ขอบคุณครับที่เข้ามาชมคลิป

ขอบคุณครับที่เข้ามาชมคลิป ทั้งยังได้แชร์คลิปด้วย

ผมทำเป็นคลิปลงไว้อยู่ครับ แต่ถ้าจะให้สะดวกก็สามารถสั่งซื้อแบบสำเร็จรูปได้ทาง แอปฯLazada ครับ

ขอบคุณครับ

ปัญหาใหญ่ของทุเรียนจะอยู่ที่ระบบราก ซึ่งเหตุปัจจัยที่มีอิธิพลต่อรากมากก็ได้แก่ เชื้อรา ปุ๋ย น้ำ ดิน 1.เชื้อราที่สำคัญ คือ เชื้อไฟธอปทอร่า เชื้อนี้จะก่อให้เกิดปัญหา ราเน่า โคเน่า ป้องกันได้ง่ายมาก โดยการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทิลิส (เชื้อBS) 2.ปุ๋ย ปุ๋ยเคมีไม่มีประโยชน์อะไรต่อดินเลย แต่จะมีประโยชน์ต่อพืชเท่านั้น เป็นเป็นธาตุอาหาร การใส่ปุ๋ยเคมีเยอะเกิน จะทำให้รากทุเรียนถูกทำลาย ความเค็มของปุ๋ยจะไปทำให้รายฝอยรากขนอ่อนช้ำ หรือลวก ทำให้กินน้ำกินอาหารไม่ได้ ต้นทุเรียนก็จะขาดน้ำขาดอาหาร จะเกิดอาการใบเหี่ยวเฉา ใบไหม้ ใบเหลือง สุดท้ายร่วงหล่น ตาย 3.น้ำ ทุเรียนเป็นพืช เปียกสลับแห้ง หมายถึง ทุเรียนต้องการน้ำมากก็จริง แต่ไม่ได้ต้องการตลอดเวลา การรดน้ำเช้าเย็น การรดน้ำทุกวัน จะทำให้ดินเปียกอยู่ตลอด ทุเรียนจะไม่สร้างราก เมื่อรากไม่เดิน ก็หาอาหารกินไม่พอ ส่งผลให้ยอดก็ไม่แตก ส่งผลต่อคือไม่โต วิธีแก้ รดน้ำให้เปียกเต็มที่ จากนั้นก็ปล่อยไปจนเห็นว่าหน้าดินแห้ง จึงให้รดน้ำในครั้งต่อไป ซึ่งก็จะตกอยู่ราวๆ 3 วัน/ครั้ง ช่วงที่ดินเริ่มแห้ง รากทุเรียนทีเคยได้รับน้ำมาอย่างง่ายๆ ก็จะเริ่มแสวงหาน้ำได้ยากขึ้น จะเกิดการกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างรากขึ้นมา เพื่อแสวงหาน้ำหาอาหารเพิ่มขึ้น เมื่อทุเรียนมีการสร้างรากเพิ่มขึ้น การแทงรากไกลออกไป ทีนี้พอเราให้น้ำให้อาหาร ทุเรียนก็จะได้รับอย่างเต็มที่ เกิดการแตกยอด โตเร็ว 4.ดิน พืชทุกอย่างต้องการเกิดในดินที่ดี ดินดีคือดินที่มีอินทรีย์วัตถุ น้ำ อากาศที่พอเหมาะ เมื่อ 3 อย่างพอเหมาะก็จะเกิดกระบวนการอื่นๆตามมา จะมีจุลินทรีย์เข้ามาย่อยสะลายอินทรีย์วัตถุ มีไส้เดือนเข้ามาอยู่อาศัยเพราะมีอาหารคืออินทรีย์วัตถุ มูลไส้เดือนก็จะเป็นอาหารชั้นดีของพืช ของเสียที่จุลินทรีย์ขับถ่ายออกมา คือเอนไซม์จะจะไปทำปฏิกิริยากับอินทรีย์วัตถุ แปรเปลี่ยนมาเป็นธาตุอาหาร ดินไม่ดีจะแก้อย่างไร ผมใช้วิธีขุดหลุมกว้างๆ ใส่ปุ๋ยคอก เศษซากอินทรีย์วัตถุต่างๆ คลุกลงไปในหลุม ใส่เชื้อไตรโครเดอร์มา หรือเชื้อ BS แล้วกลบหลุมไว้อย่างน้อย 1 เดือน จากนั้นทำการผสมดิน โดยการใส่ปุ๋ยคอก แกลบดิบเก่า เชื้อไตรโคเดอร์ม่า หรือเชื้อ BS (ถ้ามีแกลบดำด้วยยิ่งดี) คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วเอามาถมทับลงตรงหลุมให้เป็นโคกขึ้น ปล่อยทิ้งไว้จนเห็นว่ามีหญ้าขึ้นคลุมหมด ทีนี้ก็ลงมือปลูก การดูแลให้อาหารทุเรียน ข้อนี้อย่าไปใส่ใจมากนัก แต่ให้คอยดูแลใส่ใจต่อดิน หน้าที่ของเราคือ บำรุงดินให้ดี แล้วดินจะดูแลทุเรียนให้เรา

