Рет қаралды 21,761
อยากเช็คเหรียญหล่อโบราณ เช็คค่าโลหะในพระเก่าอยากรู้อะไร คำตอบที่ทุกคนตอบมาคือ จะได้รู้ว่าแท้หรือไม่แท้ คลิปนี้เรามาดูกันนะครับว่า
การสแกนตรวจค่าโลหะ เราจะได้คำตอบเรื่องแท้หรือไม่แท้หรือไม่
และพระที่สร้างในวาระเดียวกัน ต้องได้ค่าโลหะใกล้เคียงกันแค่ไหน
คลิปนี้ เข้าใจทั้งหมด
สำหรับเนื้อโลหะ ๔ มีนาจะเรียกเป็น ทองผสมโบราณ และทองเหลืองโรงงานและเมื่อเราพูดถึงพระรูปหล่อหรือเหรียญหล่อ ที่สร้างด้วยวิธีโบราณ ปีลึกๆ ที่สร้างก่อนปี พ.ศ.๒๕๐๐ โดยเฉพาะเหรียญที่มีพิธีการสร้างใหญ่ มีการผสมวลสารชนวนเก่า มีการถวายทอง เงินหรือนาคจากผู้ร่วมทำบุญสร้างพระหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นเนื้อทองผสม ส่วนทองเหลืองโรงงานก็เป็นการนำทองแดง สังกะสี และแร่อื่นๆ แล้วแต่สูตรมาหลอมรวมกันผ่านเครื่อง ซึ่งทั้งทองแดงและสังกะสีที่เป็นโลหะหลัก ต่างก็ผ่านกรรมวิธีโรงงานมาแล้ว เมื่อนำมาหลอมรวมกันให้เป็นทองเหลืองด้วยเครื่องจักร ความร้อนสูงและคงที่ จึงได้เป็นทองเหลืองอุตสาหกรรม #พระเครื่อง
ดังนั้นคำถามที่ว่า การตรวจค่าโลหะ เราจะได้อะไรบ้าง สิ่งที่จะได้รู้ก็คือ รู้ว่ามีอะไรเป็นส่วนผสม แค่นั้นครับ เพราะถ้าเป็นพระเก่าเนื้อทองผสม แท้ เราจะพบทองแดง สังกะสี ทองคำและแร่แฝงต่างๆ ส่วนพระเนื้อทองเหลืองโรงงาน เราก็จะพบ ทองแดง สังกะสี แร่ที่ผสมรวมเข้าไปเหมือนกัน ส่วนทองคำ อาจจะมีได้ ถ้าคนทำเค้ารู้ว่ามีคนจ่าย อย่าลืมนะครับ ทองเหลืองไม่มีและไม่เคยมีในธรรมชาติ ตรวจค่ายังไงก็เจอทองแดงและสังกะสี เมื่อทองเหลืองเป็นโลหะผสมในตัวเอง และมีทองแดงเป็นส่วนผสมที่มากที่สุด เครื่องก็ตรวจเจอทองเหลืองไม่ได้ เอาทองเหลืองใหม่ไปตรวจค่าก็เจอทองแดง สังกะสีและอื่นๆ อยู่ดี รู้ส่วนผสมว่ามีอะไรบ้างแล้วยังไงต่อ เพราะฉะนั้นการแยกค่าโลหะจึงไม่สามารถแยกเก๊แท้ได้เลย มาฟังเหตุผลกันต่อนะครับ คลิปนี้ เข้าใจทั้งหมด #วัตถุมงคล
ลองนึกภาพดูนะครับ ความร้อนจากการสร้างแบบหล่อโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเตาฟืน เตาถ่าน ส่วนหล่อเหวี่ยงโรงงานเป็นการหล่อเครื่องที่ใช้ความร้อนได้สูงมาก ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ หล่อโบราณใช้ขี้ผึ้ง หล่อโรงงานใช้แว๊กส์ หล่อโบราณพอกดินเบ้าแล้วแต่สูตร หล่อเหวี่ยงโรงงานใช้ปูนซีเมนต์หรือซิลิโคน พระที่ได้จากวิธีการสร้างทั้ง ๒ แบบ จึงมีธรรมชาติที่ต่างกันมากๆ และธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนองค์พระก็คือสิ่งที่จะบอกว่าเป็นพระสร้างถูกหลัก ถูกยุคหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อพระเหี่ยวย่นจากความอ่อนตัวของขี้ผึ้งประกบและกดด้วยดินเบ้า กระแสโลหะที่ผสมอยู่ในเนื้อพระ หรือรอยหลุมตามดจากการเทโลหะลงในเบ้า และที่สำคัญที่สุดของที่สุดก็คือ ออกไซด์ ที่ต้องเกิดขึ้นบนโลหะตามอายุที่ไม่มีไม่ได้ เพราะเผื่อเจอพระเก๊ที่ลงทุนสร้างแบบหล่อโบราณมาจริงๆ เพราะฉะนั้นทองเหลืองล้วนๆ ผิวตึงๆ จะไม่ใช่ธรรมชาติหล่อโบราณ หรือจะแต่งมาสึกๆ แต่ถ้าเห็นผิวทองเหลืองยังเป็นทองเหลืองไม่มีออกไซด์คลุมผิว ไม่ว่ายังไงก็เป็นพระหล่อโบราณเก่าที่ผ่านอายุมาไม่ได้ ว่ากันตามหลักธรรมชาติ คลิปนี้ เข้าใจทั้งหมด
