อันนี้เห็นด้วย เมืองหลวงต้องเป็นเมืองที่สวยงาม สงบ มีการออกแบบถนน อาคารก่อสร้าง และเน้นพื้นที่สีเขียว ส่วนกรุงเทพ ก็ให้เป็นเมืองเศรษฐกิจ

ถ้าเรากระจายความเจริญไปสู่หัวเมืองต่างๆของแต่ละภาค สร้างความเจริญไปพร้อมๆกันเหมือนเมกา เรื่องการย้ายเมืองหลวงก็จะลดความสำคัญลงไป

แอด เป็นคนที่คิดรอบด้าน ไม่กระโตกกระตาก ทำให้ผมคิดตามแล้ว สบายใจกว่าที่คิด ไม่เหมือน บ่างช่อง มาถึงบอกกรุงเทพจะจมน้ำ อ่านแล้วตกใจ เลย

ที่ดินในกทม.เป็นของอภิสิทธิ์ชนและทุนผูกขาดในเครือข่ายอุปถัมภ์มากมาย งบประมาณเพื่อพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานทุ่มแบบโตเดี่ยว มูลค่าสินทรัพย์มหาศาล พิจารณาจากการจัดสรรงบประมาณ แม้ กทม.จะมีปัญหามานาน คงยากที่จะย้ายไปไหน แม้โดยหลักการที่นำเสนอจะสมเหตุสมผลก็ตาม เป็นเรื่องอำนาจและผลประโยชน์เป็นหลักครับ

ต้องกล้าเสียสละครับ..ถ้าคิดเผื่อลูกหลาน ต้องกล้าเปลี่ยนครับ ตำแหน่งใหนที่เหมาะสม ระบบน้ำต้องรองรับการขยายตัวของเมือง ไฟฟ้าต้องรองรับการขยายตัวของเมือง การขนส่งต้องลิ๊งกับทุกภูมิภาคแบบรวดเร็ว กรุงเทพไม่ใช่เมืองหลวงยังไงมันก็เติบโตเพราะตำแหน่งมันเอื้อหลายอย่าง อีกอย่างโหรหลวงว่าไง ราชวงศ์เห็นชอบมั้ย ต้องฟังนะ เพราะมันสำคัญต่อระบบกษัตริย์ในทางไสยศาสตร์นะ สรุป..ทำเถอะ..ต้องใจกว้างและเสียสละมากๆนะ เพื่อลูกหลาน

สระบุรี + นครนายก เหมาะสมที่สุด ทั้งชัยภูมิ ที่ตั้ง ไม่ไกลจากท่าเรือ มีภูเขา มีอากาศเย็นสบาย พื้นที่มีหลากหลายมิติ น้ำไม่ท่วมแน่นอน ที่สำคัญ สร้างแล้ว แบ่ง ก้อนเค้ก ให้แต่ละคนกินพอดีคำ น้ำไม่ท่วม..ใจ แน่นอน

ถ้าใช้คำว่าย้ายเมืองหลวงเมื่อใด รับรองว่าไปไม่รอดครับ สำหรับเมืองต้องต้องเน้นว่าสร้างเมืองหลวงแห่งที่สอง ความรู้สึกต่อต้านจะไม่มีหรือถ้ามีก็น้อยมากๆ ปัจจุบันก่อนสร้างเมืองหลวงแห่งที่2 สิ่งที่ควรทำก่อนคือการปิดท่าเรือคลองเตยที่เปนต้นเหตุของความแออัด ย้ายกรมอู่หรือทหารเรือทั้งหมดให้ไปรวมที่สัตหีบ กองทัพอากาศย้ายจากดอนเมืองเอาไปรวมที่สนามบินกำแพงแสน และย้ายกองทัพบกไปอยู่สระบุรีหรือปราจีนบุรี รวมทั้งส่วนราชการพลเรือนต่างๆที่ไม่มีความเกี่ยวพันหรือมีปชช.ต้องติดต่อก็ควรย้ายออกไปให้หมดเพื่อให้กท.มันหลวมมากกว่านี้ครับ

ควรย้ายได้แล้ว เริ่มจากสถานศึกษา ศูนย์ราชการ ให้เมืองเก่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว การค้า

ภาคอีสานก็ไกลอากาศก็ร้อนน้ำท่วมภัยแลง ภาคเหนือก็ไกลเข้าถึงลำบากและก็ไม่มีจังหวังไหนใหญ่และเจริญเลย ภาคใต้ก็ไกลใกล้ทะเลเกินอนาคตก็เสี่ยงหลายอย่าง ย้ายมาอยู่ปทุมธานีบ้านผมดีสุดมีความพร้อมทุกด้าน ความเจริญก็น้องๆกรุงเทพ พร้อมรองรับทุกอย่าง

ย้ายมาอยู่ที่ชลบุรีสิ ฝนตกแรงน้อยมากปีละไม่เกิน 3-4 ครั้งต่อปี น้ำท่วมไม่มีปัญหา ในที่ชลบุรี แผ่นดินไม่มียุบ ไม่มีแผ่นไหว ไม่มีพายุผ่าน อากาศไม่หนาว ภูเขาเหมาะสมกับเมืองหลวงใหม่ การจารจรคล่อง มีถนนหลายสาย เดินทางสะดวก มีสนามบินอู่ตะเภา ใกล้บางแสน พัทยา เป็นจุดศูนย์ทางคมนาคม คำว่าจมทะลไม่มี การเกิดสึรามิ ไม่มี ทุกอย่างเหมาะสมที่สุด

ขอเสนอที่อ.ชัยบาดาล ลพบุรี ครับเหมาะสมที่สุด มีแม่น้ำป่าสัก มีอ่างเก็บน้ำมีน้ำใช้ เป็นที่สูงน้ำไม่ท่วมแน่นอน ดร.อาจ อง ชุมสาย นักวิทย์ฯของนาซ่าฯยังมาตั้งโรงเรียนที่นี่เลยเพื่อหนีน้ำท่วม รัฐสภายังคิดจะมาตั้งที่เขื่อนป่าสัก วิวสวยงาม ธรรมชาติสวยงาม อีกที่นครนายกแต่เขื่อนขุนด่านฯน้ำมีน้อยกว่าเขื่อนป่าสัก แต่จะเป็นการทำล่ายเขตเกษตร

