เหตุผลที่ญี่ปุ่นตามไม่ทันกระแส EV Car

No video

เหตุผลที่ญี่ปุ่นตามไม่ทันกระแส EV Car | Think Business Ep.21

Рет қаралды 126,597

Күн бұрын

แน่นอนว่าการแข่งขันของรถ EV Car ตอนนี้จะเป็นการแข่งขันของแบรนด์จาก อเมริกาที่มี Tesla และ BYD ของจีน แต่เจ้าพ่อรถสันดาปที่มีแบรนด์รถผลิตออกมามากมาย รวมถึงมีแบรนด์อันดับ 1 ของโลก อย่างประเทศญี่ปุ่น ทำไมถึงหายไปจากตลาดรถ EV Car ญี่ปุ่นตกขบวนนี้หรือไม่? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน

Пікірлер: 403

@sayunon Жыл бұрын

ญี่ปุ่นไม่ได้ก้าวพลาดหลอกครับ แต่ญี่ปุ่นไม่สามารถยอมรับที่จะปิดโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ย่อยๆ ที่เค้าไปถือหุ้นไว้ไปทั่ว เค้าถึงต้องฝืนไปต่อเพื่อให้ลูกของตัวเองอยู่ต่อไป ถามว่าผู้นำรถยนต์ฝั่งญี่ปุ่นจะมองไม่ออกเลยไม่ใช่แน่นอน โตต้าอยู่ในอุตหกรรมรถยนต์มาแล้วจนจะถึงรุ่นหลานแล้ว เพราะฉะนั้นต้องเสี่ยง ถ้าตราบใดแบตรุ่นใหม่ๆ ยังมีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควรรถญี่ปุ่นก็จะยังขายได้ต่อ รอเวลาจนกว่าโปรเจคไฮโดเจนจะสำเร็จ รถญี่ปุ่นไปต่อได้อยู่แล้วแต่จะทันไหมมาลุ้นกัน

@kewintaylor7056 Жыл бұрын

มันไม่ต้องปิด แค่เปลี่ยนไปผลิตอะไรๆของมอเตอร์แทน ช่วงล่าง เบรก โครง สี ก็ยังต้องมี ญี่ปุ่นคิดสั้นไป😂

@sayunon Жыл бұрын

@@kewintaylor7056 เนื่องจากชิ้นส่วนของรถยนต์สันดาปมี เกือบ ห้าหมื่นรายการ แต่รถยนต์ไฟฟ้ามีแค่หลักพัน ไม่เกินหมื่นรายการที่เฉพาะเป็นโมดูลเท่านนั้นนะครับไม่นับพวก small part ย่อยๆ ถ้าจะให้หันนำไปผลิตใส่รถไฟฟ้าแทนทั้งหมดอีก แล้วสองหมื่นกว่ารายการจะเอาไปไว้ไหนได้ครับหากจะนำไปเป็นอะไหล่สแปร์มาดสุดไม่เกิน 20เปอร์เซนต์ของกำลังการผลิตครับ และสแปร์ได้แค่บางพาร์ทเท่านั้น พาร์ท ที่ไม่ได้เป็นแมนดาทอรี ก็ทำสแปร์อะไหล่ไม่ได้ครับเพราะฉะน้นมันเป็นมูลค่ามหาศาลมากจนผู้บริหารต้องเสี่ยงวัดกันไปครับ

@DKKDDBC Жыл бұрын

@@sayunon ที่คุณกล่าวมา ผมว่าคือเหตุผลหลักที่ พี่โต ยังไม่ขยับไปรถไฟฟ้า

@suteesathapornpongsa8643 Жыл бұрын

ไฮโดรเจนต้องเข้าปั๊มอีกเหมือนเติมน้ำมันแต่รถไฟฟ้าเสียบปลั๊กที่บ้านได้แถมถูกกว่าน้ำมันและไฮโดรเจนแถมการบำรุงรักษาต่ำกว่าอีกชอบแบบไหนเลือกเอาครับ

@samansuwicha885 Жыл бұрын

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับท่าน ถ้าเขาพลิกขั้วกลับมาทำรถไฟฟ้าก็เท่ากับว่าเขาทำลายลูกหลานตัวเองแหละครับแต่...ก็มีข่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นทุ่มทุนนับพันล้านเยนในการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดซึ่งก็ยังไม่มีชาติใดทำได้คือ แบตเตอรี่แบบ Solid State ครับ และอาจจะเป็นทีเด็ดของเขาก็ได้ ถ้าญี่ปุ่นผลิดแบต Solid State ได้ การที่ญี่ปุ่นจะได้ครองตลาดรถ EV ผมว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ

@user-jx5oy2gw6n Жыл бұрын

อีลอนไม่ทำแล้วเพราะขายเทสล่าไปแล้ว…ญี่ปุ่นไม่ใช่ทำรถไฟฟ้าไม่เป็น เขาทำอุปกรณ์ไฟฟ้าขายมาตั้งนานแล้ว คิดว่าเขาคงไม่แน่ใจบางอย่างของคนญี่ปุ่นที่ทำอะไรต้องดีเน้นคุณภาพทุกด้านและเสถียร ก่อปัญหาให้ผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด…โตโยต้าทำระบบไฮบริดมาดีจนฝรั่งยกให้เป็นไฮบริเที่ดีที่สุดและไม่หวงวิชาต่อยี่ห้อื่นด้วย ส่วนผมมองที่วัสดุทำแบตเตอรี่ที่มีจำกัดเริ่มราคาแพงมาก และเริ่มหายาก วัสดุทดแทนก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน รถก็มีข้อจำกัดหลายประการในการใช้งานถ้าใช้มากหรือเดินทางไกลหรือไม่มีที่ชาร์ทไฟ ถ้ามีแหล่งพลังงานสำรองเหมือนpower bank ให้ไปต่อสักระยะคงอุ่นใจได้บ้าง ที่สำคัญหากเกิดอุบัติเหตุก็อันตรายเพิ่มจากระบบไฟฟ้า หากลุกไหม้ก็ดับยาก ปีที่แล้วทราบว่าในจีนรถยนต์ไฟฟ้าลุกไหม้เฉลี่ยวันละ10คัน ไม่นับรถเครื่อง

