ใช่ครับ อยากให้เป็นแบบอัมเตอร์ดัม ญี่ปุ่น ที่มีเลนให้จักรยานขี่ชัดเจน แบบตอนไปญี่ปุ่นเปิดgoogle mapมีพาหนะจักรยานให้เลือกบอกเส้นทาง แต่คงยาก เพราะจิตสำนึกคนในประเทศเราไม่ได้ รวมทั้งถนนที่เอื้อให้จักรยานเราขีร่วมกับรถใหญ่ได้ ประเทศเรามันไม่มี

@@seoulros กทม ยากค่ะ เพราะคนไทยชอบจอดรถข้างทาง กทม หมดงบไปกับเลนจักรยานเยอะมากค่ะ แต่คนปั่นปั่นไม่ได้ เพราะรถจอดทั้งแถบ ไม่ช่วยอะไรเลยจริงๆ พอๆกับตอนนี้รถยนต์ก็จอดทับช่องรถ ev ที่จะเข้าไปชาร์จไฟ สรุปเข้าไปชาร์จรถไม่ได้ ปัญหาอยู่ตรงนิสัยคนไทยนี่แหละค่ะ รวมถึงการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย

ดีมากๆ กว้างและลึกต่อปัญหา

@@user-hj5js4wz5p ใช่ค่ะไม่เคยผิดหวังเลย

ถ้าเราจะเกลียดอะไรสักอย่างแล้วเราค้นหามันสุดท้ายมันก็จะได้คำตอบสักอย่างที่เราจะเกลียดได้จริงๆ ถ้าคุณจะยกไปถึงแหล่งผลิตไฟฟ้าเลยนั้นคิดว่าก็คงไม่สามารถเปิดใจได้หรอกครับ ลองยกอะไรกว้างๆแบบนี้กับรถน้ำมันดูแล้วลองเปรียบเทียบเอาดีกว่า เอาจากเรื่องใกล้ตัวก่อนกรุงเทพจะเป็นมะเร็ง ภูมิแพ้อากาส ตายกันหมดละ เหตุผลหลักก็คือท่อไอเสียจากรถน้ำมัน

@@uncleelon2771 ไม่คือ เราไม่ได้เกลียดรถไฟฟ้า แต่เราแค่ยังไม่วางใจที่จะใช้รถไฟฟ้าได้ทั้งใจ ไม่ใช่ว่าเราไม่เห็นปัญหา เราเห็น แล้วตอนแรกเราก็กำลังจะซื้อรถไฟฟ้าแล้วจริงๆ หาข้อมูลอยู่นานมากเพื่อจะแน่ใจว่ามันเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าจริงๆ คือถ้าสมมติเราอยู่ประเทศที่เขาสร้างพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีการทำ EIA ก่อนสร้างโรงไฟฟ้านั้นๆ เราก็คงซื้อรถไฟฟ้าโดยไม่ลังเลอะไรไปละ แต่ก็เพราะไทยยังไม่ใช่ แล้วเราก็เรียนเกี่ยวกับน้ำกับทะเลมาโดยตรง เราเลยรู้สึกแย่กับการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงโดยทุนไทยที่ไปลงทุนสร้างในลาวเพื่อส่งไฟฟ้ากลับมาไทย โดยที่ไม่ผ่าน EIA ชาวบ้านคัดค้าน ประเทศโดยรอบคัดค้าน แต่เราก็ยังลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า ทั้งที่ปริมาณไฟฟ้าสำรองของเราสูงทะลุ 30% ไปแล้ว แล้วยังมีโรงไฟฟ้าที่สร้างไว้ในไทยแต่ไม่ได้เดินเครื่องอีก เรารู้สึกว่าถ้ายิ่งใช้มาก มันยิ่งเป็นข้ออ้างให้สร้างเพิ่ม (โดยเฉพาะกับรัฐไทยที่ไปเซ็นสัญญาซื้อตั้งแต่ก่อนก่อสร้าง ก่อนทำ eia จนพอชาวบ้านไปฟ้องให้ยกเลิกสัญญาก็ยกเลิกไม่ได้เพราะถ้ายกเลิกก็ต้องจ่ายค่าชดเชยให้เขา สุดท้ายก็มีแต่เสียกับเสีย) เพราะประเทศไทยเป็นอย่างนี้ แม้แต่พลังงานไฟฟ้ายังมีที่มาไม่โปร่งใส เราก็ยังไม่กล้าใช้รถไฟฟ้าในไทยจริงๆ มันดู้ป็นข้ออ้าง แต่จริงๆเราเป็นแค่คนคิดมากเฉยๆ ที่เล่ามาคือจะบอกว่าเราไม่ได้ต่อต้านรถไฟฟ้าจริงๆ จากใจจริง อยากใช้จะแย่ละเพราะตอนนี้เราใช้จักรยานกับเดินเอาอยู่อะ555555เหนื่อยมาก