กลับมาดติดตามต่อ หลังจากเข้ารูปเข้ารอยเดิม ตอนพูดเนื้อหาคริบโตรู้สึกถึงความกระหายที่เยอะเกินไปเลยกดเลิกติดตาม

ถ้าเราพ่วงเขื่อนซิงค์ยักษ์ขวางทะเลเข้าไปในโครงการสะพานข้ามอ่าวไทยเลือกเส้นด้านบนที่สั้นกว่า บริหารจัดการง่ายกว่า ใช้งบน้อยลง ระยะไม่เกิน 86 km.เอาถนนวางได้หลายแบบ ทั้ง Motor Ways รถไฟรางคู่แบบรางกว้าง จุดพักท่องเที่ยว-ชมวิว Solar Cells ลอยน้ำจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับปั๊มน้ำเพื่อการพร่องน้ำในซิงค์ยักษ์ได้แบบ 24 ชม.รวมทั้งเดินเครื่องระบบบำบัดน้ำเสียในทะเลสาบน้ำจืดที่จะเกิดขึ้นมาใหม่มาแทนที่ทะเลน้ำเค็มแบบดั้งเดิม ภายใน 3-5 ปี ใช้มวลน้ำหลากที่ไหลลงมาที่ปากแม่น้ำในแต่ละปี มาค่อยๆเจือกับน้ำเค็ม แล้วสูบออกๆ ไปเรื่อยๆ จนได้น้ำจืดในที่สุด ส่งผลได้น้ำจืดจำนวนมหาศาลในราคาไม่แพงส่งไปใช้ในเขตอุตสาหกรรม-ครัวเรือน ซีกตะวันออกได้แบบไม่มีหมด แถมถึงตอนนั้นมันก็ไม่แพงแล้วละครับ ส่วนที่ท่านผู้ว่าฯ เร่งลอกท่อ คู คลอง ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ก็เห็นแล้วว่าทำเพียงเท่านี้อย่างไรก็ยังไม่พอครับ ยิ่งคืนวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา บอกมีน้ำทะเลหนุนระบายมวลน้ำจากคลองลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ยากมากๆ เมื่อคลองระบายไม่ได้ พร่องน้ำไม่ได้ บ่อสูบชั้นดีจำนวนนับร้อยบ่อสูบจาก ทั้งหมด 300 กว่าแห่ง ก็จมใต้น้ำจนหมด ปั๊มน้ำดีๆ ตัวโตๆ จึงไม่มีประโยชน์เลย สูบออก น้ำมันก็วนล้นคลองขึ้นมาบนถนน และชุมชนได้อยู่ดี หลายปีที่ผ่านมา เคยออกไปเดินสำรวจมาทั้งหมดแล้วครับ โดยเฉพาะตอนที่ฝนตกหนักๆ เห็นระดับน้ำในคลองแล้วก็ตกใจ แม้ในเดือนเมษายน ฤดูแล้ง น้ำทะเลไม่มีหนุน ก็ยังไม่มีเว้น ผมถึงได้พยายามค้นหาวิธีแก้ไขมาให้ทั้งหมดแล้ว เบื้องต้น รวม 3 ขั้นตอน ต้องทำให้ครบอย่างน้อย 2 ใน 3 ในตอนนี้ถึงจะพอสู้กับมันได้ 1.เร่งพร่องน้ำในคลองทุกสายเป็นสิ่งแรกๆ -ทำซิ้งค์ใหญ่ที่ปากคลองทุกเส้น เพิ่มปั๊มน้ำ เร่งพร่องน้ำล่วงหน้าในคลองทุกเส้น -จุดลอกคลอง ขยายความกว้าง ความลึก หรือเพื่อความสูงของขอบตลิ่ง ดูแบบของประเทศอื่นๆ ที่ลำคลองมีขนาดใหญ่กว่าของเรามาก -เร่งหาที่ซ่อนมวลน้ำ หรืออาจะเรียกแก้มลิง ทั้งระบบเปิด และระบบปิด ใช้ พท.ตลอดแนวริมคลอง ทุกๆ 3-5 km. -เร่งทำ ค้นหาซิ้งค์ใหญ่ แก้มลิงใหญ่ นำไปต่อเชื่อมกับอุโมงค์ยักษ์ และคลองต่างๆ ตามที่เสนอไปแล้วเช่น บ่อฝรั่งแถวๆ เขตบางซื่อติดกับแนวคลองเปรมฯ ฯลฯ 2.ปรับปรุงบ่อสูบให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ใช่จมใต้น้ำตลอดเวลาที่ฝนตก จนเป็นที่มาน้ำรอระบาย จริงต้องพูดว่า นอนรอระบาย เพราะ จนท.เค้าจะปิดเครื่องสูบ แล้วรอเวลาจนกว่าฝนจะหยุดตก น้ำในคลองเริ่มพร่องได้บ้าง 3.อันนี้งานใหญ่ใช้งบมาก นั่นคือ ซิงค์ยักษ์ในทะเล ถ้าได้สิ่งนี้ น้ำทะเลหนุน น้ำเหนือหลาก ก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป สู้กับมวลน้ำได้อีกนานนับร้อยปี แถมยังจะได้ระบบขนส่งทางราง ทางรถยนต์เพิ่มขึ้นมา ได้แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ส่งไปใช้ในภาคตะวันออก แหล่งอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้มากมาย ฯลฯ ถ้าได้แบบนี้ อีก 100 ปีก็สู้ได้ครับ ยังไม่ต้องย้ายหนี

นครสวรรค์(อยู่กลางประเทศ รถทัวร์-รถไฟสายเชียงใหม่-เชียงรายผ่าน อนาคตมีรถไฟสายแม่สอด-นครพนมตัดผ่านอีก สามารถลงภาคใต้ผ่านอุทัยธานี-สุพรรณบุรี-นครปฐมได้ สายตะวันออกรถทัวร์นครชัยแอร์ก็ผ่านลงไปมอเตอร์เวย์ลงไปพ้ทยา-ระยองได้ สายอิสาน ปัจจุบันรถทัวร์นครชัยทัวร์โคราช-นครสวรรค์ก็วิ่งผ่านได้ ) เพชรบูรณ์ ฉะเชิงเทรา ฯเมืองไหนเหมาะสม ลองพิจารณาดูครับ

อธิบายดีมากครับ ฟังแล้วเข้าใจ,ชัดเจนครับ

ศูนย์ราชการจังหวัดก็ออกไปตั้งรอบนอกตัวเมือง แทบจะทุกจังหวัดแล้ว รอ กทม.นี่แหล่ะ ยังจะปล่อยให้รวมศูนย์ราชการและศูนย์เศรษฐกิจของ ปท. น่าจะรีบย้ายรีบทำ อย่ารอแต่จะแก้ปัญหารายปี หมดงบไปโดยแทบจะไม่คุ้ม เท่าไหร่แล้ว..

