Рет қаралды 2,267
รถเบรกแตก คือ อาการเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกจนสุด แต่ระบบเบรกกลับไม่ทำงาน หรือ ไม่สามารถชะลอความเร็วได้ตามที่ต้องการ ซึ่งอาการเบรกแตกมักเกิดกับรถที่ขาดการดูแลรักษาหรือขาดการตรวจเช็คสภาพอย่างสม่ำเสมอ
รถเบรกแตก เกิดจากอะไร
1.ความร้อน
การเหยียบเบรกขณะใช้ความเร็วสูงหรือบรรทุกหนัก ทำให้อุณหภูมิที่ผ้าเบรกและจานเบรกสูงมาก ส่งผลให้น้ำมันเบรกซึมซับความร้อนเอาไว้ และไม่สามารถระบายความร้อนไปสู่ส่วนอื่นได้ทันจนถึงจุดเดือดสูงสุด น้ำมันเบรกก็จะระเหยกลายเป็นไอในกระบอกสูบเบรก ทำให้ระบบเบรกไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ทำให้เกิดอาการเบรกไม่อยู่ เบรกจม หรือเบรกแตก
2.ความชื้น
เมื่อความชื้นเข้ามาปะปนอยู่ในน้ำมันเบรก จะส่งผลให้จุดเดือดของน้ำมันเบรกลดต่ำลง เมื่อมีการดูดซับความชื้นเข้าไปในระบบเป็นเวลานาน ก็จะทำให้เกิดสนิมในกระบอกสูบเบรกได้ และเมื่อเหยียบเบรก เบรกจะเกิดความร้อนและการเสียดสี น้ำมันเบรกจะระเหยกลายเป็นไอ ทำให้ระบบเบรกไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ จนส่งผลให้รถเกิดอาการเบรกแตกหรือเบรกไม่อยู่นั่นเอง
3.รอยรั่วในระบบ
เช่น ท่อน้ำมันเบรกรั่ว สายเบรกขาด หรือลูกยางในกระบอกปั๊มล้อเสื่อมสภาพ ทำให้ระดับน้ำมันเบรกลดลงไปต่ำกว่าปกติ และการที่น้ำมันเบรกมีปริมาณไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องเหยียบเบรกลึกกว่าปกติ และอาจทำให้เกิดอาการเบรกแตกได้
4.ผ้าเบรกหมด หรือผ้าเบรกไหม้
เมื่อผ้าเบรกเกิดการสึกจากการใช้งานจนหมด หรืออาจเกิดจากการที่ผ้าเบรกไหม้ จะทำให้ระดับน้ำมันเบรกลดลงไป และมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้รถเบรกไม่อยู่ หรือเบรกแตกได้เช่นกัน
ดังนั้น ควรตรวจเช็คระบบเบรกเป็นประจำ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุกๆ 40,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 1-2 ปี รวมถึงควรเลือกชนิดน้ำมันเบรกให้ตรงตามคู่มือของผู้ผลิตรถยนต์ และเลือกใช้ผ้าเบรกที่ได้มาตรฐาน ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ สามารถทนทานต่อความร้อน เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการเบรกอย่างสูงสุด
#รถเบรกแตกเกิดจากอะไร
#ADVICS #AISIN
#AISINTHAILAND #Qualityfirst
#อะไหล่ #อะไหล่รถยนต์
#สินค้าคุณภาพ
#มโนยนต์ #มโนยนต์ชัย
#Manoyontchai #ManoyontGroup
ขอบคุณข้อมูลจาก : ADVICS Thailand