@paulsts1358 Жыл бұрын

ญี่ปุ่นกำลังอยู่บนทาง 2 แพร่ง และเป็นทางที่ต้องเลือก จริงๆ แล้วญี่ปุ่นเดินทางมาถูกคือรถ hybrid ที่ขับเคลื่อนรถควบคู่มอเตอร์ไฟฟ้า แต่ญี่ปุ่นพลาดอย่างแรงคือไม่พัฒนาตัว plug in hybrid ออกมา ซึ่งหากออกรถที่ plugin ไฟฟ้าวิ่งได้สัก 100~150 กม รับรองว่ารถไฟฟ้าล้วนจีนตายเรียบ เพราะรถจะมีประสิทธิภาพในการวิ่งทางไกลและวิ่งในเมืองได้สะดวกประหยัด ในมุมมองของผมตอนนี้ญี่ปุ่นมองและทุ่มไปที่พลังงานไฮโดรเจนมากกว่า เพราะสามารถใช้รถได้มีเสถียรภาพมากกว่าการใช้แบตเตอรี่ที่มีต้นทุนแพง ถ้า swot ตลาดรถ ev ค่ายญี่ปุ่นต้องบอกว่าตัวเองสู้ได้แค่มอเตอร์ไฟฟ้า และความปลอดภัย + เทคโนโลยี แต่หัวใจหลักคือแบตเตอรี่ ที่ถ้าอยู่ในวงการรถ ev จะรู้ว่าแบตคือต้นทุน 50% ของรถ และยากที่จะกดลงได้และตัวญี่ปุ่นไม่มีแร่ตั้งต้นของแบตที่เพียงพอเช่นจีน สรุปให้เห็นภาพก็คือ สร้างรถ ev 1 คัน เงินเข้าจีนเกือบครึ่ง ค่ายญี่ปุ่นเลยต้องดิ้นรน แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองตาย เลยไปโฟกัสรถไฟฟ้าที่ยุโรปก่อน เพราะค่ายจีนยังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย และนโยบายระดับประเทศ ลองนึกภาพ รถ camry plug in hybrid วิ่งได้ 100-120 กม. ด้วยไฟฟ้า เกินกว่านั้นเป็นน้ำมัน รับรองขายดีกว่าเทสล่าแน่นอน แต่ดันไม่ทำออกมา บางครั้งความมั่นใจอาจจะเป็นหายนะเช่นเดียวกับโนเกียก็เป็นได้

@ViraDrama Жыл бұрын

เท่าที่ฟังจากหลายๆที่ ผมคิดว่าเป็นเรื่อง supply chain มากกว่า บริษัทอย่าง toyota ไปถือหุ้นในบริษัทผลิตอะไหล่ประกอบรถยนต์เยอะ ถ้าเปลี่ยนเป็น ev เร็ว บริษัทลูกๆเหล่านี้เจ๊งหมด ผมคิดว่าเขาก็พยายามยื้อให้นานที่สุด หาทาง soft landing ให้กับบริษัทเหล่านี้ครับ ตอนนี้หลักๆที่ toyota ทำคือออกข่าวว่าจะมี ev รุ่นนั้นรุ่นนี้ แต่แทบจะไม่มีรถขาย เดาว่าให้ความหวังกับฐานลูกค้าเก่าว่าอย่าเพิ่งเปลี่ยนไปซื้อรถ ev กับยี่ห้ออื่น อนาคต toyota ก็คงต้องผลิต ev จำนวนมาก แต่ตอนนี้ก็ต้องยื้อรถสันดาปให้นานที่สุดก่อนครับ

@Cattalog 11 ай бұрын

รักษา FC เดิม

@Cattalog 11 ай бұрын

Soft landing มันก็เริ่มลงมือทำรถ EV ช้า ต้องตัดใจ เจ็บแล้วจบ

@charoensawangwong Жыл бұрын

บริษัทญี่ปุ่นหยุดการพัฒนาแล้วครับ คนที่ยังทำงานในวงการนี้มีแต่คนญี่ปุ่นรุ่นเก่า การทำงานและบริหารงานแบบเก่าๆ โครงสร้างบริษัทก็ยังเป็นแบบเก่าๆ ไม่มีการปฏิวัติ คนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียใหม่ๆไปทำงานกับกลุ่มบริษัทที่มาจากตะวันตก กับบริษัทจีนยุคใหม่(ไม่ใช่จีนยุคเก่านะครับ) ทำให้บริษัทเหล่านี้พัฒนา ส่วนบริษัทญี่ปุ่นเริ่มช้าลงเพราะขาดบุคลากรคนรุ่นใหม่ ผมว่าอีกไม่นานรถญี่ปุ่นจะถูกแทนที่ด้วยรถจีนและรถจากตะวันตกเพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าในราคาที่ถูกกว่า

