ภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ผุดขึ้นมาในหัวของคนไทยเป็นภาพแรก ก็คงจะเป็นภาพของคนหนุ่มสาวสะพายเป้ ในชุดสบายๆ เดินตามข้างถนน ถือว่าเป็นภาพจำคลาสสิคของชาวแบ็คแพคเกอร์ ที่คนไทยคุ้นชินกันมานาน แต่น้อยครั้งที่ภาพแรกที่เราจะนึกถึง จะเป็นภาพของครอบครัวชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาพักผ่อนในเมืองไทย ดังเห็นได้จากครอบครัววอลล์ที่เรานำเสนอในคลิปก่อน ที่สมาชิกทั้ง 5 คน เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย และอาศัยอยู่ที่นี่นานถึง 2 เดือน พ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 51 ปี อย่างเดวิด และไอวี่ลูกสาววัย 12 ขวบจากประเทศอังกฤษ ก็ได้ใช้เวลา 2 สัปดาห์ ท่องเที่ยวในเมืองไทย ก่อนที่จะเดินทางกลับพร้อมความประทับใจ และให้สัญญาว่า จะกลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง พร้อมเผยสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเมืองไทย
จากข้อมูลที่จัดทำขึ้นโดย กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เม็ดเงินที่คนเหล่านี้ใช้จ่ายในเมืองไทย ถือว่ามีมูลค่ามหาศาล ทั้งๆที่มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนในสถานที่ต่างๆทั่วไทย เพียง 1 ใน 3 ของคนไทยเท่านั้น แต่กลับสร้างรายได้ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ที่สร้างขึ้นโดยผู้เยี่ยมเยือนคนไทย ผู้เยี่ยมเยือนตามนิยามของทางราชการไทย หมายถึง ผู้ที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยว และอื่น ๆ เช่น การเยี่ยมเพื่อน/ญาติ ทั้งที่พักค้างคืน และไม่พักค้างคืน โดยเป็นการพักค้างในสถานพักแรม บ้านญาติ/บ้านเพื่อน และอื่นๆ
ใน 10 เดือนแรกของปี 2565 คือตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม ประเทศไทยมีผู้เยี่ยมเยือนสะสม ทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ
รวมสูงถึง 176,183,271 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะเป็นการนับจำนวนการเดินทางไปพักยังสถานที่ต่างๆของนักท่องเที่ยวแต่ละคน
โดยในจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด เป็นคนไทยถึง 162,305,555 คน เป็นคนต่างชาติ 13,877,716 คน
ส่วนรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน รวมสูงถึง 802,167.64 ล้านบาท
เป็นรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนคนไทย 511,078.83 ล้านบาท
รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ 291,088.81 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.3% ของรายได้ทั้งหมด
จากตัวเลขรายได้ดังกล่าว เราจะพบว่า ชาวต่างขาติมีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย และสามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่านักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมากเมื่อเทียบแบบรายตัว ซึ่งในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ นักท่องเที่ยวที่มากันหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางมากับสมาชิกในครอบครัว จะสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก จากจำนวนต่อกลุ่ม ที่มากกว่านักท่องเที่ยวหนุ่มสาว ที่มักจะมาคนเดียวหรือมาเป็นคู่ และกลุ่มนี้ มีแนวโน้มที่จะพักอาศัยในเมืองไทยเป็นระยะเวลานาน เพราะการท่องเที่ยวหลายคน อาจจะไม่สะดวกมาก หากต้องมีการย้ายประเทศหรือสถานที่พักหลายครั้ง และการท่องเที่ยวลักษณะนี้ มักจะมีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้าเป็นปีๆ นอกจากนั้น สถานที่ท่องเที่ยวที่คนกลุ่มนี้จะเดินทางไป ก็มักจะมีความหลากหลายมากกกว่า ทำให้มีการกระจายรายได้ที่ดีกว่า ซึ่งพฤติกรรมการท่องเที่ยวในแบบครอบครัว สามารถสะท้อนออกมาให้เห็นได้จากครอบครัวของเดวิดและไอวี่ สองพ่อลูกที่ตั้งใจมาท่องเที่ยวเมืองไทยโดยเฉพาะ หลังจากที่คุณพ่อได้เคยมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน การเดินทางเริ่มขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากสนามบินฮีทโธว์ในกรุงลอนดอน เดินทางไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีการแวะระหว่างทางที่กรุงสต็อกโฮม ในประเทศสวีเดน และกรุงเทพด้วย
ทั้งคู่ก็ได้เดินทางมาถึงเกาะสมุยด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากที่ต้องใช้เวลายาวนานถึง 1 วันครึ่งในการเดินทาง เดวิดได้วางแผนที่จะมาท่องเที่ยวในเมืองไทยล่วงหน้ากว่า 1 ปีครึ่ง ซึ่งเมื่อถึงสนามบินสมุยแล้ว เดวิดยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเขาเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว หลังจากที่ได้แต่ชมสถานที่แห่งนี้ผ่านทาง KZfaq มานาน เดวิดเผยว่า ไม่ว่าคุณจะดู KZfaq มามากแค่ไหน ก็สู้การได้สัมผัสบรรยายกาศจริงๆไม่ได้ ซึ่งสามารถรู้สึกได้ ผ่านทางความร้อนที่สัมผัสกับร่างกาย ความแปลกตาของสิ่งต่างๆ เสียงรอบๆตัว สายลม โดยในช่วงแรก สองพ่อลูกได้ใช้เวลาบนเกาะสมุยอย่างเต็มอิ่ม ก่อนที่จะไปเที่ยวเกาะเต่า 1 วัน หลังจากที่ได้อยู่เมืองหนาวอย่างอังกฤษมาหลายปี จนได้มาสัมผัสกับทะเลที่สวยงาม ชีวิตสบายๆ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำ ทำให้เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก ที่จะต้องเดินทางออกจากเกาะสมุยไปปลายทางแห่งใหม่ ทั้งๆที่ยังอยู่ในเมืองไทยก็ตาม ซึ่งก็คือกรุงเทพมหานคร เมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก แต่ด้วยความวุ่นวายที่สัมผัสได้ตลอดเวลา อาจจะทำให้รู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลกกับเกาะสมุย อย่างไรก็ตาม เดวิดได้เผยว่า เขาได้เดินทางไปยังเมืองสำคัญต่างๆของโลกมากมาย ทั้งนิวยอร์ค ลอสแองเจลิส โตเกียว โอซาก้า เดลลี บาเซโลน่า แมดริด ฟลอเรนซ์ ปารีส เบอร์ลิน อัมสเตอร์ดัม และอีกมากมาย แต่เขายกให้กรุงเทพฯเป็นเมืองโปรดอันดับ 1 ของเขา ความสนุกตื่นเต้นที่ได้รับจากเมืองนี้ อยู่เหนือกว่าเมืองอื่นๆที่พูดมาอย่างมาก จะใกล้เคียงก็มีเดลลี ประเทศอินเดีย ที่เขาให้เป็นอันดับ 2 แต่เดวิดบอกว่า เมืองนี้อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ล้นเกินไป ในขณะที่โตเกียวและย่านชิบูย่า ซึ่งเขาให้เป็นอันดับ 3 บางครั้งมันทำเขารู้สึกโดดเดี่ยวไปหน่อย การเข้ามาพักในกรุงเทพ 3 วัน 2 คืน แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็รู้สึกเต็มอิ่มไปด้วยความสุข ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้
ที่มา: / @ivysdadd3292