ประเทศไทยอยู่ไหน หลายสิบปีที่ผ่านมาหลังสงครามเกาหลี ชาติที่ไม่มีสงครามเจริญไม่หยุด แต่เราย่ำอยู่กับที่ การเมือง ระบบราชการที่ล้าหลังโคตรๆฉุดรั้งความก้าวหน้าทุกอย่าง วันๆนั่งปลาปปลื้มน้ำตาไหลกับโฆษณาชวนเชื่อที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง

ผมเคยทำงานเป็น R&D บริษัทญี่ปุ่นบริษัทนึงที่มีอยู่ในคลิปนี้ด้วย อยากบอกว่าวัฒนธรรมในองกรณ์ของบริษัทญี่ปุ่นไม่ creative มีลำดับชนชั้น มีระบบอาวุโส กรอบต่างๆ ที่ขัดขวางการเกิดอะไรใหม่ๆในบริษัท แต่ระบบ Production ดีมาก

ผมทำงานกับคนญี่ปุ่นมายี่สิบปี​ สิบปีหลังมานี่คนรุ่นใหม่ๆไม่เก่งเท่ารุ่นเก่า​ เรียกได้ว่าแก้ปัญหาไม่ค่อยเป็นทำอะไรตามใจตัวเองเป็นหลัก​ ไม่ค่อยรักงานรักสบายเป็นส่วนใหญ่​ ถ้าเป็นคนสมัยก่อนนี่ถ้างานมีปัญหา​ไม่กลับบ้านกันเลยทีเดียว​

สินค้าญี่ปุ่น เน้น คุณภาพดี ใช้งานดี ทนทานยาวนาน คุ้มค่าคุ้มราคา ดูแลหลังการขายเยี่ยม แต่เทรนตลาดมันเปลี่ยน เน้นของคุณภาพสูงราคาถูก เน้นความฟุ่มเฟือยหรูหราสดใหม่ ความทนทานแค่กลางๆก็พอ สินค้าญี่ปุ่นเลยตอบโจทย์ไม่ได้ แพงไป ใหญ่โตไป จืดชืดไป เถรตรงไป

เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ผมยังเป็นเด็ก ญี่ปุ่นเป็นประเทศจอมก๊อปปี้แบบจีนตอนนี้ ต่อมาสินค้าเริ่มพัฒนาเป็นสินค้าชั้นดี แต่ปัจจุบันกลายเป็นสินค้าเกาหลี ที่บ้านผม ทีวี มือถือ ไมโครเวฟ เตาอบ เครื่องซักผ้า แอร์ ล้วนเกาหลีทั้งนั้น แต่ไทยยังอยู่กับการเกษตร

จากที่มองนะ ญี่ปุ่นมีการปรับตัวและพัฒนา ตามโลกและยุคสมัยนะ แต่ญี่ปุ่นเสียอยู่อย่างเดียวถ้าไม่ PERFECT ฉันจะไม่นำสินค้าออกมาขายในตลาด ทุกอย่างต้องดีที่สุด

ส่วนตัวยังใช้หูฟัง sony รุ่น MDR E484 ซื้อเมื่อ ปี 2532 และ 2535 กว่า30ปียังซ่อมใช้ได้ดี เป็นหูฟังที่เสียงดีสมจริงเป็นธรรมขาติที่สุด เหมือนลำโพงบ้านไฮเอ็นด์ราคาหลักแสนหลักล้านแต่หูฟังนี้ราคาพันกว่า ยังไม่สามารถหาหูฟังไม่ว่าจะราคาแพงมากที่คุณภาพเสียงดีกว่ามาทดแทนได้ จนถึงวันนี้

เห็นด้วยค่ะ เรื่องของคุณภาพที่มากเกินความจำเป็นเพราะ สมัยนี้ พฤติกรรม ผู้บริโภคเปลี่ยนไปไวมาก ทำให้ SME หรือบริษัทใหญ่ที่ต้องการแข่งขันในตลาดใหม่ จึงลงทุนในเครื่องจักรที่ ราคาอาจไม่สูงมาก เพื่อลองตลาดได้ในระดับหนึ่ง แต่หากตลาดมีความต้องการ ฟังชั่น มากกว่านั้น ก็ต้องมีการลงทุนหรือต่อเติมใหม่ ต้นทุนก็ต้องสูงขึ้น จึงยากที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องจักร หรืออุปกรณ์การผลิตในการลงทุนแรกเริ่ม

ญี่ปุ่นอาจจะเลยจุดสูงสุดไปแล้ว เรื่องซอฟแวร์ก็สงสัยว่าทำไมถึงสู้ชาติอื่นไม่ได้ หรือเพราะเทคโนฯมันเปลี่ยนเร็ว ญี่ปุ่นไม่สามารถพัฒนาคนระดับมันสมองในทักษะด้านนี้ได้ทัน แต่สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าถ้าให้เลือก จากปสก.ที่ผ่านมาขอเลือกสินค้าของญี่ปุ่นกับเยอรมันเป็นตัวเลือกแรกๆ