@@Grand2541 เป็นเรื่องการเมืองของรัฐไทยกับจีนแล้วล่ะครับ รัฐบาลนี้อ่อนไปหน่อยยอมจีนมากเกินไป เขื่อนที่ลาวนั้นของจีนหมด ซึ่งถ้าจะไปไกลถึงเรื่องนั้นแล้วเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเนี่ย ไม่ต้องใช้ไฟฟ้ากันพอดีจุดเทียนเอา 5555 แต่ถ้าคุณคิดมากถึงขั้นนั้นจริงๆลงทุนอีกนิดซื้อ tesla powerwall ไปเลยหายห่วงเรื่องรัฐไทยกับการจัดการไฟฟ้าแบบสมอง8หมื่นเซลล์ ลองดูครับ kzfaq.info/get/bejne/d7uAla2G2bWsp3k.html

@@uncleelon2771 ขอบคุณค่ะ

ผมจะให้คุณคำนวณเรื่องมลพิษที่รถสันดาป ปล่อยออกมามากกว่าที่โรงไฟฟ้ากระทำ เพราะถ้าคนใช้รถไฟฟ้าเยอะเเบตสามารถรียูส กลับมาใช้กับ โซล่าเซลล์ ได้ กว่าจะได้เปลี่ยนใหม่ก็ใช้เวลา 6-8 ปี กับรถไฟฟ้า 1 คัน อนาคตอาจมีรถชนิดอื่นที่ไม่ใช่เเค่เเบตเตอรี่ รถไฟฟ้าครับ

Time Stamp ไม่ตรงครับ

แก้เป็นว่า "แต่ตอนนี้ต้องหยุดฟังแล้ว" ถึงจะเข้าใจคอมเม้นต์ทั้งประโยค

15:30 อ๋อ คุณเข้าใจผิดแล้ว..สิงห์เค้าถามน้ำหนักแบตเตอรี่..คุณตอบเป็นน้ำหนักรถรวม 1.8-2.0 ตัน..เค้าอยากรู้ว่าแบตฯลิเทียมนี่มันเปลือง/หนักแค่ไหน ต้องตอบว่า 200-300 กิโลกรัม ไม่ใช่ พันกิโลกรัม( 1 ตัน) นั่นรถทั้งคันน่ะ

เค้าหมายถึงว่ารถสมัยก่อนหนักตันกว่าๆ แต่พอเป็น ev น้ำหนักแบตมันเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตันรวมเป็น 2 ตันต่อรถ ev 1 คันค่ะ

ผมได้ยินปกตินะ คุณที่ไม่ค่อยได้ยินต้องพิจารณาตัวเองนะว่า เป็นเพราะข้อจำกัดทางร่างกายที่ลดลงตามกาลเวลาหรือเปล่า (อายุมากขึ้น หูตึง) ซึ่งไม่ใช่ความผิดของคุณและแขกรับเชิญเลย

พูดไปเรื่อยคุณอ่ะ ฟังให้จบ อย่าฟังแค่ท่อนแรก หรือถ้าฟังจบแล้วคิดไม่ได้ก็หาไรทำ ไม่ใช่แพ่มไปเรื่อย

เค้าพูดถึงเทคโนโลยีก็ไม่ผิดนะ ถ้าไม่มีที่ตรวจจับฝุ่น pm ป่านนี้คงออกไปวิ่งสูดกันให้ฉ่ำปอดละ คือมันก็มีไงเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยแหละ แต่ปัญหาก็ต้องยอมรับว่ามันมาจากคน คุณก็อาจจะเป็นส่วนนึงของปัญหานะ ดังนั้นอย่าไปว่าใครว่าเห็นแก่ตัว มองให้เห็นตัวเองก่อนว่าเห็นแก่ตัวบ้างรึเปล่า

แล้วผิดตรงไหนละครับ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีตรวจจับ คุณก็ไม่รู้หรอกว่ามันมี PM 2.5 ไม่รู้หรอกว่าน้ำแข็งขั้วโลกละลาย และก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีสาเหตุมาจากไหนที่ทำให้เกิดปัญหาพวกนั้น