จริงๆมันก็ตลกนะ..อ่ะสมมุติมีกิจ นิมนต์ไปสวดมนต์เย็น(เรียกง่ายๆ).ก็จะทำน้ำมนต์..เริ่มที่.อะเสวนาจะพาลานัง.ฯลฯ.ก็จุดเทียนหยดน้ำมนต์ไป..จริงๆทิ่สวดมันก็เป็นมงคลที่ควรปฏิบัติ.มี38ประการ.พอตอนเช้าก็มารดน้ำมนต์ให้โยม.ก็ดูแช่มชื่นกันไป..เราก็ว่าระหว่างปฏิบัติไปตามคำสวด(ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงแปลไม่ได้อยู่ดี)กับรดน้ำมนต์..ผลมันคงต่างกันเย๊อะ

การสวดมนต์ ไม่ใช่ พิธีกรรม การสวดมนต์ คือการ กล่าวธรรม (คำสอนพระพุทธเจ้า) เพื่อทบทวนความจำ หลังพระพุทธเจ้าปรินิพาน มีการสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ 1 สมัยนั้นยังไม่ได้มีการบันทึกพระธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นอักษร จึงใช้การท่องจำแบบปากต่อปาก (ที่เรียกว่า มุขปาฐะ) โดยแบ่งพระสงฆ์ออกเป็นกลุ่มๆ 50 รูปบ้าง 100 รูปบ้าง หนือมากกว่า จำ พระธรรม(คำสอนพระพุทธเจ้า) ไว้ เมื่อจำได้แล้ว การที่จะไม่ให้การจำนั้น ผิดเพี้ยน หรือหลงลืม ไป ก็ใช้วิธี เอามาท่อง ออกเสียง พร้อมๆ กัน ข้อดีของการท่อง พร้อมๆ กัน ก็คือ ใครท่องผิด ก็รู้เลย เพราะจะท่องเข้ากับผู้อื่นไม่ได้ หรือหลงลืมบางตอนไป ก็จะได้ทบทวน หรือจำผิด ก็จะได้ตรวจสอบแก้ไข ภายหลังมีการเขียนบันทึกพระไตรปิฎก ก็ยังใช้วิธี ท่องอยู่ (เพราะเขาถือว่าการท่องผิดน้อยกว่าการคัดลอกจดบันทึก เพราะต้นฉบับเขียนผิดไปการคัดลอก ต่อๆมาก็จะผิดไปด้วย เมื่อก่อนนั้นยังไม่มีเครื่องพิมพ์ ) พระภิกษุ จะสอนธรรม ชาวบ้าน ใช้วิธีท่องจำคำสอน ก็สะดวกกว่า การสวดจึงใช้ต่อมา จนถึงทุกวันนี้ เมื่อก่อนนอกจากจะท่องได้แล้ว ยังต้องอธิบายความหมาย ด้วย (การอธิบายแปลความหมาย ในพระไตรปิฎก ที่เรียกว่า อรรถกถา นี้ บางครั้งก็อธิบาย จนดูว่าเกินจริงไปมาก ไม่น่าจะเป็นได้ แต่ก็ขอละไว้ อย่างไรเสีย อรรภกถา ก็ยังเชื่อถือได้ ) บทสวดที่ใช้สวดกันอยู่ทุกวันนี้ ส่วนมากเป็นการ ตัดเอาส่วนหนึ่งมา บางบท ก็ย่อให้สั้นลง จะเอามาทั้งพระสูตร ของพระไตรปิฎก คงยาวไป และเยิ่นเย้อ คำซ้ำๆ กันมีมาก

จริงเห็นด้วย

จะให้ดีมากกว่าต้องเข้าใจในแต่ละคำ ของคำสวดถ้าเราฟ้งสวดใด้ยินแค่คำสวดแต่ไม่เข้าใจในความหมาย ก็ไม่ต่างอะไรกับฟ้งแบบนกแก้วนกขุนทอง ก็จะได้แค่ศรัทธา แต่จะไม่ได้ประโยชย์อะไรในการฟ้งเลย