ถ้าซื้อควักจ่ายเอง คงเลือกแบรนด์ จีน เกาหลี แต่ถ้ามีคนจะซื้อให้ ยังไงก็ต้องเลือก ญี่ปุ่น

หัวข้อนี้ ที่ รอคอย และ อีก 10-20 ปี คอยดู แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า จากจีน

ยังไงก็ชอบญี่ปุ่น แม้จะตกสมัย แต่เราก็ให้ต่อคนอื่นได้อย่างสบายใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะตามเทรนด์ได้ 100% รักแบรนด์ประเทศนี้🙂

ญี่ปุ่นจะเคลื่อนตัวช้า เน้นความ perfect เป็นสำคัญและบางครั้งจะติดกับอัตตาบางอย่างที่เปลี่ยนความคิดยาก แต่ญี่ปุ่นจะทำอะไรละเอียด มีคุณภาพ มีระบบ เสร็จ และของมีคุณค่า ประเทศอื่นอาจจะแย่งไปรับประทานแล้ว เหมือนว่าโลกเปลี่ยนเป็นมือใครยาวสาวได้สาวเอา และให้ค่านิยมความชอบกับอะไรที่ฉาบฉวยขึ้น ทำให้ของจีน เกาหลีใต้ ถึงตีแตก แม้คุณภาพไม่เท่า แต่ราคาเข้าถึงง่าย

เทคโนโลยี่พัฒนาเร็วและเปลี่ยน(รุ่น)ไว ผู้ผลิตจึงไม่(เน้น)คุณภาพและความคงทน เน้นไปที่คุณภาพและราคาที่จับต้องใด้

ตลาดเดี๋ยวรี้ตัวเลือกมันเยอะแถมราคาเข้าถึงง่ายกว่าด้วยของญี่ปุ่นดีจริงแต่ราคาก็แรงจริงๆถึงขนาดว่าซื้อของญี่ปุ่นเครื่องนึงไปอีกยี่ห้อได้ 2 เครื่องเลยก็ยังได้

การเอาใจผู้บริโภค และการตลาดสู้รายใหม่ไม่ได้ เพราะยึดติดกับความคิด ความสำเร็จเดิมๆ

ถ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ ผมยังเชื่อมั่นในแบรนญี่ปุ่นอายุการใช้งานเกินสิบปีได้ ส่วนของแบรนจีนจะเป็นพวกมือถือ หรือ สินค้าประเภทเสียแล้วทิ้งได้เลย ซ่อมไม่คุ้ม ส่วนสินค้าเกาหลีถูกกว่าญี่ปุ่นแต่ความทนานน้อยกว่าแบรนญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นทนทานจริง แต่เทคโนโลยีมันตกเร็วมากในปัจจุบันนี้ อาจไม่จำเป็นที่จะต้องแพงแล้วทนอยู่ยั้งยืนยง ใช้ไม่กี่ปีก็ต้องเปลี่ยนเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ใหม่เสมอ โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ทีวี คือตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ

ญี่ปุ่นเขียนโค้ด Software ได้ห่วยมากจริงๆ จีนกับเกาหลีแซงหน้าด้านนี้ไปแล้ว แต่ผมชอบนวัตกรรมของญี่ปุ่นนะ รายละเอียดแบบเข้าถึงจิตวิญญาณเลย เคยดูสารคดีอุปกรณ์เสริมแช่ปลาเป็นเดือนก็ยังสดอยู่ อุปกรณ์ทอดน้ำมันไม่กระเด็น รายละเอียดลึกซึ้งมาก มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมด้วย คนญี่ปุ่นเค้ามีความคิดแบบนี้ เหมือนกับหนังญี่ปุ่น ต่อให้เทคโนโลยีจะล้ำไปชนาดไหน หนังญี่ปุ่นก็ยังห่วยแตกอยู่ดี ทั้งเนื้อเรื่องและ CG

จีนใช้วิธีตีหัวเข้าบ้าน ลดราคา ทุ่มตลาด ลดคุณภาพ ใช้เทคนิคศัพท์ทางการตลาด แต่สุดท้ายก็ทำให้แบรน์ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร ญี่ปุ่นคงต้องปรับมุมมองตัวเองถึงจะมาแข่งขันได้

ถ้าเป็นตู้เย็น ทีวี สินค้าญี่ปุ่นดีสุด เพราะใช้มาทุก สายพันธุ์ ราคา ระยะเวลา คุณภาพ มาเป็นที 1 tv Sony ดีที่สุด พร้อมคุณภาพ

เหมือนตามเทรนไม่ค่อยทัน เสียดายนะ ญี่ปุ่นเก่งมาก ชอบของญี่ปุ่น

แต่ถ้าพูดถึงความคงทน​ถาวร, คุณภาพสินค้าโดยรวม, ความเสถียร, ความใส่ใจในกระบวนการผลิตรวมไปถึงบริการหลังการขาย ยังไงก็ยังเชื่อในสินค้าญี่ปุ่น​อยู่ดี

