มีการร้องเรียนจากเจ้าของบัญชีธนาคารจำนวนมากว่า บัญชีของพวกเขาโดนตัดเงินทีละจำนวนน้อยๆ ครั้งละ 29-200 บาท แต่ถี่ๆ หลายรายการ โดยไม่มี SMS แจ้งเตือน
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการผูกบัญชีกับแอปเพื่อ ซื้อสินค้าบริการผ่านบัตรเดบิต และบัตรเครดิต แล้วมาตัดเงินจากบัญชีธนาคารอีกที บางรายกว่าจะรู้ตัวเสียเงินไปเกลี้ยงบัญชี ซึ่งมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเกือบสองหมื่นรายแล้ว
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เพจ Drama-addict นำข้อมูลของผู้เสียหายในเหตุการณ์นี้มาเผยแพร่ พร้อมระบุว่า “ลักษณะแบบนี้เหมือนการหักเงินจากแอป โดนสูบเงินรัวเลย กี่ยอดแล้ว ใครที่มีบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือเอาบัญชีไปผูกกับแอปสโตร์ใดๆ ไว้ ระวังนะครับ ตรวจสอบกันดีๆ ไม่งั้นหมดตัวได้จริงๆ”
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า “วันเดียวกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกสูบเงินออกจากบัญชีและบัตรเดบิต เพิ่มเป็นเกือบหมื่นคนแล้วเกิดอะไรขึ้น” และต่อมาโพสต์อีกว่า “ล่าสุดกลุ่มผู้เสียหายหมื่นเจ็ดจะหมื่นแปด คืนนี้น่าจะเกินสองหมื่น”
ทั้งนี้ผู้เสียหายในกรณีดังกล่าวได้รวมตัวกันตั้งกลุ่ม “แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว”เพื่อแชร์ประสบการณ์ความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีผู้เสียหายเข้าร่วมกลุ่มจำนวนกว่า 2 หมื่นรายแล้ว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับผู้เสียหายรายหนึ่ง ชื่อคุณผึ้ง เผยว่า บัญชีธนาคารที่ถูกตัดเงินเป็นบัญชีของสามีที่ไม่ค่อยได้ใช้งานแต่ล่าสุดจำเป็นต้องใช้บัญชีดังกล่าวในการจ่ายค่าสินค้า เมื่อเข้าแอปธนาคาร เห็นว่ายอดเงินหายไป จึงเข้าไปเช็ครายการเดินบัญชี (สเตจเม้นท์) ในแอป
พบว่ามีเงินออกครั้งละ 29 บาท จำนวน 231 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. มารู้ตัววันที่ 14 ต.ค. เสียหายจำนวน 6,699 บาทจึงรีบโอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าวทันที จากนั้นไปติดต่อธนาคาร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าเป็นการหักเงินชำระ โดยการหักบัตรเดบิตในการซื้อสินค้าออนไลน์ พร้อมถามว่าได้ผูกบัญชีกับแอปซื้อของออนไลน์บ้างหรือไม่ ตนจึงตอบไปว่าไม่มี เจ้าหน้าที่จึงขอเวลาตรวจสอบไม่เกิน 90 วัน พร้อมแนะนำให้ไปแจ้งความ
ตนแปลกใจมาก เพราะไม่เคยผูกบัญชีดังกล่าวกับแอปใดๆเลย และยังไม่มี SMS แจ้งเตือนเวลาเงินถูกหักออก หากไม่รู้ตัวก่อนคงโดนหักเงินหมดบัญชีแน่นอน ทั้งนี้ ตนมองว่าทางธนาคารน่าจะดูแลและรับผิดชอบบัญชีของลูกค้าให้มากกว่านี้ เพราะเหตุการลักษณะนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมาโดนกันเยอะในช่วงนี้ ซึ่งผู้เสียหายบางคนเงินหายไปหลักแสน รอธนาคารมาปีกว่าแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืนเลย
อีกกรณีของคุณอภิรักษ์ วิศวกรโรงงานแห่งหนึ่ง ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่สูญเงินจำนวนหลักแสนกว่าบาท เจ้าตัวเล่าว่า พบว่ามีรายการใช้บัตรเครดิต ช่วงเวลาประมาณ 04.10 น. - 04.13 น. วันที่ 16 ต.ค. รวมเวลาที่ถูกหักเงินออกไป ใช้ระยะเวลา 3 นาที สูญเงินจำนวนแสนกว่าบาท
โดยบิลแรก ถูกรูดเป็นสกุลเงินตุรกี ( TRY ) 2.00 ลีราตุรกี แล้วมีการยกเลิกรายการไป คล้ายกับว่าต้องการทดสอบ ว่าระบบสามารถตัดเงินได้จริงหรือไม่
จากนั้นมีบิลที่สอง เป็นเงินสกุลตุรกีเช่นเดิม รูดออกไป จำนวน 9,000 ลีราตุรกี หรือคิดเป็นเงินไทย 33,869.30 บาท / บิลที่สาม 21,000 ลีราตุรกี คิดเป็นเงินไทย 79,028.36 บาท พบว่าเป็นการจ่ายค่าโฆษณาผ่านเว็บเบราเซอร์หนึ่ง รวมวงเงินที่ถูกรูดไปโดยไม่รู้ตัว มากกว่า 100,000 บาท
เบื้องต้น คุณอภิรักษ์ นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่รับแจ้งความร้องทุกข์เนื่องจากหลักฐานยังไม่เพียงพอ คุณอภิรักษ์ จึงติดต่อธนาคารรอบที่ 3 ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งจะเร่งตรวจสอบภายใน 90 วัน ทำให้คุณอภิรักษ์เครียดมาก เพราะเงินในบัตรเครดิตถูกรูดใช้ไปจำนวนมาก
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : ch3plus.com/news/program/262279
-------------------------
#เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)
วันที่ 18 ตุลาคม 2564
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus : ch3plus.com/news/programs/mor...
facebook : / morningnewstv3
Twitter : / morningnewstv3
KZfaq : cutt.ly/MorningnewsTV3