การสวดมนต์ การทำวัตรสวดมนต์ ฟังดูเผินๆ จะคิดว่า เป็นหน้าที่ หรือเป็นสิ่งที่พระสงฆ์พึงทำ ก็คงไม่ถูกต้อง แต่ถ้าสวดเพื่อมีเจตนานึกถึงคำสอน หรือฝึกสมาธิขั้นตั้น ก็โอเคนะ ในตอนบวช ท่านเน้น กรณียกิจ 4 อกรณียกิจ 4 บริขาร 8 และ พิจารณาเกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ ....เปิดดูตาม Google ได้ครับ

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ การกระทำ รอดูครับ สวด ไม่สวด.

​@@chanchai9565ไปฝึกที่นี้สัก 3 เดือน แล้วคอยมาปรามาส

ทุกวันนี้คนไทยต้องการแต่บุญใหญ่ๆใส่บาตรดีกว่าให้ทานหมาแมว จะไหว้พระทั้งที่ต้องดิ้นรนไปหาพระที่เขาเรียกกันว่าอรหันต์เพื่อที่จะต้องการได้บุญมากๆกว่าพระธรรมดาทั่วไป ใครทักท้วงก็โกรธหาว่านรกจะกินกบาลอย่าไปเที่ยวปรามาสพระอรหันต์นะจะตกนรกหมกไหม้ บางคนถือศีลนุ่งห่มขาวไม่ยกมือไหว้พระสงฆ์😅ธรรมดาทั่วไปเพราะคิดว่าตัวเองเหนือพระที่ไม่ปฏิบัติสมาธิอย่างตัวเองเพราะเขาสอนกันว่าการนั่งสมาธินั่นแหละสุดยอดแล้วยิ่งพระองค์ไหนมีการฝึกสมาธิมาตลอดคนจะยิ่งมองว่าเหนือกว่าพระทั่วๆไปยิ่งพวกบรรดาลูกศิษย์นี่ยิ่งต้วดี ทั้งๆที่พระพยอมแกก็ช่วยสังคมมาโดยตลอด พระแต่ละคนที่มีคนเคารพต่างก็ใช้ยายพาหนะในการเดินทางสู่จุดสูงสุดด้านจิตวิญญาณ

ฟังธรรมหลวงตาแล้ว เบิกบาน เกิดปัญญา กราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ

ถ้าไม่รู้เรื่อง ก็จะเข้าใจกันเเบบนี้ครับผม เมาธรรม เมาครูบาอารจารย์ จะเป็นเเบบนี้

พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่ บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้

โสดาบันติมรรค โสดาบันติผล นี้คือ 1 คู่ พระแท้คือพระอาริยะเท่านั้น ส่วนพระที่บวชห่มผ้าเหลืองคือสมมุติที่สงฆ์ แม้แต่ฆราวาสที่สำเร็จเป็นพระโสดาบันขึ้นไป ก็ถือว่าเป็นพระอริยสงฆ์ของแท้เป็นเนื้อนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า 🙏🙏🙏

บางคนบอกว่าสอนหรือสวดเป็นภาษาบาลีจึงจะขลัง คนฟังเข้าใจไหมไม่สนใจ แล้วตีความผิดๆเลยเข้าใจผิดไปกันใหญ่

ฌาน (อ่านว่า ชาน)คือคำที่เขียนถูก ฌาน .ช,ฌ,,คือตัว ชอ..ฌาปนกิจ(ชาปะนะกิด)

การสวดระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยก็เป็นการเพียรสร้างบุญกุศลการภาวนาสวดมนต์ก็ทำให้จิตอยู่กับกุศลตอนสวดมนต์ทำให้จิตสงบจากอกุศลก็เป็นการสะสมบุญทางหนึ่งเพราะคนเรากว่าจะพ้นทุกข์ได้ก็ต้องสั่งสมบุญจ๊ะ