ซื้อ Hardware มายังไงก็ต้องใช้อย่างนั้น เชื่อมต่อได้เฉพาะอุปกรณ์เสริมที่ผู้ผลิตทำออกมาขายเอง แถมบางอย่างเหมือนโดนบังคับซื้อ เพราะถ้าไม่ซื้อก็จะใช้ Hardware หลักได้ไม่คุ้ม (ไม่มีความเปิดกว้าง คนทั่วไปคงไม่อยากโดนผูก)

ไม่พูดถึงปัจจัยการแข่งขันในเรื่องของราคาเลยเน๊อะ ในการเข้ามาแข่งขันสู้กับแบรนด์สินค้าของญี่ปุ่นแรกๆตอนนั้น ถูกที่สุดร้านหรือห้างแบรนด์นั้นคือแบรนด์ที่มาจากเกาหลี คนซื้ออย่างเราๆก็ชอบของถูก เหมือนสมาร์ทโฟนจีนที่เข้ามาแข่งขันในตลาดตอนนี้เน้นถูกไว้ก่อน ตีตลาดเจ้าเก่าไปเรียบร้อย

ผมทำงานบริษัทญี่ปุ่นมาเกือบ 20 ปี คุณภาพไม่เถียงครับ แต่ปรับตัวช้า ขั้นตอนเยอะ

ใคร​จะ​ว่า​ยังไง​ก็​ช่าง​ สินค้า​ญี่ปุ่น​สวย​ ไฮเทค​และทนทาน​คุณ​ภาพ​สูง​ ผมซื้อใช้ตลอด​

คนญี่ปุ่นพลาดมามาก ปัจจุบันก็ยังพลาด ในแถบประเทศอาเซียนทั้งหมด ผมว่าคนไทยนี่แหละพลิกแพลงเก่งที่สุด แต่อาจจะไม่ได้เด่นเป็นผู้นำด้านใดๆได้ ที่ดีที่สุด ถ้าเขาคิดข้อนี้ได้ เขาจะไม่กลัวเกรงเกาหลีเลย แต่ก็อย่างที่บอกถ้าเทียบกับจีนทุกประเทศก็เป็นรองการตลาด เพราะต้นทุนเขาพร้อมในเรื่องของการทำให้มันมีราคาที่ถูกที่สุด ในรูปแบบสินค้าใกล้เคียงต้นฉบับ

กล้องกับเครื่องเล่นเกมส์ ยังเป็น ของญี่ปุ่นคับ ผมก็ใช้ยกเว้นมือถือ ราครมันสูงเกินความจำเป็น

ง่ายๆ คับ ขายจะเอาแพงอย่างเดียว คุณภาพไม่ต่างจากชาวบ้าน เป็นเพราะคนคับ คนญี่ปุ่นโง่ลงเรื่อยๆ モノづくりอะไร ไร้สาระคับ จริงๆ แค่สู้ชาวบ้านไม่ได้ ก็เล่นใช้ข้อมูลสร้างภาพตัวเอง ทำวิจัยเยอะแยะ แต่มีแตเรื่องปัญญาอ่อนไร้สาระ วิจัยงี่เง่าเช่น ทำยังไงให้ยุงไม่กัด อะไรทำนองนี้ ทั้งหมด อคติล้วนๆ อยู่ญี่ปุ่น แต่โคตรเกลียดนิสัยคนที่นี่มากๆ เมื่อก่อนแค่เที่ยวชอบมาก พอมาอยู่เห็นถึงแก่นมนุษย์ญี่ปุ่นเลยครับ ถ้าเมืองไทย ไม่ติดกับดักรัฐประหาร ป่านนี้แซงญี่ปุ่นไปไกลหลายปีแล้ว คนไทยฉลาดกว่าเยอะ ญี่ปุ่นจะทวงตำแหน่งคืน คงต้องใช้เวลาอีกหลายรุ่น และแนวโน้มคงเป็นไปได้ยาก

Mi เต็มบ้านละ ทุกวันนี้ งานวิจัยลงทุนสูง ใครเงินหนามีคนเก่งเยอะ ก็ได้ไป

ญี่ปุ่นหลงกับความสำเร็จเก่า มั่นใจตัวเองเกินไป จนไม่ยอมปรับตัวครับ

ของจีนและเกาหลีเขาฉลาดซอยรุ่นย่อยครับ คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพราะมีหลายราคาให้เลือก ยิ่งของจีนยิ่งอัดสเป็คแน่นๆมาทำราคาที่ถูกมากๆคับ.

sony เน้นคุณภาพต้องการเป็นผู้นำแล้วให้ตลาดเดินตาม ส่วนsumsungศึกษาตลาดแล้วผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ

เท่าที่คิดได้ ญี่ปุ่น ยังมี กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเกม กับรถยนต์ ที่ยังดูเป็นเจ้าตลาดอยู่ ก็ดูต่อไปว่าสินค้าพวกนี้จะเป็นไงต่อไป

ญี่ปุ่นอนุรักษ์นิยมมากไปปรับตัวยาก คิดว่าทำสินค้าให้ดีที่สุดก็คือคำตอบแล้ว แต่ไม่ใช่ หลายอย่างดีเกินความจำเป็นต้องใช้ ลูกค้าไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น

ยังมองสินค้าญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก ถึงราคาจะสูงแต่คุ้มค่ากว่า(โคตรทน)

ญี่ปุ่นในยุค 90ถูกอเมริกาบีบให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น 25%เทียบกับดอลล่าร์ ในขณะที่เกาหลีใต้ลดค่าเงินวอนลง 5%เทียบกับดอลล่าร์ ความแตกต่างของค่าเงิน ทำให้สินค้าเกาหลีเข้าไปทดแทนสินค้าญี่ปุ่น และบ.ต่างๆในเกาหลืเติบโตกลายเป็นบ.ยักษ์ใหญ่ระดับโลก

ญี่ปุ่นประชุมเยอะ กว่าจะหาข้อสรุปได้ใช้เวลานาน คนอื่นเขาก็แซงไปก่อน

โดนการตลาดแย่งไปไงครับ คุณภาพของญี่ปุ่นก็ยังดีมากๆเหมือนเดิม แต่โดนการตลาดของเกาหลีและการตัดราคาจากจีนแย่งไป... ถ้าเงินถึงผมก็ยังซื้อของญี่ปุ่นเหมือนเดิมนะ

ผมมองว่ากลุ่มคนสาย creative ในประเทศโดนดึงไปอยู่สาย anime, manga, game, อาหาร, แฟชั่น ไปหมด ตั้งแต่เริ่มเลือกอาชีพสมัยม.ปลาย ... สายอุตสาหกรรมอื่นๆเลยดูจะไม่ค่อยล้ำเหมือนอดีต ที่ตอนนั้นอุตสาหกรรมแต่ละด้านกำลังพัฒนาไปพร้อมๆกัน คนญี่ปุ่นยังเลือกสายไม่ได้ชัดแบบปัจจุบัน

ผลิตให้ถูก.ดีสุดๆ.สวยสุดๆ.ขายมากสุดๆ.ถูกใจคนซื้อสุดๆ.พัฒนาได้เร็วเหนือคู่แข่งสุดๆ.แบบก้างกระโดดทุกครั้ง.นั่นละ....

จะบอกว่าญี่ปุ่่นไม่พัฒนาก็คงไม่ถูก แต่เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันไปเร็ว เรียนรู้กันได้เร็ว copy กันได้เร็ว ประเทศที่เคยด้อยกว่า ก็รีบพัฒนา จนแทบจะเทียบเท่าหรือดีกว่าในบางอย่าง อย่างไรก็ตามคำว่า made in japan ก็ยังคงเป็นที่ไว้วางใจถึงคุณภาพได้อยู่ดี (ลองราคาสินค้าเท่ากันสิ 100ทั้ง100ก็เลือก japan)

แพง ของบางอย่างการใช้งานไม่ต้องนานเป็น 20 ปี เช่นมีกี่คนที่ใช้หม้อหุงข้าวของ 10 ปีที่แล้ว มีใครบ้างใช้โทรศัพท์เครื่องเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วบ้าง ของอายุการใช้งานเท่ากัน ของ ปท อื่นถูกกว่าดีกว่า คนรุ่นใหม่เขาก็เลือกใช้ และคนรุ่นใหม่ ฉลาดเลือก

ใครทำถูก ใช้ได้ ดี ก็ขายเยอะ เพราะคนยุคนี้เบื่อเร็วน่ะ รักง่ายหน่ายเร็วๆ

ญี่ปุ่นทำดีไปราคามันเลยสูงไป บางทีไม่ต้องทนทานมากหรอก ไม่กี่ปีเราก็อยากได้รุ่นใหม่ๆแล้ว

ทุกวันนี้ผมใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นอย่างเดียวของจีนไม่เคยใช้ มั่นใจในคุณภาพญี่ปุ่น

สินค้าญี่ปุ่นคุณภาพดีและทนทานมาก แต่กระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วผู้คนก็ชอบเสพความสดใหม่ซึ่งสินค้าจากจีนเกาหลีเมกาตอบโจทย์เรื่องนี้ หรือบางทีญี่ปุ่นอาจจะซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารเพื่อเตรียมสงครามรอบใหม่อยู่ก็เป็นได้ 555