@@ABC-001 ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำดีๆ ถ้าผมปลูกแล้วมีปัญหาอะไรจะสอบอีกนะครับ🙏❤😊

ขอบคุณครับที่เข้ามาชมคลิป

ขอบคุณครับที่เข้ามาชมคลิป

ใช้ได้ครับ

ผมใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติครับ

ผงชูรส เป็นกรดชนิดหนึ่ง คือกรดเกลือกลูตาเมต มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนโครงสร้างของโปรตีน ให้กลายเป็นกรดอมิโน การใส่ผงชูรสในขั้นตอนการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงนั้น มันจะไปเปลี่ยนโครงสร้างของโปรตีนในไข่ขาว และความเป็นกรดได้หมดไปแล้ว นับแต่จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเริ่มเป็น ที่เราเห็นเป็นสีแดงๆนั้น คือซากของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่หมดอายุลงแล้ว ซึ่งในโครงสร้างของจุลินทรีย์นั้น จะประกอบไปด้วยโปรตีน ดังนั้น การเติมผงชูรสลงไปอีก ก็เพื่อให้ไปเปลี่ยนโครงสร้างของโปรตีน ที่อยู่ในซากของจุลินทรีย์นั่นเองครับ

@@ABC-001 เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่หมดอายุแล้ว ผมไม่เข้าใจครับ รู้แต่ว่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่ผมทำนั้นใส่ขวดเล็กและตากแดดร้อนจัดจนสีแดงกลายเป็นน้ำสีใส ผมจึงเข้าใจว่าเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงนี้ได้ตายไปแล้ว ใช่ไหมครับ ผมไม่เข้าใจคำว่าอาจารย์ที่บอกว่าจุลินทรีย์จุลินทรีย์สีแดงคือเชื้อที่หมดอายุแล้ว ครับ

ถ้ากลายเป็นสีใสๆ แสดงว่ามันหมดอายุการใช้งานแล้ว หมายถึงไม่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตอยู่ จึงไม่มีการตายอีก ส่วนตัวที่ตายใหม่ๆจะเป็นสีแดง ตัวนั้นจะมีธาตุอาหารต่างๆ และเมื่อเวลานานเข้า มันก็จะเสื่อม ประมาณว่าปุ๋ยหมดอายุการใช้งานครับ อนึ่ง หากเรามีจุลินทรียสังเคราะห์แสงที่ยังไม่ได้ใช้ ก็ควรเติมอาหารให้มันเรื่อยๆ มันก็จะยืดอายุการใช้งานออกไปเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่เราทำขึ้น จะมีอายุการใช้งานประมาณ 3 เดือน หากเราต้องการยืดอายุ ก็ให้เติมอาหารครับ

@@ABC-001 บางทฤษฎีก็บอกว่าเมื่อเป็นสีแดงเข้มด้วยก็สามารถใช้ได้เลยอาจจะหมัก 1 อาทิตย์หรือ 2 อาทิตย์ แต่บางทฤษฎีได้บอกไว้ว่าจะต้องหมักขั้นต่ำ 1 เดือน ค่อยนำมาใช้ นี่คือเรื่องจริงไหมครับอาจารย์