กทม.มีผู้ว่าฯเก่ง เท่ น่ารัก จะไปกลัวอะไรกับน้ำท่วมล่ะ เต้นๆวิ่งๆเดี๋ยวน้ำก็แห้ง ใจเย็นๆสิโยมทั่งหลาย

"อยากท่วมก็ไม่ต้องย้าย ไม่อยากท่วมก็ต้องย้ายและถ้าย้ายก็ย้ายไปที่สูงมีทางระบายนํ้าใด้ดีและไม่เป็นที่ราบลุ่ม"

ย้าย มาที่โคราชน่าจะเหมาะ ได้ทั้ง วิว ภูเขา โดยอาศัยเขื่อนลำตาคลองเป็นแหล่นน้ำ และ สร้างอ่างเพิ่ม และมีความสูงที่พอระดับน้ำทะเล ขนส่งทางทะเล ออกทางภาคตะวันออกชนบุรี ระยอง ขนส่งสินค้า ไปทะเล ก็ไม่ไกลเกินไป ทางบก ทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ หลายจังหวัด อุบล ศรีษเกษ มุกดาหาร บึกกาฬ หนองคาย ไป ลาว เวียดนาม จีน กัมบูชา ได้

ตี้งใจฟังจนจบว่าจะย้ายไปที่ไหน สุดท้ายก็ไม่มีคำตอบ😀จะได้หาซื้อที่ซื้อทางไว้สัก40-50ตรว.ไว้อยู่อาศัยเพราะกรุงเทพซื้อไม่ได้เลยแพง

แยกการยริหารเาระบบราชการทั้งหมด รวมทหารและตำรวจ ไปไว้นอก กทม. ระยะ 80-120 กม. ยกเว้นพระราชวัง เเละทำ กทม.เป็นเมืองท่องวเที่ยว เมืองการค้าและวัฒนธรรม ประเทศเราจะน่าอยู่มากขึ้น

ไม่จำเป็นต้องย้ายหมดก็ได้ครับ แค่ให้กระจายตัวออก เช่น พวกราชการส่วนกลาง การเมือง มหาลัยต่างๆ

ชอบ วิเคราะห์ดีค่ะ จนต้องกดติดตามค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนพูดวนไปวนมาครับ

จากความคิดผมที่เป็นชาวบ้านนอกธรรมดาๆ ผมเชื่อว่านักยุทธศาสตร์ชาติวางแผนไว้หมดแล้วว่าตรงไหนควรเป็นเมืองหลวงใหม่(ถ้าให้เดาคงเป็นจว.ที่่มีรถไฟความเร็วสูงผ่านแน่นอน)เพียงแต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลานั้น การย้ายเมืองใหม่ใช้เม็ดเงินมหาศาลก็จริง แต่เราก็สามารถดึงนักลงทุนต่างชาติมาร่วมลงทุนด้านต่างๆได้ ที่สำคัญที่สุดเศรษฐกิจจะกระเตืองขึ้นกว่าตอนนี้ เพราะจะเกิดการจ้างงานมากมายมหาศาล ผู้คนจะหลั่งไหลไปทำมาหากินและลดการแอดอัดในกทม. เมืองหลวงใหม่ก็ควรมีศูนย์ราชการต่างๆเช่นฝ่ายบริหาร ทหาร และเทคโนโลยีส่วนกทม.ก็ยังไว้คือเมืองแห่งเศรษฐกิจเหมือนเดิม

การย้ายเมืองหลวง นับว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ จุดที่สำคัญที่เหมาะสม ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ และ การขนส่งค้าขายที่ต้องผ่าน ที่ราบสูงระหว่างเขื่อนลำตะคอง และโคราชน่าจะเหมาะสมสุด แต่ยังไงก็เตรียมการระบบจัดการน้ำในกทมได้แล้ว ยังไงก็ไม่ควรให้ กทม จมน้ำทิ้งไป

ติดตามแล้วนะครับ หลังจากฟังมาหลายคลิป ได้ความรู้มากมาย

ถ้าประเทศไทยย้ายเมืองหลวง กรุงเทพก็ให้เป็นเมืองท่าได้ คือเป็นเมืองที่อยู่ติดทะเลมีท่าเรือ เหมือนเดิม ความเจริญ เขตปกครองพิเศษ บริษัท องค์กร ทุอย่างคงใว้เหมือนเดิม ส่วนราชการ ก็ย้ายไปเมืองหลวง ดูสหรัฐเป็นตัวอย่าง เมืองหลวง Washington DC จุดศูนย์กลางบริหารประเทศ ถ้าพูดถึง Washington DC คงคิดถึงแค่หน่วยงานรัฐบาลเป็นหลัก เทียบความเจริญ ก็ไม่เจริญเท่าเมืองรองอย่าง New York ก็เป็นไปได้เหมือนกัน

คหสต. ถ้าจะย้ายแค่ศูนย์ราชการไปภาคกลางตอนบนเลือกพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม ถ้าจะย้ายและสร้างเมืองเหมือนกรุงเทพอีกแห่งให้ไปอีสาน / ตะวันออกเฉียงเหนือ บนๆหน่อย เหมาะสุด มีพื้นที่ยังว่างมากมาย เป็นภาคที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวน้อยสุดๆๆ และน้ำท่วมน้อย อาจจะไกลสักหน่อย แต่ระยะยาวมันคือพื้นที่ที่ดีเยี่ยมเลย

ถ้าได้ย้ายจริงๆ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี น่าจะเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุด

อำเภอ​กำแพงแสน​ จ.​นครปฐม​ อำเภออู่ทอง​ จ.สุพรรณบุรี​ .อำเภ​อ​ พนมทวน​ จ.​กาญจนบุรี​ พื้นที่ระหว่าง3จังหวัดนี้​มีความเหมาะสมมาก เพราะว่ามีความพร้อมในหลายๆ​ด้าน​ คือไม่ไกลจากกรุงเทพ​มากนัก​ ประมาณ​90​กม.​ มีแม่นำ้แม่กลอง​ แม่น้ำท่าจีน​ มีเขื่อนศรีนครินทร์​ เขื่อนวชิราลงกรณ์​ เป็นแหล่งน้ำดิบ​ เป็นจุดศูนย์กลาง​ ​ของประเทศ​ ทำให้การเดินทางจากภูมิภาค​ไม่ไกลมากนัก​ มีสนามบิน​กำแพงแสน​ ซึ่งสามารสร้างรถไฟเชื่อมกับสนามบินดอนเมือได้​ ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการเดินทาง​ และนำ้ก็ไม่ท่วม

