เติมได้ค่ะ เลือกสูตรที่ใช้ผสมดื่มกับกาแฟได้ยิ่งดีค่ะ

คาเฟอีน มีผลในการดูดซึมแร่ธาตุบางอย่าง เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี ธาตุเหล็ก หากดื่มกาแฟในปริมาณมากเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุเหล่านี้ไปค่ะ แนะนำให้ทานวิตามินหรือแร่ธาตุดังกล่าวเสริม โดยให้เว้นระยะห่างจากการดื่มกาแฟอย่างน้อย 2ชั่วโมง หรือเลือกรับประทานอาหารที่มีธาตุสังกะสี ธาตุเหล็กสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์,เครื่องในสัตว์, อาหารทะเล, ไข่แดง, ธัญพืชต่างๆ, ผักใบเขียวเข้ม ก็จะช่วยการป้องกันการสูญเสียแร่ธาตุในผู้ที่ดื่มกาแฟในปริมาณมากเป็นประจำได้ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างนะคะ เราขอส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

โดยปกติจะแนะนำทานยาห่างจาก ชา กาแฟ และนม ไม่แนะนำทานร่วมกัน เพราะคาเฟอีนมีผลต่อยาบางชนิดเช่น คาเฟอีนมีผลต่อสารเคลือบเม็ดยาอาจมีผลต่อรูปแบบการออกฤทธิ์ของยาจากลำไส้เป็นกระเพาะอาหารซึ่งใีผลต่อการรักษาโรค หรืออาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง นอกจากนี้คาเฟอีนทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น เมื่อรับประทานร่วมกับยาขับปัสสาวะอาจทำให้เกิดการขับปัสสาวะมากผิดปกติ หรือหากเป็นผู้ที่รับประทานยารักษาไมเกรนอยู่คาเฟอีนอาจกระตุ้นให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นได้ และอาจลดการดูดซึมยาบาง เช่น ยารักษาโรคไทรอยด์และกระดูกพรุน หรือมีปฏิกิริยากับยากบางกลุ่มเช่น ยากระตุ้นระบบประสาท ยาต้านการเกร็ดตัวของเลือด ยาต้านซึมเศร้า ยาฮอร์โมนค่ะ ไม่ทราบว่าคุณทานยากลุ่มไหนค่ะ ถ้าไม่มั่นใจสามารถ แอดไลน์ปรึกษาเภสัชกรได้นะครับ เรายินดีให้คำแนะนำแอดไลน์ Line : @HealthyMax bit.ly/3eZO3Wi

การดื่มกาแฟดำที่ไม่ผสม ครีมเทียม น้ำตาล หรือเติมนม ได้ทุกยี่ห้อครับ แต่หากต้องการคุณค่าจากกาแฟ เช่น กรดคลอโรจีนิกหรือกรดฟีนอลิก แนะนำทานแบบดริป สนใจปรึกษาด้านสุขภาพเพิ่มเติมเชิญแอดไลน์ปรึกษาเภสัชกรได้นะคะ เรายินดีให้คำแนะนำแอดไลน์ Line : @HealthyMax bit.ly/3eZO3Wi

สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างนะคะ เราขอส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

ขอบคุณมากค่ะ สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างนะคะ เราขอส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

หากต้องการคุณค่าของกาแฟที่แท้จริง ไม่แนะนำการทานผสมค่ะ เนื่องจากในบางเคสที่มีความเซนซิทีฟเรื่องอาหารสูงการเติมนมอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ หรือเกิดภาวะท้องอืดมีลมจากการที่ร่างกายไม่มีเอนไซม์ที่สามารถย่อยน้ำตาลในนมได้ และในข้อเท็จจริงด้านสุขภาพ นม 0% หรือไขมันต่ำไม่ได้เป็นมิตรต่อสุขภาพอย่างที่เราคิดค่ะ โดยเฉพาะนมวัวมีสาร เคซีน ซึงเป็นสารที่มีประโยชน์แต่มีข้อควรระวังเพราะสารก่อภูมิแพ้อาจกระตุ้นภาวะภูมิแพ้อื่นๆได้ หากต้องการทานคู่กับนมแนะนำจากพืช เช่น นมอัลมอนด์ แต่หากต้องการคุมพลังงานหรือทำ IF ไม่แนะนำเติมค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

ขอบคุณมากค่ะ สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างนะคะ เราขอส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เราจะนำไปปรับปรุงในคลิปต่อไปนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างนะคะ เราขอส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

สามารถส่งต่อบทความดีๆนี้ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้นะคะ ❤ชอบก็กดติดตามช่องเราได้นะคะ เรามีสาระสุขภาพดีๆอีกมากมายเลย😍#ไม่ประมาทการ์ดไม่ตก #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

ขอบคุณมากค่ะ สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างนะคะ เราขอส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

