บราวนีสูตรแรกของบทเรียนของเราจะเป็นบราวนีแบบดั้งเดิม (Classic Brownies)
Website ✅www.pholfoodmafia.com
ซึ่งมีเนื้อสัมผัสคล้ายเนื้อเค้กแต่ฉ่ำกว่าและมีรสชาติช็อกโกแลตเข้มข้น สำหรับส่วนประกอบของสูตรนี้มี แป้งเค้ก 130 กรัม, ผงฟู ½ ช้อนชา, เกลือ ½ ช้อนชา, ช็อกโกแลตแบบไม่หวาน 125 กรัม, เนย 135 กรัม, น้ำตาลทราย 320 กรัม, ไข่ไก่ 3 ฟอง และกลิ่นวนิลลา 2 ช้อนชา ตำแหน่งการอบบราวนีที่ดีที่สุดคือต้องให้ตะแกรงอยู่จุดที่ต่ำลงมาจากกลางเตาอบเล็กน้อย ถาดอบที่ใช้สำหรับทุกสูตรในวันนี้ต้องมีความสูงเล็กน้อย อย่างน้อยประมาณ 1 ½ นิ้ว ก่อนใส่ส่วนผสมต้องใช้กระดาษไขหรือฟอยล์รองในถาดก่อน พับให้กว้างเท่ากับขนาดตัวพิมพ์แล้วใส่ลงไปโดยต้องให้มีส่วนที่ยื่นจากถาดขึ้นมา เตรียมพิมพ์เสร็จก็เริ่มทำได้เลย สับช็อกโกแลตแล้วใส่รวมกับเนยในถ้วยที่ทนความร้อน นำไปละลายบนหม้อน้ำร้อน ส่วนประกอบต่อไปคือแป้ง ซึ่งสูตรนี้ใช้แป้งเค้ก
บราวนีสูตรที่สองของเราจะมีความเป็นเนื้อเค้กน้อยกว่าสูตรแรก แต่เนื้อสัมผัสจะหนึบหนับ เป็นสัมผัสที่คนส่วนใหญ่ชอบ ก็คือ Chewy Brownies นั่นเอง มือใหม่ที่เริ่มทำเองจากส่วนประกอบพื้นฐานมักจะทำได้ไม่ค่อยหนึบหนับ แต่จริงๆแล้วเคล็ดลับไม่ยากเลย อยู่ที่สัดส่วนของไขมันที่ถูกต้อง และส่วนประกอบที่ใช้ในการทำ Chewy Brownies มีดังนี้ ผงโกโก้ 40 กรัม, ผงกาแฟ 1 ช้อนชา, น้ำร้อน 100 มิลลิลิตร, ช็อกโกแลตแบบไม่หวาน 45 กรัม, น้ำมันรำข้าว 100 มิลลิลิตร, เนย(ละลาย) 2 ช้อนโต๊ะ, ไข่ไก่ 2 ฟอง, ไข่แดง 1 ฟอง, น้ำตาลทราย 375 กรัม, กลิ่นวนิลลา 1 ½ ช้อนชา, แป้งสาลีอเนกประสงค์ 185 กรัม, เกลือ ½ ช้อนชา และดาร์กช็อกโกแลต(แบบสับหยาบ) 125 กรัม ใช้กระดาษไขรองในพิมพ์ เวลาใช้กระดาษไขต้องทาเนยเล็กน้อยเพื่อให้มีตัวยึดถาด ถ้ากระดาษไขม้วนเข้ามาอาจทับหน้าบราวนีให้ใช้คลิปยึดไว้ โดยทั่วไปเวลาทำบราวนี่แบบดั้งเดิม คนจะใช้ไขมันอิ่มตัวอย่างเดียว(เนย) สำหรับสูตรนี้ต้องทดแทนบางส่วนด้วยไขมันไม่อิ่มตัวคือน้ำมันนั่นเอง เลือกใช้น้ำมันที่ไม่มีรสและไม่มีกลิ่น เช่น น้ำมันรำข้าว เนื่องจากส่วนประกอบไขมันมีสัดส่วนค่อนข้างสูง ดังนั้นควรเลือกช็อกโกแลตที่มีไขมันค่อนข้างต่ำ เราใช้ถึงสองตัวคือช็อกโกแลตแบบไม่หวานและผงโกโก้ ซึ่งในท้องตลาดจะมีอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรก Natural Cocoa Powder มีกรดค่อนข้างสูง เราจึงเลือกใช้อีกชนิดหนึ่ง Dutch-Processed Cocoa Powder ซึ่งผ่านการลดกรดมาแล้ว นำผงโก้ใส่ลงในชามผสม ใส่ผงกาแฟเพื่อดันรสให้โกโก้ให้เข้มข้นขึ้น(ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) ทำให้อิ่มตัวโดยใส่น้ำร้อนลงไป คนให้ละลายดี ใส่ช็อกโกแลตแบบไม่หวานที่สับแล้วและเนยละลายตามด้วยน้ำมันรำข้าว จะเห็นว่าส่วนผสมเป็นลิ่มๆไม่เข้ากัน ใส่ไข่ 2 ฟองและไข่แดง 1 ฟองที่ฟองที่ใช้ไข่แดงอย่างเดียวเพราะก่อนหน้าเราได้เติมน้ำร้อนลงไปซึ่งทำให้ของเหลวเพียงพอแล้วจึงต้องลดไข่ขาวลง โดยใส่ลงไปทีละฟอง ไข่แดงจะทำให้ส่วนผสมรวมตัวได้ดีขึ้น ใส่น้ำตาลทรายตามด้วยกลิ่นวนิลลาแล้วคนผสมให้เข้ากัน จะเห็นว่าส่วนประกอบมีความหนึบ พักไว้แล้วไปเตรียมส่วนประกอบของแห้ง ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์และเกลือลงกระดาษไขแล้วนำไปใส่รวมกัน ใช้พายยางคนให้เข้ากัน เทียบกับบราวนีสูตรแรกจะเห็นว่าสูตรนี้สีเข้มกว่า ส่วนผสมสุดท้ายที่เราจะใส่คือดาร์กช็อกโกแลต จะใส่ไปทั้งแบบสับหยาบ เมื่อนำไปอบจะละลายกระจายเป็นจุดๆซึ่งจะช่วยให้เนื้อสัมผัสหนึบและชุ่มฉ่ำมากขึ้นไปอีก ใส่แล้วคนให้พอกระจาย เทใส่ถาดโดยทิ้งตัวลงสูงๆ อบโดยใช้ 175 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 35 นาที อบเสร็จนำออกมาจะเห็นว่าผิวหน้าสีเข้มกว่าสูตรก่อนหน้า เนื้อสัมผัสจะหนึบหนับ เมื่อสังเกตใกล้ๆจะเห็นว่าตัวดาร์กช็อกโกแลตละลายเป็นหย่อมๆอีกด้วย
อายุการเก็บของบราวนีทุกตัวสามารถเก็บได้ถึง 1 สัปดาห์ แต่จะอร่อยที่สุดใน 3 วันแรก บราวนีสองสูตรแรกคือ Classic และ Chewy สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง แต่สูตรสุดท้ายควรเก็บในตู้เย็น และทุกสูตรจะคงความสดใหม่เสมอเมื่อเราเก็บในกล่องสุญญากาศ ทั้งสามสูตรแม้จะมีหน้าตาและสีสันที่คล้ายกัน แต่เนื้อสัมผัสต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชอบแบบไหนลองทำกันดู และนี่คือเรื่องราวของบทเรียนบราวนีใน My Cooking School 101
เอกสารประกอบการเรียน Download ได้ที่
bit.ly/2Y8v1Vz
Facebook ✅ / pholfoodmafia
Instagram ✅ / pholfoodmafia
Twitter ✅ / pholfoodmafia
#บราวนี่ # Brownies #สอนทำอาหาร #สูตรอาหารอร่อย #พลพรรคนักปรุง