ที่มองเห็นว่าความนิยมของแบรนด์ญี่ปุ่นลดลงคงเป็นแค่ มือถือ ทีวี คอม ละมั้ง แต่หลายอย่างก็ต้องยังเป็นญี่ปุ่นแหละ - กล้องถ่ายรูป Nikon Canon Sony คงไม่มีใครมาสู้ได้แน่ๆ - กลุ่มเกมส์ที่ครองโลกแบบ PlayStation และ Nintendo - เครื่องฟอกอากาศอย่าง ชาร์ป หรือ ฮิตาชิ โคตรขายดีมากๆ - แอร์อย่าง ไดกิ้น มิตซูบิชิ พานาโซนิก โตชิบา - เครื่องซักผ้าอย่าง โตชิบา ฮิตาชิ ชาร์ป ก็ยังขายได้อยู่(อาจจะรอง LG) - ตู้เย็น โตชิบา ฮิตาชิ ชาร์ป กินขาดอะ เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายๆอย่างก็ยังเป็นญี่ปุ่นอยู่อีกแหละ เครื่องปั่น เครื่องดูดฝุ่น หม้อหุงข้าว พัดลม เครื่องเสียง หูฟัง ฯลฯพวกนี้ญี่ปุ่นก็ยังคงได้รับความนิยมกว่า แบรนด์เกาหลี หรือ จีนทั้งนั้นนะ

ญี่ปุ่น มี fixed mindset มากๆ ระบบ seniority ก็ยังคงอยู่ เวลา รับ พนง กำหนด อายุ ลงรายละเอียด ถึงเดือนเกิด พนง กันเลยทีเดียว

สินค้าญี่ปุ่นคุณภาพดี แต่ราคาแพงเมื่อเทียบกับจีนตอนนี้ก็สินค้าบางอย่างมีคุณภาพดีขึ้นแล้ว

EP. หน้า ขอวิเคราะห์ตลาดรถยนต์ญี่ปุ่น กับรถยนต์ไฟฟ้าด้วยนะครับ

มันพัฒนาเร็ว คนเปลี่ยนเร็ว ของญี่ปุ่นดีแต่แพง ของจีนถูก แต่ยังไม่ทันพังคนก็เปลี่ยนแล้ว แต่ผมยังใช้ของญี่ปุ่นนะ

เจ้าอื่นพัฒนาขึ้นมาก ส่วนญี่ปุ่นอยู่กับที่ มันก็เท่ากับถอยหลังไปในตัว นั่นเอง

เป็นเรื่องวัตรจักร เทียบกับคน ตอนนี้เกาหลีเหมือนคนหนุ่ม 30 ต้นๆ ที่เจริญก้าวหน้า กำลังมีไฟ ส่วนญี่ปุ่นเป็นคนแก่ 55-60 ที่ช่วงรุ่งเรืองผ่านไปแล้ว ตอนนี้ใช้ความรู้ของคนรุ่นก่อนเป็นแนวทาง ซึ่งของเดิมเริ่มใช้กับยุคนี้ได้ผลน้อยจนเป็นถดถอย ธุรกิจที่มีก็เริ่มไม่เข้ากับยุค อย่างรถยนต์เชื้อเพลิงเดิมมีมูลค่ามหาศาล แต่ตอนนี้เข้าช่วงอาทิตย์อัศดง จะปรับตัวอะไรก็ทำได้ช้า

ซัมซุงไม่ใช่แค่ลดฟังกชั่นให้ราาเข้าถึง รุ่นราคาแพงก็ยังพังง่าย ส่วนของญี่ปุ่น แม้แต่ราคาสบายกระเป๋า ก็ยังทึกทนนาน ทนจริงๆ ถ้าคอมก็คือ ตกรุ่นไปแล้วก็ยังไม่พัง ว่ากันแบบนี้ เลย ถ้าจะทวงเบอร์ 1 การเริ่มจาก 0 ก็จะช้าไป แต่ถ้านับจาก 1 ได้ก็จะถูกหาว่า copy โลกนี้ช่างอยู่ยากนัก :)

จริงๆเทคโนโลยีญี่ปุ่นก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก แฝงอยู่ในโทรศัพท์ทุกรุ่นแหละ และเป็นเทคโนโลยีระดับสูงทั้งนั้นด้วย

....เหมือนในอดีตที่สินค้าญี่ปุ่นทำราครามาตีสินค้า เมกา ยุโรป และนาทีนี้ สินค้าจีนก็ทำราคาเพื่อมาตี สินค้าญี่ปุ่น

สินค้าจีนสมัยนี้ ทั้งดีทั้งถูก แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่น อย่างแอร์ พัดลม ยังเป็นที่นิยมอยู่ ส่วนที่หายไปจากกระแสจะเป็นพวกอิเล็กทรอนิกส์

เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา รถเกาหลีเริ่มความนิยมมากขึ้น เริ่มเท่าหรือดีคุณภาพกว่ารถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ

เครื่องใช้ไฟฟ้า ไทยมีอะไรส่งออกบ้าง

ยังชอบสินค้ามาจากแจแปนเช่น​cdและac3

ที่บ้านใช้แบรนด์ญี่ปุ่นแทบจะ 100% ทีวี , แอร์ , เครื่องเล่นเกมส์

พิธีกร เก่งและน่ารักมากคับ …

สู้ๆ ซัมซุง ผมชอบสินค้าญี่ปุ่นเพราะทนทานและใช้ได้ดี แต่ของเกาหลีใต้กำลังแซงหน้าอยู่ ก็ภูมิใจ ขอให้พระเจ้าอวยพรไทย ให้สินค้าไทยก็ชื่อดังทั่วโลก ขอให้ชาวไทยรีบกลับใจเสียใหม่เชื่อพระเยซู พระเจ้าทรงเป็นแหล่งของพระพร

ผมชอบญี่ปุ่นมากนะ เพราะผมเลือกสินค้าที่คุณภาพ

ของเกาหลีตีตลาดแทนเพราะช่วงแรกเน้นราคาถูกกว่า เพราะช่วงที่เกาหลีออกมาทำตลาดโลกใหม่ ๆ เกาหลีใช้กลยุทธ์ราคา สินค้าสมัยก่อนของเกาหลีแต่ละอย่างนี่ห่วยมาก พวกแบรนด์ดัง ๆ อย่าง LG Samsung Daikin ฯลฯ นี่แหละ แต่ราคาถูกกว่าของญี่ปุ่นเยอะ ของถูกสียง่าย ในขณะที่ของญี่ปุ่นทนกว่า คุณภาพดีกว่า แต่ราคาสูงกว่าตามคุณภาพ แต่คนไทยสมัยก่อนอ่อนไหวต่อราคา เพราะเมื่อก่อนประเทศเราคนส่วนใหญ่รายได้น้อย เลยนิยมของถูกกันมากกว่าของดีราคาสูง เสียง่ายไม่เป็นไรก็ซื้อใหม่ ต่อมาเกาหลีปรับกลยุทธ์ใหม่ ราคาแพงเท่าญี่ปุ่นแต่ใส่ option function ให้มากกว่าของญี่ปุ่น แม้จะพังง่ายเสียง่ายมีปัญหามากกว่าของญี่ปุ่น แต่ล่อใจคนซื้อได้มากกว่าเพราะนึกว่าจ่ายเท่ากันแล้วได้อะไร ๆ มากกว่า แถมพอเป็นเรื่องมือถือ เกาหลีจะรีบออกรุ่นใหม่บ่อย ๆ เพราะงั้นถึงมือถือจะพังเร็วแต่คนซื้อก็จะได้ถือโอกาสใช้เป็นข้ออ้างในการซื้อเครื่องรุ่นใหม่เร็ว ๆ ถ้าเป็นของญี่ปุ่นน่ะเรอะอย่างทีวีใช้ปี 20 - 30 ปี ยังไม่พัง ถ้าอยากซื้อใหม่ก็ต้องโยนของเก่าทิ้งล่ะ แต่คนรุ่นเก่าอย่างน้า โตมากับสินค้าคุณภาพของญี่ปุ่น อเมริกา เยอรมัน ยังไงก็ติดนิสัยเน้นคุณภาพมากกว่าราคาหรือลูกเล่นอย่างสินค้าเกาหลี จีน อยู่ดี ใช้แล้วเดี่ยว ๆ พัง ใช้แล้วแป็บ ๆ พัง มันน่าหงุดหงิด อารมณ์เสีย ต้องมาซื้อใหม่บ่อย ๆ เสียเวลาทำงาน แล้วไม่รู้เป็นเพราะดวงน้าไม่ถูกกับของเกาหลีหรือไง ใช้สินค้าอะไร ๆ ของเกาหลี เดี๋ยว ๆ ก็พังหมด ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันแล้ว น่าโมโหที่สมัยนี้หาสินค้าญี่ปุ่น ได้ยาก หันไปหันมามีแต่เกาหลี จีนเต็มไปหมด เวลาขอคำแนะนำใคร ๆ โดยเฉพาะพวกเด็กรุ่นใหม่ ก็เอาแต่แนะนำของจีน เกาหลี อยู่นั่นแหละ แถมคนสมัยนี้ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "คุณภาพ" พอเห็นของญี่ปุ่นราคาสูงกว่าเกาหลี แต่่ดูสเป็คแล้วก็บอกว่า "ราคาตั้งแพง ทำได้แค่นี้เองเหรอ ของเกาหลี ราคาเท่ากัน แต่ได้ 'มากกว่า' ตั้งเยอะ".. คือ เด็ก ๆ พวกนี้สับสนระหว่างคำว่าคุณภาพกับปริมาณแล้วล่ะ นึกว่า จ่ายเงินแล้วได้ "ปริมาณ" เยอะ ๆ แปลว่าคุณภาพดีซะงั้น ทั้งที่ของเกาหลี เอาไปใช้ได้ประเดี่ยวประด๋าวก็พัง ต้องซ่อมต้องเปลี่ยน ยังจะบอกว่าคุณภาพดี ส่วนไอ้ที่ว่า ทำอะไร ๆ ได้ตั้งเยอะกว่าของญี่ปุ่น เอาจริง ๆ ก็ไม่เห็นจะใช้ไอ้เยอะ ๆ ที่ว่ากันเลย