สวัสดีครับ🙏💜ย้ายเมืองหลวง คิดว่ามีจังหวัดที่หน้ามอง1พิจิตร2ลพบุรี3ชัยภูมิครับรองพิจารณาดูนะครับ ขอขอบคุณครับ

ย้ายไปโคราชก็ดีนะครับ โครงสร้างพื้นฐานพวกถนน รถไฟก็เริ่มสร้างแล้ว แถมเป็นพื้นที่ราบสูงด้วย

อยู่ที่ Agenda ว่าจะย้ายเพื่ออะไร ถ้าทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนหมู่มาก ยังไงก็คุ้ม แต่ถ้ามองจากมุมมองนายทุนที่ดิน ถ้ายังไม่ได้ล็อคพื้นที่เอาไว้ในจุดที่จะเจริญ ก็คงไม่คุ้ม

กรุงเทพเคยเป็นทะเลมาก่อนค่ะ ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลด้วย เคยทำวิจัยเกี่ยวกับดินแถบรังสิต อาจารย์เคยบอกว่าแถบนั้นมีดินทรายและดินด่านเยอะมาก

เปลี่ยนแปลงยากคนกทม.พูดยากเข้าใจยากปล่อยให้น้ำท่วมขังจนไม่สามารถทำมาหากินได้โน้นละ จะพากันอยากย้ายบ้านออกเองค่ะ เห็นมานานแล้วคนจะย้ายก็พยายามจะย้ายพวกขัดขวางก็ขัดขวางนักปล่อยให้น้ำท่วมก่อนเขาจะย้ายกันเองแหละ

สมควรสร้างเมืองใหม่ ย้ายศูนย์ราชการต่างไปและวางผังเมืองใหม่ทั้งหมดและให้เป็นเมืองแห่งด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และภูมิประเทศที่สวยงาม โดยกรุงเทพก็ยังคงเป็นเมืองหลวงเช่นเดิม

ใช้วิธีไม่ย้ายแต่ขยายออกปริมณฑลเช่นไปกำแพงแสนนครปฐมแล้ว โครงสร้างผังเมืองออกแบบได้ง่ายนะคะ อีกอย่างไม่มีภัยพิบัติพื้นที่สูงอยู่ห่างจากรอยเลื่อนวงแหวนแห่งไฟใช่มะ

ไปตริปโตซะนาน ไม่ค่อยได้ดู ดูมาตั้งแต่คนติดตามยังไม่เยอะ เรื่องที่ดินบ้านเช่า ดีมากๆ

จริง ๆ การย้าย เมืองหลวง เป็นความคิดที่ดี แต่ ลองดูว่า พื้นที่ใน กทม ถือครองโดยส่วนใหญ่ ก้อ คือ คนที่อยู่ในสภา ซึ่ง คงไม่ออกกฎหมาย หรือ ทำอะไร ให้ตัวเองเสียผลประโยชน์ เพราะถ้าย้ายเมืองหลวง ราคาที่ดินที่ถือครอง ก้อจะลดลง เอาจริง ๆ จัดการบังคับใช้ การเก็บภาษีที่ดิน ให้เต็มที่ก่อนดีไหม

เขตเมืองนนทบุรีกับเขตกรุงเทพมีความแตกต่างของระดับพื้นดินกันอยู่ที่.....15 ซม.....ครับ.....ถ้าน้ำท่วมนนท์ที่20ซม.....น้ำก็จะมาท่วมกทม.ที่...35 ซม,....รองคิดดูว่าน่าน้ำหลากทำไมกทม.ถึงมีน้ำท่วมมากกว่านนทบุรี......

ระหว่างงบป้องกันน้ำท่วม(ในอนาคตท่วมแน่จากน้ำทะเลหนุนสูง) กับย้ายเมืองหลวงอันไหนคุ้มค่ากว่า

ผมว่าถ้าเอากลางประเทศและน้ำไม่ท่วมก็แถวลพบุรีตอนบนเหนือเขื่อนภูมิพลขึ้นมาจนถึง นครสวรรค์ เพชรบูรณ์

ตามประวัติสมัยจอมพลปอพิบูลสงครามก็มีแนวคิดจะย้ายเมืองหลวงมาที่จังหวัดเพชรบูรณ์แต่มันติดตรงที่ไม่มีทางออกทางทะเล

เนเธอร์แลนด์ไม่เห็นต้องย้ายประเทศเลย ทั้งๆที่ประเทศเขาต่ำกว่าระดับน้ำทะเลด้วยซ้ำ

ย้ายก็ดีเหมือนกันนะครับ กระจายความเจริญออกไป

ควรย้ายตั้งนานแล้วครับ..บางกอกแออัดมากๆไม่ต้องกลัวหลอกเรื่องงบประมาณนั้นไม่ตายก็หาใหม่ได้

ลพบุรีเหมาะที่สุดครับ

มีประโยชน์มากครับ

ขยับมือเยอะไป ตาลายสุดๆ ปิดจอฟัง โอเคอยู่ครับ

ย้ายก็ดีครับกระจายความเจริญซะที

นครสวรรค์ยินดีต้อนรับครับ

พิจิตร เลยคับเหมาะมากๆคับ

ทำเขื่อนเป็นถนนตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนคลองขวางทำคันดินเป็นถนน แก้มลิงาิมเขื่อน ใช้วิธีอัดน้ำออกด้วยระบบท่อผิวน้ำ โดยลำเลียงน้ำจากภายในเมืองด้วยท่อแรงดันลึก และติดตั้งcheck valve ไว้ตามบ่อพักน้ำ เพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนกลับ Compatible ​bio​ ai​