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ที่จริงแล้วมันมีอยู่ตามธรรมชาติทั่วไป ตามน้ำ อยู่ในดิน เรียกว่าอยู่รวมปนกันกับจุลินทรีย์อื่นๆ ทีนี้พอเรานำเอาน้ำจากองแหล่งน้ำธรรมชาติมาเพาะขยายเชื้อ จุลินทรีย์ชนิดอื่นๆก็ปะปนมาด้วยเหมือนกัน แต่ด้วยจุลทรีย์สังเคราะห์แสง จะกินซัลเฟอร์(กาซไข่เน่า)เป็นอาหาร ซึ่งก็ได้จากการที่เราใส่ไข่ และในกระบวนการขยายตัวของจุลินทรีย์ ก็อาศัยแสงสว่างด้วย ดังนั้น ด้วยปัจจัยที่เอื้อต่อการเจริญพันธุ์ขยายตัวกว่าชนิดอื่น ทำให้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าชนิดอื่นๆ และอายุของเซลล์ที่เกิดก่อนก็หมดลงก่อน ทำให้เรามองเห็นเป็นสี ซึ่งตัวนี้จะกลายเป็นอาหารพืช ส่วนเซลล์จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะขยายตัวแบ่งเซลล์ต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังมีปัจจัย คืออาหารและแสง เจ้าจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตนี้แหละ เมื่อเรานำไปใช้ จะเป็นตัวตรึงไนโตรเจนเอาไว้ในดิน หรือในน้ำ ส่วนการใช้ มันก็สามารถใช้ได้ตั้งแต่ที่เราทำได้2,3วันขึ้นไปเลยทีเดียว หากจำเป็น แต่ที่เขาแนะนำให้ใช้เมื่อผ่านไป 7 วันบ้าง หรือเดือนสองเดือนบ้างนั้น ข้อนี้ก็ขึ้นอยู่ว่า เรามีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ ซึ่งการใช้เมื่อจุลินทรีย์มีอายุนานเป็นเดือน เราย่อมได้ธาตุอาหารจากซากจุลินทรีย์เยอะกว่าครับ อนึ่ง ในเรื่องของทฤษฎีนั้น ก็ไม่แน่ครับ บางทีของผมอาจผิดก็ได้ เพราะผมก็จำมาจากการอ่านงานวิจัย ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเป็นของมหาวิทยาลัยอะไรครับ

ผมซื้อหัวเชื้อเอามาเพาะขยายเป็นเชื้อสดครับ (สั่งซื้อได้ตามเวปฯขายของออนไลน์ทั่วไป)

การขยายเชื้อทำยากใหมครับ

ผ่านสัปดาห์ที่ 2 ไปแล้ว ก็ประมาณสัปดาห์ที่ 3-4 กำลังเหมาะครับ

@@ABC-001 ขอบคุณสำหรับวิทยาทานนะคะ 🙏🙏🙏

ขอบคุณมากที่แสดงความเห็น ซึ่งผมก็เคารพในทุกความเห็นครับ ผงชูรส คือกรดเกลือกลูตาเมต มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนโครงสร้างของโปรตีน ให้กลายเป็นกรดอมิโน การเติมผงชูรสลงในน้ำหมักต่างๆ ก็โดยวัตถุประสงค์ ให้ไปเปลี่ยนโครงสร้างของโปรตีน ที่มีในน้ำหมักนั้นๆ โปรตีน เมื่อถูกย่อยด้วยจุลินทรีย์ จะกลายเป็นไนโตรเจน การใส่ผงชูรสในน้ำหมักนั้น ทางที่ถูกต้อง ควรใส่เมื่อจะนำน้ำหมักไปใช้ โดยให้ใส่แล้วหมักไว้สัก 1 วัน ในน้ำหมักที่ผ่านการหมักด้วยจุลินทรีย์ นอกจากจะมีธาตุอาหารต่างๆแล้ว ก็ยังมีซากของจุลินทรีย์อยู่จำนวนมหาศาล ซึ่งซากจุลินทรีย์เหล่านั้นจะมีโปรตีนเป็นโครงสร้างหลัก เมื่อเติมผงชูรสลงไป โปรตีนจาซากจุลินทรีย์ จึงถูกเปลี่ยนโครงสร้างไปเป็นกรดอมิโน ดังนั้น ในน้ำหมักนี้ จึงมีธาตุอาหารต่างๆ รวมทั้งกรดอมิโนด้วย

มีอยู่ครับ เดี๋ยวผมจะหาโอกาสทำคลิปให้ดูนะครับ