ต่อไป รอดูวงการยานยนต์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ระยะยาวๆ

ความคิดส่วนตัวนะ คือหลักๆเลยที่ยอดขายแบรนด์ญี่ปุ่นลดลงเพราะราคาที่สูงกับการดีไซน์ที่สุดโต่งโดยจะเห็นได้จากหลายๆผลิตภัณฑ์ในตลาดเพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมค่อนข้างสูงโดยไม่ดูชาวบ้านชาวช่องเค้า ไม่ดูว่าผู้บริโภคต้องการรูปลักษณ์ผลิตแบบใด เพราะฐานลูกค้าไม่ได้มีแค่ในญี่ปุ่นฉะนั้นจึงทำให้ยอดขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด

วิเคราะห์ได้ดีมากครับ

จริงๆแล้วคนนิยม แต่คนมีเงินซื้อน้อย คนทั่วไปเลยซื้อของถูกใช้

สิ้นค้าญี่ปุ่น คงทนคุ้มค่าราคา คนชอบ ใช้ ไม่นาน ราคาถูก พังง่ายเปลี่ยนใหม่ เพราะว่าเคยใช้แบรนด์อื่นมา สุดท้ายกลับคืนมาใช้แบรนด์ญี่ปุ่นเช่นเคย ถ้ามือถือ คือ IPhone และ Nokia

สมัยนี้.เทคโนโลยีต้องมาคู่กับเทรนแฟชั่น...เทคโนโลยีดีอย่างเดียวยังดึงดูดไม่พอ..แค่มีใว้ชื่นชม

ยุคนี้มันยุคของจีน

รถยนต์จะตามมาที่เสียแชมป์ ยุคใหม่รถยนต์ไฟฟ้าจะตามมา แต่ญี่ปุ่นไม่ยอมทำรถไฟฟ้า แต่ต้องการใช้รถน้ำมันต่อไป

ผมว่าอีกเรื่องน่าจะเป็นเพราะญี่ปุ่นมีความเป็นอนุรักษ์นิยมระดับนึง

ทำไมไม่พูดถึงราคา​ ของสินค้าญี่ปุ่น.... ว่าขายแพงกว่าของเกาหลี​ ของจีน​ ที่มาตีตลาด​ เครื่องเล่น​ VCD, DVD​ จีนทำได้ถูกมาก​กว่าครึ่งๆ​... เดี๋ยวนี้เลยรู้ว่าญี่ปุ่นทำสินค้าราคาแพง.... จีนทำสินค้าราคาถูก​ ใช้เสียแล้วทิ้ง​ ดีกว่าเสียแล้วซ่อม

ดีมากครับ

เปลี่ยนไปเน้นทางพาหนะ พี่โตโย น่าจะยักษ์ใหญ่ของโลก แต่ตอนนี้พี่เทสล่ากำลังเบียดแซง ถูก disruption ไปตามยุคตามสมัย ในไม่ช้าจะมีความถี่ในการสูญหายของสินค้าในตลาดเร็วยิ่งกว่าปัจจุบันขึ้นเรื่อยๆ ของเก่าไป ของใหม่คนละแนวจะมาแทน

ตอนเด็กๆ ไม่มีใครซื้อสินค้าญี่ปุ่นหรอกครับ สู้ของฝรั่งไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไฟฟ้า TV ต้อง SIERA,Grundig,Singer รถยนต์ต้อง Ford,Fiat,Peugeot พอเวลาเปลี่ยนไปสินค้าญี่ปุ่นตีตลาดกระจุยเพราะถูกกว่าของฝรั่งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณภาพก็ตามราคา ปัจจุบันจีนกับเกาหลีก็เริ่มตีตลาดญี่ปุ่นมั่ง

เทคโนโลยีมันเปลี่ยนไว เด่วนี้คนรุ่นใหม่เน้นจ่ายสมราคา แต่เปลี่ยนบ่อยมากกว่า ไม่ชอบ ถึกแล้วทนใช้ยาวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สังเกตุเครืองใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ ซ่อมที เปลี่ยนใหม่คุ้มกว่า

ไทยเราต้องหาเงินส่งนาย พลาดแล้วก็โดนจนได้ ไม่มีเวลาช่วยชาติต้องให้ยืมนาฬิกาอีก ปวดหัว

สินค้าApple ในอนาคต จะคล้าย ญี่ปุ่น

จีน, เมกา, เกาหลีใต้เขาพัฒนา ญี่ปุ่นเลิกพัฒนา ก็โดนแซงเป็นธรรมดาครับ บทเรียนสำคัญเลย อย่าหยุดพัฒนา อย่าผูกติดกับความสำเร็จเดิมๆ คุณหยุดพัฒนาเมื่อไหร่ นั้นคือจุดเริ่มต้นของจุดจบครับ