หาแหล่งน้ำดิบให้พอก่อนนะครับ แล้วค่อยคิดย้ายเมือง

เป็นยุทธศาสตร์การบริหารประเทศชั้นสูงคับ มีในตำรา....เรียดยุทธศาสตร์นิวแลนด์ มีในแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลลุวตู่คับ ตัองทำพื้นฐานการเดินทางก่อน... ตัวอย่าง ในช่วง 2 ปีนี้ มีหลายประเทศประกาศใช้แผนนี้คับ ลองเช็คข่าวดู ... ใช้งบมหาศาล ฉะนั้น ต้องกำหนดรายละเอียดและเป้าหมายให้ชัดเจน จึงดำเนินการได้

ให้กทม.เป็นเมืองหลวงต่อไปแค่ไปตั้งแหล่งอุสาหกรรมหรือการลงทุนในจังหวัดที่ไม่ใช่รอยต่อกับกรุงเทพระยะทางไม่ไกลไม่ติดทะเลหรือติดทะเลบ้างสัก3-4จังหวัดเช่นโคราช,ลพบุรี,ปราจีน,ชัยนาทหรือสุพรรณผมว่าก็ดีนะ

A1 Part 2of3 ขอย้ำอีกครั้ง: นี่คือต้นเหตุหลักของ "น้ำรอระบาย" ที่ทุกฝ่ายต้อง จริงจัง และจริงใจ หาทางแก้ไข แนวทางแก้ไขในส่วนของสถานีสูบน้ำ (นำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกสถานีสูบน้ำทั่วประเทศ) : กรณีสถานีสูบน้ำพระโขนงฯ แค่ทำช่วง 1.5 ก.ม.นี้ให้มีคุณค่า โดยการขุดลอกให้ลึกประมาณ 5 เมตร ทำแนวเขื่อนสูงป้องกันดิน 2 ฝั่งพัง มีขอบตลิ่งสูงเหมาะสม พร้อมกับทำเขื่อนสูงๆ ไม่น้อยกว่า 3 เมตร มีประตู เปิด-ปิด ที่ปากคลองด้านริมเจ้าพระยา พ่วงด้วยการติดตั้งปั๊มน้ำขนาดใหญ่ หลายๆ ตัว ตลอดแนวเขื่อนใหม่ชุดนี้ (มี Full Load ได้ไม่น้อยกว่า 220 ลบ.ม./วินาที) แต่ต้องมีตัวที่เป็น Redundant พร้อมใช้งานได้ในทันที กรณีที่ปั๊มน้ำตัวหลักอื่นๆ อาจชำรุด ต้องรอซ่อม ตัวอย่าง 60% Load มี 3 ตัว ใช้จริงแค่ 2 ตัว สำรอง 1 ตัว พร้อมระบบไฟฟ้าจาก 2 Feeders แถมอาจสำรองปั๊มน้ำแบบใช้เครื่องยนต์น้ำมันอีก 1-2 ชุด แบบนี้สถานการณ์ใดๆ ก็เอาอยู่ ตามด้วย เร่งพร่องน้ำในส่วน พ.ท.ยาวๆ 1.5 ก.ม.นี้ให้แห้งตลอดเวลา 24 ช.ม.เพื่อให้ทำงานแบบซิงค์ล้างจานขนาดใหญ่ น้ำไหลล้นเข้ามาจากสถานีสูบน้ำพระโขนง มากเท่าใดก็ได้ทั้งแห้งหมด หมายถึงเราจะเดินเครื่องสูบน้ำ หรืออาจจะแค่ปล่อยมวลน้ำจากฝายน้ำล้น-สถานีสูบน้ำพระโขนงเดิม ให้ไหลลงไปในซิงค์แห้งๆ ได้เอง ในปริมาณเทียบเท่า Full load (215-220 ลบ.ม./วินาที) แบบเดิม แต่สามารถทำได้ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ต้องสนใจ น้ำขึ้น-น้ำลง หรือ น้ำหลาก อีกต่อไป จากนั้น ให้เร่งปรับสถานีสูบน้ำพระโขนงเดิมให้ทำงานในแบบฝายน้ำล้น ใส่ตะแกรงเหล็กดัดขยะ 2-3 แนวรับ คือ 1.แนวรับขยะชิ้นโต 2.แนวรับขยะชิ้นปานกลาง และ 3.แนวรับขยะชิ้นเล็กๆ ก่อนที่มวลน้ำจากบ่อรวมเหล่านี้จะไหลล้นสันฝายส่งน้ำลงไปสู่ซิงค์ใบใหญ่เบื้องล่างด้วยแรงโน้มถ่วงได้แบบง่ายๆ (คงต้องกำหนดความสูงของฝายชุดนี้ ให้พอเหมาะจะได้ดึงน้ำมารวมกันได้มากๆ และมีอัตราการไหลของมวลน้ำในคลองที่เกี่ยวเนื่อง และในอุโมงค์ยักษ์ฯ ได้เร็วมากพอ) แต่ในส่วนของอุโมงค์ยักษ์ ก็ไม่ทราบนะครับ ว่ายังจำเป็นต้องมีปั๊มตัวใหญ่ไปดูดมวลน้ำขึ้นมาปล่อยทิ้งลงซิงค์ใบใหญ่ด้วยหรือไม่ หรือปล่อยให้ไหลล้นออกไปได้เองแบบไซฟ่อน กาลักน้ำ นะครับ แต่ขอเดาว่า อุโมงค์ยักษ์ใต้ดินที่ลึก 30 เมตร แค่มีแก้มลิงดีๆ รวบรวมน้ำจากต้นทาง เช่น บึงมักกะสัน บึงพระรามเก้า บ่อพักน้ำในสนามบินดอนเมือง บ่อฝรั่งที่เคยนำเสนอมาหลายครั้งแล้ว ฯลฯ แค่เปิดช่องทางเชื่อมโยงกันให้มวลน้ำไหลลงไปในอุโมงค์ลึกใต้ดินด้วยแรงโน้มถ่วง แค่นี้ มวลน้ำก็จะมาโผล่ให้เห็นตามสถานีสูบน้ำปลายทางที่ตำแหน่งที่ต่ำกว่าได้เอง จากนั้นก็แค่นำปั๊มน้ำขนาดใหญ่ 3-5 ชุด ดึงมวลน้ำขึ้นมาจากปากอุโมงค์ยักษ์ปลายทางรัศมี 5 เมตร (ได้ยินว่าปั๊มน้ำจะทำงานได้ดีที่ระยะดูดลึกสุด แค่ไม่เกิน 3 เมตร) ส่งลงสู่ซิงค์ล้างจานที่รออยู่เบื้องล่าง หรือถ้าออกแบบดีๆ ตรวจสอบความลาดเอียงได้ดีๆ ขอบปากอุโมงค์ยักษ์ต้นทางกับปลายทาง ทำต่างกันให้ได้ 1-2 ขึ้นไป ดังนี้ อาจไม่จำเป็นต้องใช้ปั๊มน้ำดึงน้ำขึ้นมาจากปากบ่อของอุโมงค์ยักษ์ฯ แต่สามารถปล่อยให้น้ำไหลล้นขอบปากบ่อได้เอง แล้วไหลลงสู่ซิงค์แห้งๆ ที่พร้อมจะ รองรับ-นำส่ง ไหลทิ้ง (Dump) ไปสู่เจ้าพระยาได้ทั้งหมดอยู่แล้ว โปรดช่วยพิจารณา นำไปขยายผลต่อไปด้วยครับ แถมอีกนิดนะครับ แนวทางซิงค์ใบใหญ่แบบนี้ ไม่ว่าจะมีน้ำทะเลหนุนสูง หรือมีน้ำเหนือหลากลงมามากๆ ตราบใดที่มันยังไม่ล้นแนวป้องกัน 3 เมตร ของ กทม.ขอรับประกันว่าจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อประสิทธิภาพการทำงานของการพร่องมวลน้ำออกไปจากคลองหลัก อุโมงค์ยักษ์ใต้ดิน หลากหลายทิศทางเหล่านี้เลยครับ พร่องน้ำได้ 24 ช.ม.แบบเต็มประสิทธิภาพ ข้อเสียคือจะเอาไปอ้างว่าพร่องน้ำไม่ได้เพราะน้ำทะเลหนุนสูง หรือมีน้ำหลากลงมามาก คงจะไม่ได้อีกแล้วครับ และอาจต้องเร่งพิจารณาทำแบบนี้ในปากคลองทุกสาย และริมทะเลปากแม่น้ำเช่นกัน ครอบคลุมสมุทรปราการ ปากแม่น้ำเจ้าพระยา และท่าจีนเป็นเบื้องต้นก่อน ถ้าขยับช้าอาจสายเกินแก้ เช่นกันครับ ขอบคุณครับ