@somaithongdee2374 Жыл бұрын

Toyota's research and development (R&D) expenses from FY 2007 to FY 2022 (in billion Japanese yen) Financial year R&D spending in billion Japanese yen 2022 1,124.2 2021 1,090.4 2020 1,110.3 2019 1,048.8 บริษัทญี่ปุ่นหยุดการพัฒนาแล้ว ทำไมยังใช้งบ research and development (R&D) เยอะจังล่ะ ที่ว่า คนที่ยังทำงานในวงการนี้มีแต่คนญี่ปุ่นรุ่นเก่า.... ไปดูมาทุกบริษัทแล้วใช่ใหม คนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียใหม่ๆไปทำงานกับกลุ่มบริษัทที่มาจากตะวันตก... คนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียใหม่ๆ พูดถึงคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ใช่ใหม

@user-jo7ix3yv9h Жыл бұрын

ผมลองใช้รถ EV BYD แล้ว คิดว่าคงไม่ได้กลับไปใช้รถ สันดาปอีกแน่นอน ยิ่งถ้าอนาคต รถ EV มีการพัฒนาต่อยอดไปอีก คันต่อไปก็ต้อง รถ EV แน่นอน คุณภาพในปัจจุบันนี้ก็ค่อนข้างดีกว่า รถสันดาป ชาร์จไฟที่บ้าน สะดวกสบาย

@user-gm4ei7zd5l Жыл бұрын

อย่า ลืมนะครับ รถ EV มี องค์ ประกอบ น้อยมาก ครับ มอเตอร์กับแบต CPU ควบคุม การพัฒนาถึงไปเร็วมากครับ

@lngle7159 Жыл бұрын

สุดท้ายสันดาบลดลงแน่นอน ไม่งั้น เทสร่าไม่ลงมาเล่น...

@jakgridrungsangjun5957 Жыл бұрын

ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า ที่ญี่ปุ่นไม่ต้องการพัฒนา EV เพราะยังไม่มีวัตถุดิบ หรือทรัพยากรที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่ง หากพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาแล้วไม่มีวัตถุดิบที่ตนเองได้เปรียบ ก็จะต้องขายเทคโนโลยีไป ซึ่งผู้ซื้อเทคโนโลยีไปจะไปทำกำไรได้มากกว่าครับ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถูกผิดยังไงก็ขออภัยด้วยครับ

@nateekhaophum3 Жыл бұрын

ก็สร้างไหม่คุ่ไปซิ... สันดาบตกแน่ถึงไม่หมดไปก็เถอะ

@user-ju2bg7kd3s Жыл бұрын

ออกความเห็นได้ครับ เคารพความเห็นของทุกท่านครับ

@engivator 11 ай бұрын

ใช่แล้วครับ ญี่ปุ่นไม่อยากพึ่งพาจีนเรื่องแบต แต่ก่อนแค่ทำรถ น้ำมันก็ให้ผู้บริโภคไปเลือกเอง ตอนนี้ต้องมาเลือกแบตมาใส่รถอีก จีนได้เปรียบเรื่องนี้มาก

@Tas_Honda 10 ай бұрын

ผมคิดตามนั้นเลยครับ เอาอะไรไปสู้และพัฒนา ถ้าต้องซื่อแร่จากจีน ยังไงต้นทุนก็ต่างกันอยู่แล้ว แน่นอนว่า ผลิตมายังไงราคาก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว

@saranhongskrailers4831 Жыл бұрын

ผมคิดว่าญี่ปุ่นไม่มีทางสู้จีนได้เลย สำหรับรถ EV ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคตครับ จีนพัฒนาเร็วมาก คุณภาพรถ การประกอบ วัสดุ ก็ดีขึ้นมาก ยิ่งถ้าไปดูในกลุ่มรถหรูนี่ ค่ายยุโรปยังกลัวเลย ออฟชั่นจัดเต็มไม่มีกั๊กเหมือนรถญี่ปุ่น ยุโรป ยิ่งถ้าญี่ปุ่นรอเวลาให้แบ๊ตเตอร์รี่ราคาถูกลงก่อนค่อยคิดผลิตจริงจังนี่ยิ่งคิดผิดเลยครับ ถึงตอนนั้น ยิ่งแบ๊ตถูก จีนยิ่งได้เปรียบ ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่ได้ตามแค่จีนกับอเมริกานะครับ ยังตามเกาหลีใต้ด้วย ทั้งที่เกาหลีใต้สภาพทางกายภาพก็ไม่ต่างจากญี่ปุ่นมากนั้ก แต่บริษัทผลิตรถเค้าปรับตัวเร็ว

@OhmUdomvanich Жыл бұрын

ใช่ครับ ลองดู NIO คือ ไปไกลมากๆ และ จีน ไม่ได้มีแค่ Brand จีน แต่มี ค่ายรถจีน ไปซื้อบริษัทแม่ ที่ยุโรปมาอีก คือ ในประเทศก็ Joint Venture ในระดับโลก ก็ Major Shareholder and Joint Venture.

