Рет қаралды 35,684
ทำความรู้จัก ภาวะก่อนเบาหวาน
ภาวะก่อนเบาหวาน หมายถึง ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินเกณฑ์ ส่วนใหญ่มักจะเกิดร่วมกับโรคอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วน หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานในอนาคต รวมไปถึงอาจเกิดโรคแทรกซ้อนเหมือนผู้ป่วยเบาหวาน อาทิ จอประสาทตาเสื่อม เส้นประสาทเสื่อม และโรคหลอดเลือดหัวใจ
เมื่อไหร่จะเรียกว่าเป็นภาวะ “ก่อนเบาหวาน”
ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 6 ชม. อยู่ระหว่าง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ระดับน้ำตาลหลังรับประทานน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม ที่ 2 ชั่วโมง อยู่ระหว่าง 140-199 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ค่าน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดอยู่ระหว่าง 5.7-6.4%
ปัจจัยเสี่ยง ภาวะ “ก่อนเบาหวาน”
สามารถแบ่งออกเป็น 3 ปัจจัย ได้แก่
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น อายุ เชื้อชาติ ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน เช่น พ่อแม่ พี่น้อง
1. เลือกรับประทานอาหาร อะไรที่นำเข้าปากล้วนมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเสมอ ควรกินอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ในสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้กินอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต โฮลเกรน หรือขนมปังโฮลวีต เนื่องจากไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากการเลือกรับประทานอาหารแล้ว สารอาหารบางชนิดที่จำเพาะเจาะจงยังมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ และอาจช่วยชดเชยการทานยาเคมีเพื่อลดภาระให้ไต เช่น กลุ่มสารสกัดจากธรรมชาติ 5 ชนิด ได้แก่ อบเชย,ชาเขียว,ปัญจขันธ์,ขมิ้นชัน และ OPCs (Oligomeric Proanthocyanidins) ที่ล้วนมีข้อมูลทางการแพทย์สนับสนุนว่าช่วยควบคุมระดับน้ำตาล
2. ออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ทำให้ร่างกายนำพลังงานไปใช้ ซึ่งหมายถึงน้ำตาลที่อยู่ในเลือดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดควรระมัดระวังในการเลือกประเภทของการออกกำลังกายด้วย โดยอาจขอคำแนะนำจากแพทย์ในเบื้องต้น และผู้ป่วยเบาหวานที่ตรวจพบคีโตนในปัสสาวะไม่ควรออกกำลังกาย
3. จัดการกับความเครียด เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ทิซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิวของหวาน และทำให้ฮอร์โมนกลูคากอน ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและเพิ่มกลูโคสในกระแสเลือดถูกหลั่งออกมามากกว่าปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น การมีอารมณ์ดี ไม่เครียด จึงเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
4. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งได้ นอกจากนี้ยังไม่ควรนอนดึก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และฮอร์โมนต่างๆ หลั่งออกมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่อ่อนเพลียง่าย มีอารมณ์แจ่มใสและไม่เครียด ทำให้ไม่รู้สึกอยากกินของหวาน