เมืองหลวงคือเมืองหลวงจะย้ายทำไม ส่วนจะย้ายที่ทำงานหรือหน่วยงานต่างๆก็แล้วแต่ความเหมาะสม ปกติก็ย้ายกันตลอดอยู่แล้วนี่

ช่วยย้ายโครงการเมืองใหม่ออกจากอ.ท่าตะเกียบ​ จ.ฉะเชิงเทราด้วยครับ​ พวกเราจะได้ออกเอกสาร​สิทธิ์​ที่ดินกันได้ครับ เราถูกโครงการเมืองใหม่คอบไว้นานแล้ว

A1 Part 3of3 ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็ให้เอาข้อมูลจากสถานีสูบน้ำพระโขนงมากางดู เทียบประสิทธิภาพปั๊มน้ำในสถานการณ์ต่างๆ หรือเอากระสอบทรายไปทดลองวางให้สูงๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตลอดแนว 2 ฝั่งคลองตรงช่วง 1.5 km.ให้ทำในช่วงฝนตกหนักๆ น้ำทะเลที่กำลังจะหนุนสูงๆ หรือยิ่งมีน้ำหลากลงมามากๆ ด้วยจะยิ่งดี อันนี้เท่ากับทดสอบไปในตัวว่าถ้า ปั๊มน้ำทั้งหมดทำงานได้ Full Load หรืออาจทำได้มากกว่า 220 ลบ.ม./ วินาที ถ้ากั้นได้ดี 300 ลบ.ม./วินาทีก็น่าจะไปถึง แล้วไปดูว่าจะช่วยอัตราการไหลของน้ำในคลองพระโขนง คลองแสนแสบ บางส่วนของคลองประเวศน์ฯ รวมทั้งอุโมงค์ยักษ์ ฯลฯ ส่งผล มาก-น้อย เพียงใด สุขุมวิท ทองหล่อจะท่วมนานๆ อีกหรือไม่ เก็บเป็นข้อมูลสถิติ นำไปสู่การตัดสินใจแก้ไขต่อไปก็ได้ครับ ทำเร็ว จะแก้ไขได้เร็ว

สร้างเมืองราชการที่โคราช ต่อยอดรถไฟความเร็วสูง แถมเป็นการมุ่งอีสาน ซึ่งจะใกล้อินโดจีน มีหลายจังหวัดที่แบ่งเป็นจังหวัดสำหรับบริหารกองทัพ เมืองการศึกษา เมืองชายแดนประตูออกลาว กัมพูชา ท่าเรือก็มี EEC ในประเทศ และ ท่าเรือนอกประเทศตรงเวียดนาม อีกทั้งเวียดนามจะมีพลังทางเศรษฐกิจมหาศาลไม่ต่างจากจีนในอนาคต เมืองราชการใหม่จะสามารถเข้าใจและปรับตัวรองรับความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น

ความเห็นส่วนตัวน่ะครับ 1.เหตุการณ์ที่ทำให้กรุงเทพจม มันคือการคาดเดาจากสมมุติฐาน ถ้ายังเป็นแบบนี้ ยังเป็นแบบนั้น ต่อไปจะเกิดแบบนั้นแบบนี้ ในอีก 5ปี 10ปี แล้วถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นก่อนล่ะ เช่นคนรณรงค์ปรับปรุงหรือตระหนักอะไรเพิ่มขึ้น แสดงว่าเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดก็ต้องบรรเทาลง ใช่ไหมครับ 2.ด้วยวิถีชีวิตการประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนไป มีออนไลน์เข้ามา เราจะทำงานที่ไหนก็ได้ ธุรกิจจะตั้งที่ไหนก็ได้ ฉะนั้นย่านการค้าที่เคยมีในกรุงเทพ ย่อมไม่มีคนนิยมเดินแล้ว ทุกวันนี้ความเจริญไปทั่วประเทศแล้ว 3.เปลี่ยนแปลงรูปแบบการติดต่อกับส่วนราชการ ให้สามารถทำได้ทุกที่ เข้าใช้บริการได้ทุกที่เหมือนกัน ความแออัดย่อมคลายตัว เพียงเท่านี้ จะสนใจทำไมว่ากรุงเทพจะจมหรือไม่ สนใจว่า Lotus Big C Central จะเปิดตรงไหนดีกว่า ที่ดินกับความเจริญพุ่งแน่.อิอิอิ ปล.ความเห็นส่วนตัวน่ะครับ ไม่มีผิดมีถูก!

