất nước giàu mạnh họ đã phải cố gắng rất nhiều. Người lớn thì chăm chỉ làm việc, người nhỏ tuổi thì chăm chỉ học hành, cùng gửi nhiều học sinh ra nước ngoài du học để có thể học hỏi và góp phần phát triển đất nước.

10 ปีที่แล้วการจัดอันดับมหาวิทยาลัย อันดับ 1 ของอาเซียนคือสิงคโปร์ ไทยกับมาเลเซียสลับกันอยู่ในอันดับที่ 2 ในบางปี การจัดอันดับมหาวิทยาลัยล่าสุด มหาวิทยาลัยในเวียดนามถึง 2 แห่งได้แซงไทยไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว ถีบมหาลัยไทยไปอยู่อันดับที่ 4 ของอาเซียน และอีกไม่นานคาดว่าอินโดนีเซียก็จะแซงไทยไปอีกประเทศ

ต่างประเทศเขาชื่นชมไทย คนไทยกลับด้อยค่า แม้แต่ประเทศกำลังชื่นชมอยู่ขณะก็ยังอิจฉาไทย เปิดกระโหลกบ้างนะ

น่าสนใจ อิสระไม่น่าจะมีผลต่อการศึกษาเพราะถ้ามีผลประเทศที่พัฒนาแล้วคงเรียนเก่งแล้วน่าจะอยู่ที่ตรง ผู้ใหญ่ตัองปรับตัวปรับปรุงและโฟกัสกับเด็ก เด็กก็ต้องอยากเรียนรู้เพื่อพัฒนาฐานะให้ครอบครัวตัวเอง เอกชนต้องลงทุนเผื่ออนาคตของเทคโนโลยีและธุรกิจโปรดักส์แบบใหม่ๆจะได้เกิดขึ้น

เด็กเก่ง เป็นสิ่งที่ดี แต่เก่งแล้ว ต้องได้ค่าตอบแทนในวิชาชีพสูงด้วย

อาวุธในการพัฒนาประเทศที่พัฒนา คือ การศึกษา อาวุธในการพัฒนาประเทศไทย คือ เรือดำน้ำครับ

pisa วัดจากเด็กในระบบบางส่วน แล้วเอาคะแนนมาเฉลี่ย มันก็โกงได้ครับ จัดสอบวัดผลแต่โรงเรียนที่แต่เด็กเก่งๆ ของไทยโรงเรียนที่มีเด็กเก่งๆ ไม่สนใจการสอบ pisa ครับ จะมีแต่โรงเรียนทั่วไปส่งมาสอบแบบขอไปที การศึกษาไทยจะเน้นปริมาณคนในระบบ ของเวียดนามโรงเรียนมีน้อยแต่เน้นคุณภาพเพราะมันมีค่าใช้จ่าย

โรงเรียน สวยสะอาดมากค่ะ เด็กๆก็น่ารักมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ❤

เท่าที่ดูในคลิปนี้นะครับ น้องๆ นักเรียนหญิงชายชาวเวียดนามสวมใส่แว่นสายตากันแทบจะทุกคน

การเรียนรู้จากการเล่นได้รอง ผิดถูก, เจ็บจริง, ได้ประสบการณ์จากการเล่น, และเน้นเรื่องอุตสาหกรรมโภชนาการ อาหารที่มีผลต่อการเจริญเติบโต และ อาหารที่มีผลต่อสมองจริงๆ เรื่องพวกนี้ก็สำคัญนะ 🧠✍🏻

ไทยต้องรื้อระบบการศึกษาโรงเรียนรัฐควรหาบุคลากรที่มีคุณภาพให้เหมือนโรงเรียนเอกชน เลิกเอื้ออำนวยโรงเรียนเอกชนค่าเทอมแพงๆ หรือเด็กๆต้องไปเรียนพิเศษ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้ความสำคัญกับเด็กๆและระบบการศึกษาให้มาก

หันกลับมามองการศึกษาไทย เห้อออ 🙄🙄

เวียดนามไม่ได้มีกม.บังคับให้เด็กต้องเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีแค่เด็กจำนวนน้อยที่บ้านมีฐานะและอยู่ในระดับหัวกะทิเท่านั้นที่เรียนหนังสือ และนั่นเป็นเหตุผลที่เวียดนามมีคะแนนเฉลี่ยสูง เพราะเด็กที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาจะไม่ถูกนับรวมเพื่อดึงคะแนนให้ต่ำลง ส่วนเด็กที่เหลือก็ไม่ได้ถูกส่งเสริมให้เรียนสายอาชีพอย่างเทคนิค-อาชีวศึกษา ทำให้เวียดนามมีแต่คนขายแรงงานราคาถูกที่ขาดทักษะ ส่วนเด็กเรียนดีกลุ่มแรกพอเรียนจบก็เกิดภาวะสมองไหลไปทำงานประเทศอื่นที่มีคุณภาพชีวิตและรายได้สูงกว่า

ประเทศไทยไม่เน้นให้คนฉลาด แต่แค่ให้พอฟังคำสั่งรู้เรื่อง+สร้างค่านิยมว่าต้องโตไปเป็นข้าราชการครอบครัวจะสบาย เพื่อสร้างแรงงานให้กับเจ้าขุนมูลนายสืบต่อๆไป