@user-xv3yy2jf5l Жыл бұрын

ญี่ปุ่นมี รง.ที่รับผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และผลิตเครื่องยนต์สันดาบจำนวนมหาศาลส่งมอบไปยังรง.ทุกแห่งบนโลกที่มี รง.รถแบลนด์ญี่ปุ่น..แรงงานจำนวนนี้จะกระทบทันทีถ้าผันตัวไปเล่นEV

@thefirstclass3423 Жыл бұрын

แต่จีนวันนึงมีความคิดแบบรัสเซียบุกไต้หวันทุกอย่างพังจีนขึ้นยุกะพี่สีคนเดียวเรื่องพวกนี่อาจจะคาดไม่ถึงนะครับ

@wareeratnarangkool1544 13 күн бұрын

ก็ยังมีหลายคนที่ยังไม่ไว้ใจรถไฟฟ้าค่ายจีนนะคะ ใยขณะที่โตโยหลายคนเค้าติดแบรนด์นี้มานานนับ 60 ปี

@charnpeng Жыл бұрын

บริษัทผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น ก้าวพลาดก้าวแรกคือ ไม่คิดว่า ความนิยมรถไฟฟ้าจะพุ่งแรงอย่างก้าวกระโดด จึงใช้การผลิตไฮบริดแทนที่ ซึ่งถือว่าล้มเหลว ในเรื่องยอดขายมาก แม้ญี่ปุ่นจะมีเงินมากมาย แต่ต้องไปลงทุนในไฮบริด จึงทำให้ไม่สามารถทุ่มเงินลงทุนรถไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ และความรู้เรื่องรถเครื่องยนต์ก็ไม่สามารถนำมาใช้กับรถไฟฟ้าได้เลย ความรู้เรื่องแบตเตอรรี่ก็ล้าหลัง มีแค่พานาโซนิคเท่านั้น และพัฒนาการแบตเตอร์รี่ก็ก้าวกระโดด ในอนาคตไม่ไกล สองหรือสามปีนี้ ราคาแบตเตอร์รี่รุ่นใหม่จะถูกลงกว่าครึ่ง ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะโตอย่างพรวดพราดก้าวกระโดด ทิ้งญี่ปุ่นไว้ข้างหลัง และญี่ปุ่นก็ได้ก้าวผิดพลาดก้าวที่สองอีกครั้งที่ยังเชื่อว่า EV ยังจะไปไม่ใกล ยังมีเวลา ในความเป็นจริงคือ ทุกอย่างสายไปแล้ว แม้กระทั่งญี่ปุ่นอาจจะเปลี่ยนใจ กลับหลังหันเปลี่ยนมาพัฒนา EV แต่เพราะญี่ปุ่นขาดความรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับ EV จึงยากจะรักษาความเป็นผู้นำอุตฯยานยนต์ แค่รอดตัว และเพียงไม่กี่บริษัท หลายบริษัทจะสูญพันธ์ในอนาคตไม่ไกลนี้ ตัวเลขไม่เคยโกหก

@sayunon Жыл бұрын

ผมไม่คิดว่าเค้าก้าวพลาด แต่คิดว่าเค้ายอมรับไม่ได้ที่ต้องทิ้งในสิ่งที่เค้าคิดมาดีแล้วมากกว่าครับ เพราะยักษ์ใหญ่ในด้านนี้จะมองภาพกว้างๆไม่ออกคงไม่น่าใช่แต่ติดอย่างที่บอกและรับไม่ได้มากกว่าครับ

@bomogo1840 Жыл бұрын

ผมว่าก้าวพลาดครับ เพราะไม่ก้าวไปข้างหน้าดันยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ก็เหมือนโกดัก

@lekpatthanakitjaroen8891 Жыл бұрын

😅pp😊

@pakpumnitipateep8552 Жыл бұрын

@@bomogo1840 โกเต็ก ด้วยครับที่ก้าวพลาด

@saturn686 9 ай бұрын

ก้าวพลาดละครับ เพราะเขาไปมุ่งไฮบริดและหวังกับไฮโดรเจน แต่ต้นทุนไฮโดรเจนแพงมากเกินกว่าที่จะผลิตในเชิงพาณิชย์

@abcdefgh456789 10 ай бұрын

👏🏻👏🏻👏🏻 ยุ่นเค้าไม่ตามกระแส คิดถูกที่สุดดดดดเชียร์แล้ใช้รถ น้ำมันต่อไป

@NataRaChaTa Жыл бұрын

เรายังใช้เทคโนโลยีของรถ ICE ไม่หมดเลยครับ รถ ICE+Hybrid ยังมีขั้นบรรไดให้พอยกระดับประสิทธิภาพได้อยู่ และอีกไม่นานเราจะตระหนักว่า EV เองก็สร้างมลพิษไม่น้อยเลย

@Thenakderntang 10 ай бұрын

ผมชอบแนวคิดนี้นะครับ มันไม่ใช่ว่า ev คือรักษ์โลกขนาดนั้นครับ แบต คือ สุดยอดของขยะปนเปื้อนสารพิษ ต้องมีระบบการจัดการที่ดี ไม่งั้นตามแต่ครับ ตอนผลิตก็ไม่ใช่พลังงานสะอาดขนาดนั้นครับ ถ้าบอกว่ารถไฟฟ้าคือทางเลือกยานพาหนะก็พอ อาจลดคาร์บอน แต่เพิ่มพิษโลหะหนักอื่นจากแบตแทนครับ

@surasakchumpunya3520 Жыл бұрын

ญี่ปุ่นคิดไกลกว่านั้น เพราะถึงเป็น อีวี ญี่ปุ่นก็ต้องซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ ที่มีจำกัดและนับวันแพงขึ้น หายาก อย่างลิเธียม จึงคิดรถไฮโดร ผมคิดเป็นความก้าวที่ล้ำกว่า อีวี ครับผม