แต่เครื่องเล่นเกม ญี่ปุ่นก็ยังเปนที่1ยุ่นะ ทั้งPSและNS

แพง ฟังก์ชั่นน้อย กั๊ก และไม่ค่อยสนใจความต้องการของลูกค้าเท่าที่ควร ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ทำให้สินค้าดูแพงและห่างไกลจากผู้บริโภคไปเรื่อยๆ (แต่สินค้าก็คุณภาพ)

ราคา กับคุณภาพ ของจีนคุ้ม กับราคา เเบรนยิปุ่นก็คุ้มเเต่สู้ราคาไหว

ใช่คะตอนนี้เงียบหายไปเลยสงสัยมาก

เรากลับชอบแบรนด์ญี่ปุ่นสุดๆ เลยค่ะ ยิ่งมีแบรนด์ตลาดยอดนิยม ที่ยิ่งใช้ยิ่งชัดว่า ความทนทานกับคุณภาพนี่เทียบแบรนด์ญี่ปุ่นไม่ได้เลย เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเราเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นแทบทุกอัน อยู่เป็นสิบๆ ปี ส่วนเก็ตเจต อุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์กลับหายี่ห้อญี่ปุ่นไม่ค่อยได้เลย น่าเสียดาย

มือถือ Sony ตั้งแต่ไม่มีคำว่า Erison ไปรู้สึกว่าดีไซน์และความน่าสนใจหายไปมาก ซึ่งจริงๆก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับข้อความแต่อย่างใดเพราะคิดว่าคนพัฒนาน่าจะทีมเดิม

อนาคตเจอจียกินเรียบ ดูแค่มือถือ ที่ถูกลงมาเรื่อยๆ และดีด้วยนะ ระบบก็อัพเดทอยู่เรื่อยๆ

ชอบรายการมากคะ

เคยคิดเหมือนกัน ว่าตอนเด็กๆ ของรอบตัวเราเป็นแบรนด์ยี่ปุ่นหมดเลย ตอนนี้มันหายไปไหนหมด กลายเป็น haier LG samsung mi จากจีนและเกาหลีใต้ไปซะหมดเลย

ง่ายๆเลย 1 แพงแต่คุณภาพไม่เหมือนเดิม 2 การรับประกันไม่เหมือนเดิมมีอายุที่สั้นลง 3 ความคุ้มต่อราคาต่อหน่วยสู้ประเทศที่เป็นผู้ผลิตใหม่ไม่ได้ 4 การซ่อมบำรุงแพงและค่อนข้างผูกขาดโดยผู้จำหน่ายมากเกินไป 5 เทคโนโลยีบางอย่างใหม่เกินไป ทำให้ไม่สะดวกในการใช้หรือซ่อมตามร้านทั่วไป และอีกหลายๆอย่างที่บริษัทญี่ปุ่นต้องทบทวนขึ้นใหม่ ที่สำคัญคือบริษัทญี่ปุ่นต้องไม่โลภและกลับไปสู่ในจุดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดแข็งของตัวเองให้ได้

สินค้าสองชนิดที่อุดหนุนญี่ปุ่น คือ รถยนต์และแอร์บ้าน ส่วนอย่างอื่นใช้ของจีนหรือเกาหลีแทนครับ คหสต

แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องมือ เครื่องกลต่างๆ เกี่ยวกับเครื่องมือช่าง ผมเน้นแบรนด์ญี่ปุ่นนะ มาจากญี่ปุ่นเหมือนการันตีอึดถึกทน แพงกว่านิดหน่อยแต่สบายใจ

เล่าเรื่องกองทุน VC. เช่น โพราริส ที่ รัฐบาล ญี่ปุ่น จัดตั้ง มาเพื่อช่วย อุ้ม เเบรนด์ ญี่ปุ่น ที่กำลัง ถูกขายเเบรนด์ให้ชาติอื่นๆหน่อยครับ ว่ามี บริษัทญี่ปุ่นเเบรนด์ใหน รัฐบาลช่วยอุ้มบ้าง (ที่รู้ๆ มี Panasonic security)

ส่วนนึงคือเรื่อง ช่องทางการจัดจำหน่าย ด้วยครับ ที่หลังๆมานี้อาจจะเริ่มไม่ค่อยจะเห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ญี่ปุ่นตามห้างมากนักแล้วถ้าเทียบกับเมื่อก่อน

มีสาระดีมาก ขอบคุณนะ

ผมยังใช้ Hitashi Toshiba และ Sharp อยู่เลย แม้จะรู้ว่า Hier ซื้อกิจการญี่ปุ่นก็ตาม ส่วน Sumsung ไม่อยู่ในสายตาครับ