ยา fenafex ซึ่งมีตัวยาสำคัญ คือ fexofenadine ไม่มีข้อห้าม หรือ ข้อควรระวังในการรับประทานยากับกาแฟค่ะ ดังนั้นหากจำเป็นต้องรับประทานยาตัวนี้แล้ว ก็สามารถดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมได้ตามปกติ โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาค่ะ อย่างไรก็ดีนะคะ หากจำเป็นต้องรับประทานยา fenafex เครื่องดื่มที่ควรเลี่ยงในการดื่มพร้อมยา ได้แก่ เครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ เนื่องจากจะมีผลทำให้การดูดซึมของยาลดลงค่ะ

ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ทางเราจะนำไปพัฒนา ปรับปรุงคลิปต่อๆไปให้ดียิ่งขึ้นนะคะ เพื่อส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

ปกติภายใน 1 วัน เราควรได้รับคาเฟอีนไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งกาแฟ 1 ช้อนชาโดยส่วนใหญ่จะมีคาเฟอีนประมาณ 80 มิลลิกรัม ดังนั้นหากเราดื่มกาแฟโดยชงครั้งละ 2 ช้อนชา วันละ1 ครั้ง หลังอาหาร เราก็จะได้รับปริมาณคาเฟอีนประมาณ 160 มิลลิกรัม ซึ่งยังอยู่ในปริมาณที่จัดว่าไม่มากจนเกินปริมาณที่กำหนด อย่างไรก็ดี หากเราดื่มมากกว่าวันละ 1 ครั้ง ( ครั้งละ 2 ช้อนชา) ปริมาณคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับต่อวัน ก็จะได้รับมากเกิน 300 มิลลิกรัม ซึ่งหากได้รับมากกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือมากกกว่าที่เคยได้รับปกติ อาจส่งผลทำให้เกิดอาการมือไม้สั่น ใจสั่น กระวนกระวาย หงุดหงิด หรือนอนไม่หลับได้ค่ะ

เบื้องต้น การใช้ชุดตรวจที่มีการปนเปื้อนอาจมีความเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อได้ค่ะ แต่เนื่องจากผ่านมานานแล้วไม่พบอาการผิดปกติ อย่างไรก็ตามแอดมินขออนุญาตแนะนำให้ใช้ชุดตรวจ ATK ที่ถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่น่าเชื่อถือค่ะในครั้งถัดไป

@@HealthyMaxOfficial ผ่านมานานไม่มีอาการไรก็ไม่เป็นไรใช่ไหมครับจมูกติดเชื้ออาการเป็นยังไงหรอครับ

องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้กำหนดปริมาณคาเฟอีนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคือ ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน โดยทั่วไปแล้วกาแฟสำเร็จรูป 1 แก้ว ประกอบด้วยคาเฟอีนประมาณ 30-120 มิลลิกรัม แต่หากเป็นกาแฟชงสดจะมีคาเฟอีน 60-180 มิลลิกรัมต่อแก้ว ดังนั้นเพื่อให้ปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับไม่เกินปริมาณที่เหมาะสม เราจึงไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 1-2 แก้วต่อวันค่ะ

เรียน คุณเขมจิรา เพื่อให้ได้รับคำปรึกษาจากเภสัชกรอย่างละเอียด ทางเราขอรบกวนคุณเขมจิรา แจ้งเบอร์โทรศัพท์ทางช่องทาง LINE: @HealthyMax เพื่อทางเราจะทำการติดต่อกลับทันทีค่ะ

สามารถรับชมและลองนั่งของจริงได้ที่สาขานะคะ สบายมากก ^^

สามารถดื่มได้ปกตินะคะ หากไม่มีคำสั่งแพทย์ที่ห้ามดื่มจากโรคประจำตัวแต่ละบุคคล และดื่มในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ

ได้ค่ะ ในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ

หากเป็นก้านสำหรับตรวจทางจมูกตกแนะนำให้ใช้ชุดตรวจชุดใหม่ค่ะ แต่ถ้าเป็นหลอดสกัดตัวอย่าง บัฟเฟอร์ หรือแถบตรวจตกลงพื้น สามารถใช้ตรวจได้ตามปกติค่ะ(ในกรณีหาที่ตรวจใหม่ไม่ได้) แต่ถ้าหาชุดตรวจใหม่ได้ให้ใช้ชุดตรวจใหม่ค่ะ

@@HealthyMaxOfficial เป็นก้านที่ตรวจครับที่ทำตกพื้นที่สกปรกมีคนเดินไปมาฝนตกด้วยแต่พื้นแห้งแล้ว ผมกลัวจะเป็นไรครับ จมูกอีกข้างเป็นแผลด้วยครับ ไม่รู้ที่ตรวจหมดอายุป่าว