@DKKDDBC Жыл бұрын

รอดูกันยาวๆเนอะ

@user-ev3dj1oz3o Жыл бұрын

รถไฮโดรเจนทำมา 20 ปีแล้ว ขายออกไปประมาณ 20,000 กว่าคัน ความนิยมไม่ได้เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักน่าจะมาจาก - ผู้คนยังติดภาพความไม่ปลอดภัยเนื่องจากในรถมีถังแรงดันสูงมาก ถังแก๊ส Hydrogen จะมีแรงดันของก๊าซประมาณ 10,000 psi. ขณะที่ NGV ว่าสูงแล้วก็ยังแค่ 2200 - 2008 - ปัญหาต่อมาคือราคาก๊าซสูงมาก เมื่อเทียบกับไฟฟ้า เฉลี่ยปัจจุบันค่าเดินทาง 4 บาทต่อกิโลเมตรขึ้นไป - ปัญหาสุดท้ายสถานีเติมก๊าซไฮโดรเจนลงทุนสูงมาก อย่างน้อย 50 ล้านบาทต่อสถานี ไฮโดรเจนจึงเหมาะกับรถบรรทุกมากที่สุดข

@Anurak12341 Жыл бұрын

ญี่ปุ่น คิดไม่ถึงว่า รถ EV จะเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วแบบในปัจุบัน เลยไม่คิดที่วิจัยพัฒนา ที่จริงถ้าเหตุผลรอจังหวะเวลาแบตเตอรี่ให้ราคาถูกจริง ต้องทำควบคู่กับรถสันดาบ แล้วค่อยเปลี่ยนผ่านไปพร้อมกับคนอื่นก็ได้ แต่ดูแล้วตอนนี้น่าจะตามไม่ทันคนอื่นแล้ว กว่าจะคิดได้จะต้องสูญเสียตลาดให้รถ EV มากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตุได้ว่า รถ EV ญี่ปุ่นที่ออกมาแต่ละรุ่น สู้รถจีนไม่ได้เลย เห็นได้ว่าขาดการวิจัยพัฒนาอย่างจริงจังมากกว่า จากนี้ต่อไปคงยากแล้วหละ

@DKKDDBC Жыл бұрын

ใช่เลยครับ

@OhmUdomvanich Жыл бұрын

ญี่ปุ่นไม่เข้าใจ EV เลยครับ คือ พอรถ EV ออกมา รถรับได้ กับการชาร์จที่บ้าน ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปเติมน้ำมัน แต่อาจจะเสียเวลาไปเติม DC กรณีเดินทางไกล หรือ ลืมชาร์จ แต่ สุดท้ายแล้วรถ EV ทำให้พฤติกรรมผู้ใช้รถเปลี่ยนและ คนยอมรับได้ กลายเป็นว่า ญี่ปุ่นตกขบวนเลย และพอออกรถมา อย่าง Lexus RZ 450e ถึงแม้จะเป็น CCS Type 2 แต่ ไม่รองรับ 22kW ทั้งๆที่รถ ราคา เกือบ 4 ล้านบาท แค่นี้ก็สอบตกแล้ว เพราะ 22kW มันจำเป็นสำหรับรถ EV แต่ไม่ใส่มา

@terao1111 Жыл бұрын

เราว่าตราบได้ที่น้ำมันยังใช้ได้อีกหลายปีเขาก่อยังผลิตออก มา

@PhatrawuthKensomsri Жыл бұрын

@@OhmUdomvanich เค้าน่าจะเข้าใจดีมั้งครับ แต่ตลาด BEV ยังไม่ตอบโจทย์นโยบายเค้ามากกว่า ปัจจุบันในโลกใบนี้รถไฟฟ้ามีกี่ % ของจำนวนรถใช้งานทั้งหมดน่าจะ 10% ของทั้งโลกดันกันมาเป็นสิบปีล่ะ เค้ามีหลายหลายพลังงาน ทั้ง ICE, HEV, PHEV, FCEV ปัจจุบันยังมี H2 โดยใช้เครื่องยนต์ ICE เทรนด์ปัจจุบันโลกก็เปิดรับไฮโดรเจนกันแล้วหลังจาก EU อนุมัติให้ใช้พลังงานไฮโดรเจนกับรถยนต์ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ในปี 2021 ทำให้หลายค่ายเรื่มหันมาพัฒนารถไฟฟ้า FCEV กันมากขึ้น Toyota ก็ขายสิทธิบัตรออกไปเยอะให้ค่ายรถต่างๆ ในประเทศจีนเองรัฐบาลก็หันไปส่งเสริมรถพลังงานไฮโดรเจนกันแล้วตั้งแต่รถส่วนบุคคลยันรถไฟ ทั้งยุโรปก็ชี้ไปทางไฮโดรเจน ส่วนเกาหลีใต้ 2567น่าจะเห็นเป็นจำนวนมากสำหรับรถไฮโดรเจน ประเทศไทยก็มีแผนไฮโดรเจนแห่งชาติออกมาแล้ว มันจะไม่เกิดได้อย่างไร รถชาร์จปลั้กถ้าไม่มีโรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้ามาให้ชาร์จก็จอดกันอยู่ที่บ้าน ต้นทุนโรงไฟฟ้ามีคนทำมาก่อนเราเลยมอบว่าสะดวกสบาย ถ้าชาร์จบ้านสะดวกคงวิ่งหาตู้ชาร์จนอกบ้านกันมั้งครับ ไฮโดรเจนก็มีคนพร้อมลงทุนทั้งพลังงานและตัวรถแถมยังมีน้ำมันสังเคราะห์ที่ใช้แทนฟอสซิลได้ไม่ก่อมลพิษใช้เครื่องยนต์ ICE ได้ การทำรถหลายหลายพลังงานจะแพ้รถพลังงานเดียวได้อย่างไร มีแต่พวกำลังงานเดียวจะปรับตัวไม่ทันมากกว่า GAC, Nissan Dongfeng, XP1, Honda, Toyota, Reynualt, Hopium, Hyundai, BMW และอีกหลายค่ายทั้งในยุโรปและอเมริการวมถึง UK ที่กำลังผลิตรถ FCEV ออกมาขายเบื้องหลังก็มาจากเทคโนโลยีที่ Toyotaพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆนั่นลาะครับ