คนที่เข้าไม่ถึงจะเข้าใจเเบบนี้ครับ

คนไทยเรายังโง่งมงายมีเยอะ พระบ๊อง ๆ ยังเชื่อ พวกที่เกอะผ้าเหลืองเขาปั่นอยู่ คนกลุ่มนี้เขาคงไม่รู้จักคำว่า อัต ตา หิ อัตตะโนนาโถ หรอก

ท่านสอนถูกต้องแล้วค่ะถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้ามาฟังถ้ารู้ธรรมจริงอย่าคอมเม้นมาแบบนี้นานาจ้ตตังค่ะ

สร้างกรรมใหญ่แล้ว เวทนาๆ

จริตใครจริตมันเนาะ..คนขยันก็อยู่ร่วมคนขยัน..คนขี้เกียจก็อยู่กับคนขี้เกียจ..#ศึกษาพระพุทธศาสนามาไม่เคยมีในพระไตรปิฏกว่าไม่ให้พระสวดมนต์ไหว้พระ

จริงครับ ถ้าเปิดใจฟังจะรู้ว่าหลวงตาพูดมีแต่ข้ออรรถข้อธรรม คนปิดใจเข้าไม่ถึงธรรม กลับไปตำหนิ ปรามาส ด้อยค่าท่าน บาปกรรม

หลวงตาสอนทุกอย่างเป็นความจริงและถูกต้องสำหรับเรา

จริงค่ะ

จริงอย่างที่ท่านพูดแต่การนุ่งหม่และท่านั่งไม่สำรวม อารมย์สนุกเกิน

เพราะนั่งสมาธิมันง่าย มันสบาย สวดมนต์มันยาก ต้องพนมมือ ต้องท่องบทสวด ต้องนั่งพับเพียบสวด มันยาก พระที่ปฏิบัติไม่ถึงทำไมได้หรอก

สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณก็ดีมากแล้ว ส่วนใครนิยมมากกว่านั้นก็เชิญตามสบายเลย

ปฏิปทาไม่สมํ่าเสมอ ความขี้เกียจครอบ ความลังเลสงสัยเกิด กิเลสมารแทรก ต้องเพิ่มความเพียร ข้ามนิวรณ์

​@@Jerngserkการสวดมนต์จิงๆแล้วก็เพื่อจำบทสวด และเพื่อเรียนรู้สิ่งที่เราสวด ไม่ได้ช้วยอะไรอย่างอื่น แต่นิกายเถรวาท และนิกายต่างๆ สวดเป็นประเพณีไปแล้ว เลยลืมแก่นที่แท้จริงว่า เราสวดเพื่ออะไร บางคนบ้าบุญ ก็สวดเป็นร้อยรอบพันรอบ แต่ไม่รู้ความหมายในบทสวด ว่าหมายความว่าอะไร เพราะหวังแต่บุญ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราทำเพื่อบุญเพื่อกุศลนะ แต่ให้เราศึกษาคำสอนและนำมาปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุธรรมให้เข้าใจธรรม แต่ใครจะสวดเพื่อบุญกุศล ก็สวดไป มันเป็นกรรมของเขา ที่ขาดปัญญา

@@AkeTY24 ได้สุขภาพเขาวิจัยแล้วว่าการพูดคำสั้น อะๆ อุๆ อิๆ เอะๆ อะไรพวกนร้เป็นการบริหารปอด

คๆทำ

ผู้ที่ยังไม่ได้ฌาณ อย่าไปฝึก เพราะฝึกไปบางทีตายก่อนยังไม่ได้ฌาณ เสียเวลา สำหรับผู้ได้ฌาณ ควรนำฌาณ มาเป็นบาตรฐาน รองวิปัสสนา

สติต้องมาก่อน ทุกคนมีจิต แม้แต่คนบ้า ถ้าสติสัมปชัญญะไม่มี ก็ไม่ต่างจากคนบ้า