ส่วนคำถามที่ว่า ต้องเข้าใจว่าพระที่หล่อสร้างในวาระเดียวกัน ต้องมีส่วนผสมใกล้เคียงกันหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่จำเป็นเลย ครับ การนำโลหะหลายชนิดมาหลอมรวมกันด้วยการให้ความร้อนแบบหล่อโบราณ ด้วยอุณหภูมิที่ไม่ได้สม่ำเสมอตลอดเวลา โลหะแต่ละชนิดมีความหนาแน่นและจุดหลอมละลายไม่เท่ากัน อุณหภูมิเบ้าโลหะด้านล่างก็สูงกว่าด้านบน โลหะที่ความหนาแน่นสูงก็จะหนักกว่าและอยู่ด้านล่างได้มากกว่าตามหลักธรรมชาติ เรายังไม่พูดถึงลำดับในการใส่โลหะแต่ละชนิดลงไปในเบ้าหลอม การเขย่าเบ้าด้วยมือคนอาจจะมีบ้างในระหว่างการคีบเบ้าโลหะหลอมละลายที่กำลังเดือดเพื่อไปเทลงในเบ้าพิมพ์ แต่ไม่ใช่การหล่อเหวี่ยงด้วยเครื่องที่โลหะจะผสมเข้ากันทั้งหมดแน่นอน
และปัญหาใหญ่ที่สุดในการดูพระแท้ เมื่อหุ่นเทียนทำด้วยมือคน เข้าดินเบ้าด้วยมือทีละองค์หรือทีละช่อ การท่องจำตำหนิจึงใช้เป็นคำตอบในพระหล่อโบราณไม่ได้ เหมือนกันกับการท่องจำเนื้อ เพราะการใส่โลหะแต่ละประเภท การให้ไฟตลอดเวลาที่หลอม จนถึงการยกเทโลหะหลอมละลายด้วยมือลงในเบ้าพิมพ์แต่ละเบ้า เมื่อส่วนผสมและความร้อนเท่ากันไม่ได้ในทุกองค์ การเปลี่ยนสภาพหรือการเกิดออกไซด์ที่เราเห็นในปัจจุบันจึงไม่เหมือนกัน พระที่หล่อในวัดจึงเหมือนกันทั้งหมดไม่ได้ทั้งเนื้อและจุดตำหนิที่เกิดขึ้น อย่าลืมนะครับพระหล่อโบราณ หล่อที่วัด ไม่ใช่หล่อที่โรงงานนะครับ
เวลาที่เราศึกษาข้อมูลบันทึกการสร้างพระเก่าๆ หลายๆ คร้ังเราจะเห็นประโยคที่ว่า เนื้อพระออกเป็นสีทองสุกอร่ามเหมือนทองเหลือง แล้วถ้าเป็นแบบนี้จะต้องคิดยังไง คำตอบของ ๔ มีนาคือ ถูกครับ แต่ก็ต้องคิดว่าพระผ่านอายุมาเป็นร้อยปีแล้ว การเปลี่ยนสภาพตามอายุตามธรรมชาติเป็นสิ่งที่ต้องมี การอธิบายพระหล่อที่สร้างเสร็จเมื่อร้อยกว่าปีก่อน กับการดูพระองค์นั้นในปัจจุบันเป็นคนละเรื่อง ถ้าสภาพยังเหมือนเดิม ก็ผิดธรรมชาติสิครับ คนทำเก๊เค้าก็สร้างตามที่มีการบันทึกไว้ แต่ลืมใส่ความรู้เข้าไปด้วย
คลิปนี้ เข้าใจเลย เมื่อเราใช้หลักธรรมชาติในการดูพระ ทุกคำถามจะมีคำตอบ ปัญหาต่างๆ จะมีทางออก ไม่เสร็จทุกราย เพราะเราจะไม่อิงคนหรืออิงพวก แต่จะดูธรรมชาติบนองค์พระตามความเป็นจริง
หวังว่าพี่ๆ เพื่อนๆ จะได้คำตอบก่อนจะไปเสียเงินกันนะครับ คลิปเดียวเข้าใจ
เหล่านี้คือหลักธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนเมื่อองค์พระเกิดการออกซิไดซ์กับอากาศ ผ่านความร้อน ความเย็น เกิดความชื้นแล้วแห้งไป วนอยู่แบบนี้ทุกวันๆ สะสมตัวเป็นร้อยปี ด้วยวิธีการสร้างแบบหล่อโบราณ ถ้าไม่มีก็คือผิดหลักการสร้าง ผิดอายุ และผิดธรรมชาติ ส่วนจะเก๊หรือแท้ก็ขึ้นอยู่กับว่ายังจะเลือกเก็บพระแบบไหน
และก่อนที่พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ศึกษาพระแท้ตามหลักธรรมชาติจะนำพระไปเสียเงินตรวจ ต้องรู้เรื่องนี้ก่อนนะครับ ไม่งั้นได้ค่าโลหะมาก็ไม่มีคำตอบอะไรอยู่ดี นักสะสมพระเครื่องรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้น ใช้ความรู้ ไม่ได้ใช้ความเชื่อ เค้าเรียนรู้ส่ิงเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ขอให้ทุกคนสะสมพระเครื่องอย่างมีความสุขนะครับ
คลิปนี้ เข้าใจทั้งหมด