อย่าไปคิดกั้นน้ำเสียงบเปล่าเพราะพื้นที่มันต่ำยังไงน้ำก็ ไหลมารวมที่ต่ำอยู่ดีถ้าย้ายสำนักงานรัฐมาใว้ที่สูงเดี๋ยว ทุกสิ่งก็ตามมา

กรุงเทพ เมืองใหญ่ ฝุ่นมาก น้ำเน่า ยุงชุม ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของแรงงานผู้รับจ้างนายทุน

ย้ายส่วนราชการครับ กระทรวงทะบวงกรม และสำนักงานรัฐวิสาหกิจไปครับ จะลดความแออัดลงได้มาก การเชื่อมต่อสองเมืองก็ใช้ รถไฟความเร็วสูง และทางด่วนครับ รัศมีก็น่าจะประมาณ 150 - 200 กม. ครับ ควรทำแผนแต่วันนี้ ไม่เช่นนั้น วันข้างหน้าจะย้ายยากครับ ปล. กทม เป็นเมืองโตเดี่ยว ทิ้งหาง เชียงใหม่ ที่เป็นอันดับสองประมาณ 100 เท่า เชียงใหม่ ทิ้งห่างเมืองอื่นในภาคเหนือ 20 -30 เท่า แสดงถึงความเจริญที่กระจุก ซึ่งเป็นจุดอ่อนของการวางผังเมือง ในระดับมหภาคของไทยครับ

สร้างเขื่อนกั้นน้ำล้อมลอบ กทม ซิครับกว่าจะสร้างเสร็จก็ไม่เกิน 10ปีเท่านั้น ฟินแลนด์อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากโข ยังป้องกันได้เลย เริ่มวางแผนการป้องกันสร้างเขื่อนกันน้ำได้แล้ว ไม่ต้องเดือดร้อนย้ายเมืองให้เสียงบประมาณมหาศาล

ย้ายไปลพบุรี สระบุรีช่วงขึ้นไปตรงที่เป็นเนินเขาเลยโรงปูนไม่ดีกว่าเหรอ ลาดกระบังมันต่ำน้ำท่วม

เขาเตรียมการย้ายไปจังหวัดหนึ่งทางภาคอิสานนานแล้วครับสนามบินก็สร้างไว้นานแล้วรอขยาย รถไฟฟ้าก็เตรียมสร้างไว้เชื่อมกรุงเทพแล้ว บริเวณจะสร้างเมืองใหม่ สามารถวางผังเมืองใหม่ได้สบายๆพื้นที่ไม่ต่ำกว่า8หมื่่นไร่คุณทำงานด้านอสังหาฯ ถ้าจับทิศทางได้จะรวยไม่รู้เรื่อง

ยากครับ ยังมีโครงการทีจะสร้างและ อนาคตใน กทม อีกเยอะแยะ ดูแล้วนานมากทีจะย้ายเมือง มีแต่ขยายเมืองออกไปมากกว่า

ควรจะย้ายไปบริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นะ น้ำไม่ท่วม และ มีน้ำสำหรับบริหารได้ตลอด

ถ้าทำกำแพง และมีอสังหาเกาะไปด้วย เป็นความคิดที่น่าสนใจ เพราะ ช่วยลดภาระเงิน แล้วบวกกับทางรถไฟระยองแปะไปด้วยได้ไหม

พูดเก่งมากค่ะฟังเพลิน แต่แอบเป็นห่วงแบ่งเวลาหายใจบ้างนะคะ อิอิ

ควรย้ายตั้งนานแล้ว พม่ายังย้ายได้เลย

ผมมองว่า การย้ายสร้างใหม่ ได้มีการวางแผนใหม่และทันสมัย.... ยังไงก็สวยกว่าดีกว่าและเจริญได้สวยงามกว่าแน่นอน แต่ก็อย่างที่รู้ การเปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศเรา สำหรับรัฐกับคนหัวโบราณรุ่นเก่าๆ เป็นได้ยากมาก

ตามแผ่นที่ลพบุรีอยู่กลางๆพอดี แต่ถ้าย้ายไปสงสัยคงต้องระเบิดภูเขาเกือบหมด

ถูกต้องแล้วครับ.. อีกไม่นานถนนใน​ กทม.ที่จะใช้วิ่งได้​ จะต้องเป็นถนนที่มีเสาค้ำอยู่ด้านล่างครับ

คำว่าย้ายคือการยกไปตั้งที่ใหม่ ควรใช้คำว่าสร้างเมืองหลวงใหม่(เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)ร่วมกับพัฒนาหัวเมืองหลักเพื่อกระจายทรัพยากรและความมั่งคั่งสำหรับคนทุกภาคเป็นองค์รวม

ก่อนจะย้ายไปที่ไหน​ ควรวางผังเมือง​ ให้ดีก่อนไม่ใช่เละเทะเหมือนกรุงเทพฯอย่างทุกวันนี้

เป็นรายการที่ดีนะครับ จะดีมากกว่านี้ถ้าพูดให้ช้าลงครับ

🙏พี่เห็นด้วยคะะ ย้ายเมืองหลวง อยู่กลาง สร้างสนามบิน นักท่องเที่ยวต่างชาติ เลือกได้ หรือฅนไทย ก็สดวกไปมาง่ายด้วยคะ🤩

ยาก ดูวิสัยทัศน์การย้ายรัฐสภาซิ 🤣🤣🤣

ผมว่า รัฐบาลเค้าเริ่มย้ายเมืองหลวงกันแบบเงียบๆแล้ว ( ไปฉะเชิงเทรา ) ดูจาก นโยบาย โครงการ ต่างๆ .... แต่ยังไงก็ตาม กรุงเทพก็ยังคงเป็น เมืองเศรษฐกิจหลักอยู่ดี คือ จะเป็น ลักษณะ เมืองหลวงเก่า ....ที่ประชากรจะเบาบางลงกว่าเดิมเยอะ...ผู้คนส่วนใหญ่ที่จะเข้ามาในกรุงเทพก็คงเป็น เรื่อง ธุรกิจ มากกว่าอยู่อาศัยจริงจัง...