ในฐานะที่ผมเคยเป็นนักเรียน และปัจจุบันเป็นครูมา 14 ปี และสอนมาหลาย รร หลายภาคนะ ในมุมผมนะ ผมว่าปัญหาของการเรียนมาจาก... 1. ระเบียบการและตวามต้องการของเขตพื้นที่การศึกษาหรือ กศจ. 2. คนที่สร้างปัญหาให้คนทั้ง รร ได้มากสุดคือ ผอ. 3. ตลอด 20 ปีนับตั้งแต่วันนี้ย้อนหลังกลับไป เราไมเคยมีรมต กระทรวงศึกษาที่เคยเป้นครูเลยแม้แต่คนเดียว

เวียดนามเจริญขึ้น ส่วนไทยก็ถอยหลังลงคลอง

ขั้นตอนการคัดเลือกครู ของเวียดนาม ยอดเยี่ยมมาก

เด็กเวียดนาม คนเวียดนาม ทั้งครูและเด็กนักเรียนมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและประเทศของเขาแต่เด็กไทย ได้รับโอกาสมากมายรัฐสนับสนุน ค่าชุดนักเรียน หนังสือเรียน แบบเรียน อุปกรณ์การเรียน อาหารฟรี ดื่มนมฟรี ทุนการศึกษาฟรี เรียนฟรี15 ปี แต่เด็กไทยบางคนไม่สนใจเรียน ...ส่วนครูไทย ก็มุ่งมั่นในการทำผลงาน ทำวิทยฐานะเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น ส่วนกระทรวงศึกษาก็มีนโยบายอะไรมากมายให้ครูมีภาระงานปฏิบัติจนล้นมือ....

ในขณะที่ประเทศไทยของฉัน ยังวุ่นวายอยู่กับทรงผมของนักเรียน ยาวเกินไปครึ่งซม.นะ แบบนี้ครูจะตัดผมเธอให้แหว่ง เอาให้อายคนทั้งโรงเรียน แต่ประเทศอื่นเขาไปมุ่งเน้นเรื่องผลสัมฤทธิ์ของการเรียน เมื่อไหร่พวกครูที่มี่ความคิดไดโนเสาร์มันจะเกษียณกันหมดสักที

ประเทศที่ใช้ระบอบประธานาธิบดีใช้เงินน้อยกว่าระบบเจ้าขุนมูลนาย เพราะภาษีจ่ายเงินเดือนให้ประธานาธิบดีคนเดียว แกก็เอาไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียของแกเอง แต่ระบบเจ้าขุนมูลนาย นิยมญาติ พี่น้อง เพื่อนสนิทมัตรสหาย บริวารมาก ทั้งคนเก่ง-ไม่เก่ง ทำงาน-ไม่ทำงาน ก็ล้วนกินเงินกองกลางภาษีจากประชาชนทั้งหมด โดยปีหนึ่งๆ ใช้เงินไม่น้อย ทั้งเบิกทุกอย่าง งบประมาณที่คนสักคนหนึ่งในหมู่ของคนเหล่านั้นใช้เพียงปีเดียว ก็สามารถส่งลูกหลานชาวบ้านทั้งหมู่เรียนจบปริญญาเอก และมีเงินทุนก้อนตั้งตัวประกอบอาชีพได้อีกต่างหาก (ดูตัวอย่าง หลานอลิซาเบทที่แต่งงานกับดารา ใช้เงินมหาศาลเลย และใช้ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยส่วนตัวเยอะแยะ ครั้นเจ้าขุนมูลนายจะทำสวนแต่งบ้านก็ใช้เจ้าหน้าเกษตรมาดูแล, จะเลี้ยงปลาสวยงามไว้ดูเล่นก็ใช้เจ้าหน้าที่กรมเข้ามาดูแลสัตว์ แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดใช้เงินภาษีประชาชนจ้างมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ควรดูแลประชาชนส่วนใหญ่มากกว่า? มองว่า ระบบเจ้าขุนมูลนายนี่ใช้เงินภาษีและเวลาของเจ้าหน้าที่มากไป แต่ให้ประสิทธิผลต่อการพัฒนาสังคมน้อย) มองว่าระบบประธานาธิบดีนั้น ประหยัดและมีประสิทธิภาพมากกว่า ประเทศด้อยพัฒนาสามารถนำมาศึกษาและผนวกใช้ เพื่อสร้างผลประโยชน์สูงที่สุดแก่ชนชั้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวจริงของสังคม คือ "ประชาชนทั้งหลาย"

ครูไทยที่เจอมากับตัว ไม่ด่าโง่ สอนไม่ฟัง หรือไม่ก็ไม้เรียว คนเรามันก็มีสิ่งที่ถนัดและไม่ถนัด

จะเป็นประเทศใหนก็ดีกันคนละแบบ และขึ้นอยู่กับรัฐบาลแต่ละประเทศ องกรค์ที่คอยส่งเสริม สนับสนุน เวียดนามมีการพัฒนามาจากที่เคยเป็นเมืองขึ้นของ อเมริก-ฝรั่งเศส มาก่อนและมีการค้าขายกับประเทศจีน จึงไม่แปลกที่จะมีการพัฒนาด้านการศึกษาเรื่อยมาเหมือนกับประเทศทางตะวันตก ผลกระทบที่ล่าช้าบางส่วนก็มาจากสงคราม