@JimMortensen-vh5xw Жыл бұрын

ผมว่าญี่ปุ่นอาจจะเป็นเสือซุ้มก็ได้ใครจะไปรู้หละครับ ขนาดนิวเคลียร์ หลายๆ ประเทศ ยังมีการ แอบสร้างแอบทำแอบทดลองเลยนะครับ นับประสาอะไรกับ รถ Ev แค่นี้โครงสร้างพื้นฐานของรถญี่ปุ่นมีหมดนะครับ แค่เพียงเปลี่ยนจากถังน้ำมันมาเป็นแบ็คเตอร์รี่ และเครื่องยนต์ เปลี่ยนมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแค่นั้นเอง อย่างอื่นแทบไม่ต้องมาวิจัยเลยด้วยซ้ำ เช่นช่วงล่าง ระบบความปลอดภัยต่างน่าๆ และระบบไฟฟ้า ซึ่งญี่ปุ่นเองก็ถนัดเรื้องนี้อยู่แล้ว..ศูนย์บริการก็มีอยู่เป็นจำนวนมากทั่วโลก....และสาเหตุที่ญี่ปุ่นยังไม่เอาจริง น่าจะเป็นเพราะญี่ปุ่น มีโรงงานผลิต รถยนต์สันดาป อยู่ทั่วโลก ถ้าจะเปลี่ยนแปลงก็คงจะต้องใช้ทุนมหาศาล นั้นแหละครับคือสาเหตุ เพราะญี่ปุ่นเองก็คงจะต้องรอจังหวะว่าถ้าเปลี่ยนแล้วมันจะคุ้มกันหรือเปล่านะครับ....

@yuukijung Жыл бұрын

ญี่ปุ่นพัฒนา hybrid ได้ดีจริงๆ กินน้ำมันน้อยมากและอัตราเร่งดีมาก กินน้ำมันไม่ถึงกิโลเมตรละ 2 บาทแล้ว ถ้าญี่ปุ่นพัฒนา hybrid ได้กิโลเมตรละไม่ถึงบาท รถEV ก็น่วมเหมือนกัน เพราะรถ EV ต้องเสียเวลาชาร์จแต่รถน้ำมันไม่ต้องเสียเวลา

@ruthp2693 Жыл бұрын

Ev ชาร์จเร็วขึ้นทุกวันจนตอนนี้เหลือ 30 นาที ต่อไปสองสามปีน่าจะเหลือ 15 นาที เรื่องเวลาจะเริ่มไม่ได้เปรียบ

@ruthp2693 Жыл бұрын

EV ใช้ไฟบ้านโลละ 0.6 บาทเอง

@yuukijung Жыл бұрын

@@ruthp2693 ไม่เป็นไร คนรวยเติมน้ำมัน คนจนก็ชาร์จไฟไปสิ จ่ายเงินซื้อเวลาในชีวิตดีกว่าไม่ต้องมารอชาร์จทีละ 30นาที ชาร์จ1ปี เวลาหายไปกี่วันแล้วกับการชาร์จรถ

@petetia9364 Жыл бұрын

@@yuukijung ตรรกะอะไรวะ 555 คนรวยก็ใช้รถไฟฟ้านะ ไม่ต้องจนก็ได้

@user-ym3xr5xf3s Жыл бұрын

hybrid มทั้งเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ค่าซ่อมค่าบำรุงรักษามากกว่า รถน้ำมันด้วยซ้ำ ญี่ปุ่นตัดสินใจผิด ตามไม่ทันแล้ว ก็พยายามยืนยันสิครับ

@gtbusa1208 10 ай бұрын

ญี่ปุ่นมีศักยภาพน่าจะทำมอเตอร์ ไฟฟ้า ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลกได้ อนาคตมีโอกาสพัฒนาsolid state battery โดย panasonic ,sanyo ถึงเวลานั้นเกมส์อาจเปลี่ยน

@beam408 Жыл бұрын

วิเคราะห์ดี อย่างที่ในคลิปบอก EV / ICE มันกินกันไม่ขาด ไม่เหมือนโทรศัพท์ , กล้อง ต้องอาศัยแรงผลักดันจากฝั่งรัฐบาลเยอะพอควร เหมือนที่จีนทำทุกวันนี้ ด้วยความที่มีข้อดีข้อเสียคนละแบบ ก็คงจะใช้คู่ขนานกันไป เหมือน Mac OS / Windows OS

@user-vm4xj6dy4x Жыл бұрын

เพราะเครื่องยนต์และซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสันดาบยังอยู่ในสต็อกเป็นจำนวนมาก คงต้องพัฒนาให้วิ่งได้50กม.ต่อน้ำมัน1ลิตร รับรองชนะevแน่นอน หรือไม่ก็รีบผลิตรถสันดาบคุณภาพดีราคาถูกที่สุดเพื่อแปลงสต็อกเป็นเงินโดยเร็ว แล้วผลิตรถevควบคู่ไปด้วย ไม่งั้นญี่ปุ่นตกขบวนประเทศมีอันจะกินแน่นอน