ย้ายไปเชียงรายเลยคะ น่าจะปลอดภัยสุด ๆ

เห็นด้วยครับย้ายเมืองหลวง แต่เราอย่าเรียกว่าย้ายเมืองหลวงเลย จะกระทบต่อจิตใจพี่น้องประชาชน ให้เรียกว่าขยายเมืองหลวงน่าจะดีกว่า เมืองที่จะขยายเมืองหลวงนั้น คือ นครราชสีมา/ โคราช โดยให้ รบ. จัดทำผังเมืองของโคราช ในด้านสาธารณูปโภคให้พร้อม การคมมนาคมเชือมระหว่างเมือง ให้พร้อม เช่นถนน 4 เลนคู่ขนาน พัฒนาแก้มลิงกักเก็บน้ำ จัดการบริหารพื้นที่ให้เหมาะสมในแต่ละด้าน ศูนย์ราชการ การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การศึกษาฯ โดยวางวิสัยทัศน์ รองรับไว้ 100 ปี โคราชเป็นศูนย์กลาง/ใจกลางของประเทศไทย ที่สามารถขยายเพิ่มเติมต่อเนื่องได้ทุกทิศทาง

มันควรจะย้ายตั้งนานแล้ว จะรอตอนจมน้ำมันจะย้ายทันไหมล่ะ พัฒนาทุกจ. ทุกอ. เมืองหลวงก็จะไม่จำเป็นอีก ที่ไหนก็จะเป็นเมืองหลวงไปพร้อมๆกัน

ในความเป็นเมืองหลวง ถือว่าเป็นเครดิต เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ มีความเจริญที่ทัดเทียม หรือมากกว่าเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ กว่ากรุงเทพฯจะเจริญได้ขนาดนี้ต้องสะสมบารมีมาเป็นร้อยปี น่าภูมิใจยิ่ง จึงไม่มีเหตุผลใดที่ต้องย้ายเมืองหลวงไปที่อื่นๆ เมื่อกรุงเทพฯมีความเจริญเต็มที่ ก็สามารถกระจายความเจริญไปยังจังหวัดรอบๆที่มีเขตติดต่อกรุงเทพฯ เป็นความสวยงามที่เหมือนกับกรุงเทพฯ แผ่กว้างใหญ่ไพศาล แต่จริงๆแล้วเป็นความเจริญของจังหวัดอื่นที่มีอาณาเขตติดต่อกับกรุงเทพฯนั่นเอง นั่นคือการเสริมฐานะให้กรุงเทพฯ เมืองหลวงเราโดดเด่นขึ้น สง่าขึ้นจากอานิสงค์ดังกล่าว การกระจายความเจริญไปยังจังหวัดติดต่อ กทม.และจำกัดความแออัดในเขต กทม.จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับ น้ำท่วม กทม.เป็นเรื่องที่พูดกันมายาวนาน แต่ด้วยเทคโนโลนี่ในปัจจุบันสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน การย้ายเมืองหลวงเป็นการเอาตัวหนีปัญหาอย่างจนปัญญา โดยละทิ้งความพยายามแก้ปัญหานั่นเอง

ถ้าดูเฉพาะภูมิศาสตร์ ก็น่าจะอยู่แถวนครสวรรค์ ลพบุรีครับ กำลังดี กรุงเทพมันแออัดเกินไป แถมโครงสร้างพื้นฐานออกแบบมาห่วย จุดอ่อนเยอะ แก้ก็ยาก จะไปตั้งใหม่ ก็ดีครับ ผมก็พูดง่ายเพราะผมไม่ใช่คนกรุงเทพ แต่คนกรุงเทพเอง ความเจริญย้ายไป จะพอใจไหม

ย้ายไปอยู่ในเมตาเวิร์สครับ จะที่ไหนถ้ามี wifi ก็เหมือนเป็นเมืองหลวง ส่วนพวกศูนย์ราชการก็เป็นแค่เปลือกครับ

ครับ...ย้ายเมืองหลวงออกจากกรุงเทพ น้ำก็จะไม่ท่วมเมืองหลวง แต่จะท่วมจังหวัดกรุงเทพแทน...แล้วจะปล่อยให้จังหวัดกรุงเทพน้ำท่วมหรอครับ?

ทำเขื่อนข้ามอ่าวไทย ใช้เดินทางได้ด้วย ใช้ควบคุมระดับน้ำได้ ลงทุนคุ้ม แต่ต้องยอมเสียสิ่งแวดล้อมไปบ้าง

นครนายก เหมาะที่สุดครับศูนย์กลางกระจายสินค้าไปยังภาคต่างๆ เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้ ตะวันตก

ตอนนี้ควรสร้างรถไฟเชื่อมกับนครราชสีมาให้สะดวกที่สุดแล้วยกโคราชเป็นเมืองหลวง เพราะพื้นที่มากที่สุด พื้นที่สูง ความเจริญมีอยู่เดิมบ้างแล้ว ไม่ไกลจากกรุงเทพ รีบย้ายได้แล้ว ผมคงอยู่ไม่ถึงวันน้ำทว่ม กทม .😮😮

เพชรบูรณ์​ครับติดทุกภาค

ย้ายไม่ได้หรอกมีพวกเก็งกำไรที่ดินเสียประโยชน์เยอะ

ข่าวนี้มีมานานเเล้ว ทุกฤดูฝน ขายความกลัว ช่อง3เคยทำไว้เเต่ถึงเวลาก็เงียบสนิด อย่าให้ราคาเลย

ไปนครสวรรค์ดีที่เพราะมีแม่นํ้าเจ้าพระยาผ่าน แถบติดเพชรบูรณ์ นํ้าสำคัญ ที่อื่นนํ้าไม่พอนคนสวรรค์มันมีภูมิศาสตร์ดีใกล้อิสานและภาคเหนือฯ คมนาคมก็ดี

สร้างเขื่อนให้รถวิ่งได้ด้วยจากพัทยา-หัวหิน ป้องกันน้ำทะเลท่วม แบบเนอร์เวย์

ย้ายหน่วยงานราชการระดับกระทรวงออกนอกเมือง แล้วสร้างรถไฟฟ้าไปเชื่อมต่อง่ายกว่า กระทรวงมหาดไทยย้ายมาอยู่ฝังธนบุรีไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งที่พื้นทีว่างก็ยังมีอีกแยอะ

เอเชีย ก็ย้ายเมืองหลวงหลายประเทศแล้ว ทำไม!! บ้านเราจะย้ายบ้างไม่ได้ละ??