หากเป็นตามที่กล่าวมาข้างต้นคือทำถูกต้องแล้วค่ะ หมั่นล้างมือและทำความสะอาดผิวสัมผัส เช่น ราวจับ ลูกบิดประตู ด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์บ่อย ๆ และหากแยกห้องน้ำไม่ได้ควรใช้ห้องน้ำเป็นคนสุดท้ายและทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างนะคะ เราขอส่งมอบบทความสุขภาพที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่าลืม..กดติดตามกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ #สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต

ชนิดใดก็ได้ค่ะ ที่เราชื่นชอบหรือกินเป็นประจำอยู่แล้วก็ได้ค่ะ

ขอบคุณนะคะ เพราะสิ่งสำคัญคือเราต้องการให้ผู้ที่ได้ดู สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และบอกคนรอบข้างได้อีกด้วย ❤ ชอบก็กดติดตามช่องเราได้นะคะ เรามีสาระสุขภาพดีๆอีกมากมายเลย😍

การดื่มกาแฟตอนท้องว่าง จะทำให้กระเพาะหลังกรดมากขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะได้ หากจะดื่มกาแฟ ควรมีอาหารรองท้องสักหน่อย หาขนม อาจจะเป็นขนมปัง แซนวิช หรือใส่นม, น้ำตาล เพื่อลดความเข้มข้นของกาเฟอีนที่อยู่ในนั้น แต่ถ้าดีจริงๆ คือควรจะต้องมีอะไรอยู่ในท้องบ้างจะดีกว่า เพราะว่าอย่างน้อยมันลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหารของเรา

1. ชนิดของกาแฟที่แนะนำ แนะนำว่าหากเป็นไปได้ควรที่เลือกรับประทานกาแฟดำ ที่ไม่เติมอะไรเลย เพราะว่าการเติมนม น้ำตาล หรือครีมเทียมเพิ่มในกาแฟ จะเป็นการไปเพิ่มแคลลอรี่ในกาแฟให้มากเกินไป กาแฟเย็นที่ใส่นมและน้ำตาล อาจมีจำนวนแคลลอรี่ สูงถึง 300 กิโลแคลลอรี่ได้ ซึ่งส่งผลทำให้อ้วนง่าย ในส่วนของกาแฟดำที่เดิมนั้น จะเป็นแบบสกัดร้อน หรือสกัดเย็น ก็ได้ทั้ง 2 แบบ ข้อดีของกาแฟสกัดเย็นคือ มีความเป็นกรดที่น้อยกว่า ดังนั้น คนที่ดื่มกาแฟแล้วรู้สึกไม่สบายท้อง มีกรดไหลย้อน หรือเป็นโรคกระเพาะ การดื่มกาแฟสกัดเย็น ก็ช่วยให้รู้สึกสบายท้องมากกว่า ส่วนปริมาณาสารต้านอนุมูลอิสระนั้น จากการวิจัยพบว่า กาแฟแบบสกัดร้อน จะได้ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าค่ะ 2. องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้กำหนดปริมาณกาเฟอีนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคือ ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน ทำให้ 1 วันเราไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 2-3 แก้วค่ะ 3. ถ้าแต่ละวันดื่มกาแฟในปริมาณมากแล้ว ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทอื่นที่มีสารคาเฟอีน เช่น ชา โกโก้ ช๊อคโกแลต น้ำอัดลมที่ผลิตจากเมล็ดโคล่า อีกเพราะอาจจะไปเพิ่มคาเฟอีนในร่างกายให้มีมากเกินไปค่ะ 4. ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกดื่มกาแฟแบบออร์แกนิค ซึ่งจะปราศจากสารพิษ ยาฆ่าแมลง เพราะแม้จะยังมีหลักฐานไม่มากว่ามีผู้ได้รับสารพิษตกค้างจากการดื่มกาแฟมากน้อยเพียงใด แต่การกินกาแฟที่ปราศจากสารพิษตั้งแต่แรกก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ

กาแฟมีคาแฟอีนที่ทำให้มีความดันโลหิตสูงขึ้นได้ชั่วขณะ ส่วนกล้วยจะมีโพแทสเซียมสูง โดยการได้รับโพแทสเซียมมีรายงานว่าจะช่วยลดความดันโลหิตลงได้ ในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงที่รับประทานยาลดความดันอยู่ แต่ควบคุมระดับความดันได้สามารถรับประทานกาแฟและกล้วยได้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป แต่หากเป็นผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมาก, กำลังควบคุมความดัน หรือในระหว่างมีการปรับเปลี่ยนยาลดความดัน แนะนำให้ควรงดรับประทานกาแฟและกล้วยในปริมาณมากเป็นประจำ เพราะจะทำให้ควบคุมระดับความดันโลหิตได้ยากขึ้นค่ะ