@Private-1961 Жыл бұрын

เหตุผลจริงๆคือไม่มีปัญญาสู้ เพราะรถ EV คือสมาร์ทคาร์ หรือ คอมพิวเตอร์ติดล้อ หัวใจสำคัญคือซอฟแวร์ ในโลกนี้ อเมริกา จีน เกาหลี คือผู้นำ เยอรมัน กับ ญี่ปุ่น ยังไม่มีศักยภาพ ดูจากสมาร์ทโฟนตอนนี้มี อเมริกา จีน เกาหลี เป็นผู้นำ เจ้าตลาดรถสันดาปอย่างเยอรมันกับญี่ปุ่นได้แต่มองตาปริบๆ

@AceViscott Жыл бұрын

ชอบๆๆ คอมเม้นท์นี้ตรงประเด็นสุดละ

@AbABimobile Жыл бұрын

มาสเต็ปเดียวกับ Kodak ทำได้ก่อนเค้า แต่เก็บไม่เอามาขายต่อยอด สุดท้ายตลาดไปไกลแล้ว กลับตัวไม่ทัน ล้มละลาย

@user-jw4uv6lx8v Жыл бұрын

จริงแท้ แน่นอน รู้ทุกอย่างแต่ไม่ทำ

@9nine9Kao 10 ай бұрын

โกดัก เค้าคอนเซอร์เวทีฟ แล้วมีสิทธิ์บัตรเยอะแยะ ดูเหมือนเค้าไม่แคร์ สไตล์เมกา ลองถามเด็กที่เรียนอเมริกาเค้าสอนมาอีกแบบรึป่าว คือจบสุดแล้วทิ้งเลย ไม่เวิ้นเว้อร์แบบเรา แนวความคิตต่างกัน

@9nine9Kao 10 ай бұрын

เบอร์ 1 ครับ รอครับยังไงก็รอ รอตหยอดตังค์ใส่กระปุกอยู่

@everlight888 10 ай бұрын

ต่อไปในอนาคต รถพลังงานอื่น ๆ ก็อาจจะออกมา และถึงตอนนั้นรถ EV อาจจะเป็นแค่ตัวเลือกอย่างนึงก็ได้ครับ

@user-sw8ou5jh3u 10 ай бұрын

เห็นด้วยครับส่วนตัวมองว่าเครื่องยนต์สันดาปยังไม่ตายจากโลกนี้ไปอีกนาน

@praditbizfita525 Жыл бұрын

ทีวีก็โดนเกาหลีเอาไปกินหมดแล้ว จากการออกแบบที่สวยงามขอบบางเฉียบ มองดูทันสมัย

@user-zy3tl3bb6j Жыл бұрын

Block blaster, Kodak, Nokia ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่

@xbarkrub Жыл бұрын

ผมว่า ญี่ปุ่นต่อไปอาจจะแค่เป็น Suppier อะไหล่ให้รถไฟฟ้าจีน เพราะรถไฟฟ้าจีนใช้อะไหล่ญี่ปุ่นหลายตัวเลย

@user-jo7ix3yv9h Жыл бұрын

ถ้าญี่ปุ่นไม่เร่งผลิตรถ EV ก็อาจจะเหมือน ฟิล์ม โกดัก, ฟูจิ ไม่คิดว่ากล้องดิจิตอลจะพัฒนาได้รวดเร็วมาก

@41bigbig 11 ай бұрын

ฟูจิฟิล์ม ถึงแม้จะเลิกผลิตฟิล์มถ่ายรูปไปแล้ว แต่ก็มาเน้นทำกล้องดิจิตอลและเลนส์ของช่างภาพ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องล้างอัดรูป อุปกรณ์ทางการแพทย์แบบเอ๊กซเรย์ และโซลูชั่นต่างๆ ถือว่ารู้ตัวเองก่อนและทำหลายอย่างยังคงเติบโตดีพอสมควร ไม่เหมือนโกดักที่อยากทำแต่ฟิล์มกล้องถ่ายรูปและฟิล์มหนังยึดตัดรูปแบบธุรกิจเดิมๆจนเจ๊งฟื้นตัวไม่ได้อีกเลย

@maxbattmaxbooster4846 Жыл бұрын

ขอบคุณ เห็นภาพได้ชัดเจนมากเลยครับ

@user-wv6mx6xi7g 10 ай бұрын

ทุกวันนี้ มีคนใช้รถไฟฟ้า กี่คนกันเชียว เอาจริงๆ ผมว่า คนยังมั่นใจรถน้ำมันกันอยู่ เพราะเทคโนโลยีรถไฟฟ้ามันยังไม่นิ่ง คนซื้อรถไฟฟ้าทุกวันนี้ ก็เหมือนทดลองให้คนอนาคต ว่าผลดีผลเสียเป็นอย่างไร การจะเปลี่ยนจากรถน้ำมันเป็นไฟฟ้า ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าอีก 10 ปี ญี่ปุ่นยังมีเวลาเปลี่ยนแปลง

@user-zb4md4eh3v Жыл бұрын

โนเกียเคยเจ้งมาแล้วรถน้ำมันจุดจบน่าจะใกล้เคียงกัน ถ้าจะเริ่มยังตามหลังจีน ราคารถจีนถูกกว่าญี่ปุ่นเยอะด้วย

@buddyiamp7879 Жыл бұрын

โรงงานไหนเก่าก็รื้อทิ้งสร้างใหม่ผลิตอีวีคาร์ หรือไม่ก็แยกบริษัทลูกผลิตอีวีคาร์ไปเลย

@panitarinnanon-wl2he 10 ай бұрын

เชื่อมั่นในสินค้าเจแปน นั่นคือสาเหตุที่รอดูรถไฟฟ้า 3-5ปี

@user-jl3qw9se4f Жыл бұрын

ผมเห็นคอมเม้นหนึ่งถูกใจผมและก็จิง ถ้าคิดจะเปลื่อน ชัฟพายเออร์ ตาย และคนก็จะตกงาน คิดให้ดีนะคับ รถก็คือรถ จะถูกจะแพงก็คือรถ เศษเหล็กวิ่งได้นี้ละ

@SuicidaL10dencY Жыл бұрын

มองแล้วเหมือนกล้อง DSLR ฝั่ง Nikon กับ Canon เลย ที่ตอนนี้โดน Sony ตีเรื่อง Mirrorless ทิ้งกระจาย ปัญหาคือถึงเปลียนแล้วแต่ก็ตามไม่ทัน ที่สุดแล้วญี่ปุ่นน่าจะทำไลน์ผลิตรถ EV เพิ่มขึ้นเพราะกระแสอุปโภคของทั้งโลกมันไปแนวนั้น แต่กว่าจะตามทันคงโดนทิ้งไปไกล

@nrtncm 11 ай бұрын

ไม่ทันแล้ว แค่ต้นทุนแรงงานก็สู้ไม่ไหวแล้ว แล้วจะอีกจิปาถะล่ะ ถึง ev จะซับซ้อนน้อยกว่า แต่ใช่ว่ามันจะไม่มี มันเหมือนเปลี่ยนระบบเงิน FIAT ไปเป็น Cryptocurrency ในระบบ Blockchain นั่นคือทิ้งระบบเก่าทั้งหมด ยกยวงไปอยู่ในระบบใหม่ ขืนคาราคาซังจะยิ่งติดหล่มในบ่อโคลนดูดเข้าไปกันใหญ่

@user-li8et4nj4y 10 ай бұрын

สาเหตุที่แท้จริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นยังหมกมุ่นอยู่กับเครื่องยนต์สันดาบเพราะค่ายรถเสียดายรายได้จากการเซอร์วิสเครื่องยนต์ครับ ลองไปดูรถไฮบิดซิครับยังไม่ยอมให้ชาจน์ไฟเลย ต้องให้ใช้เครื่องยนต์ตลอดเวลา เพื่อให้เครื่องยนต์สึกหรอมากๆ ส่วนเหตุผลเรื่องรักโลกนั่นเป็นแค่ข้ออ้าง

@KengD Жыл бұрын

ญี่ปุ่นยากกแล้ว อย่าลืมวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่นการคิดการเปลี่ยนแปลงการบริหาร ไม่เหมือนฝรั่งนะครับ. ใครเคยทำงานกับคนญี่ปุ่นจะเข้าใจ

@Just-A-Cake-t2l Жыл бұрын

เคสโตโยต้า อาจจะคล้าย Kodak ที่ไม่ไป digital camera มากกว่าโนเกีย ที่ไม่ไปแอนตรอย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีผลลัพท์เหมือนสองเคสที่บอกมา ส่วนเรื่อง EV ผมมองว่า ข้ออ้างของญี่ปุ่นทางยุโรป/เยอรมันก็ไม่ต่างกันที่ผลิตเครื่องICE มาก่อนและไม่ได้เริ่มต้นจากอุตสาหกรรม EV สุดท้ายก็ต้องปรับตัวตามกระแสโลกได้ไวเมื่อเทียบกับทางญี่ปุ่น สุดท้ายก็จะรอดูครับว่าญี่ปึ่นตัดสินใจถูกต้องหรือไม่

@PhatrawuthKensomsri Жыл бұрын

Toyota ขายสิทธิบัตรด้าน FCEV ไปให้หลายๆค่ายรถยนต์ในโลกนี้พัฒนา FCEV ซึ่งตอนนี้หลายค่ายเริ่มปล่อยของกันออกมาแล้วทั้งฝั่ง ยุโรป จีน อเมริกาแม้กระทั่งฝั่งเกาหลีใต้ เราจะเห็น FCEV และ H2 เครื่อง ICE นับล้านๆคันในอีกไม่นานนี้ Toyota จะตกยุคได้อย่างไรกันมีแต่พวก BEV จะตกยุคหดตัวลงไปเรื่อยๆ พวก BEV เรียกว่าตลาด Red Ocean ไปแล้วในตอนนี้ อดใจรอในประเทศไทยครับ เดี๋ยวเราจะได้รู้จักกับคำว่า FCEV กันมากขึ้นและจะทึ่งกับ Technology ที่สุดล้ำในราคาทั้งตัวรถและพลังงานที่จับต้องได้

@pinfa4547 11 ай бұрын

เราอยู่ต่างจังหวัดบอกเลยว่าไม่สะดวก บางปั้มมีชาร์ต EV จริง แต่หัวจ่ายไฟดันเสีย ละฉุกเฉินว่าไฟหมด มันเสียเวลาค่าใช้จ่ายจริงๆนะ น่าจะเหมาะกับใน กทม. มากกว่า หรือคนที่สามารถกำหนดระยะทางแต่ละวันที่เดินทางได้ 😢😢 คงยังไม่เหมาะกับเราในช่วง 10 ปีนี้

@peterfairtex Жыл бұрын

ในอนาคตเขาห้ามนำเข้ารถน้ำมัน แล้วจะผลิตขายให้ไคร

@superdance999 10 ай бұрын

การไม่ใส่ใจ ตลาดใหม่ที่เติบโต แม้จะเล็กน้อยเป็นเรื่องที่ผิดพลาด จริงๆ อย่าไปคิด เรื่อง การเลิก และทุบทิ้งอะไร แต่ต้อง แบ่งสัดส่วนของใหม่และเก่า ช่วง 20 ปีหลังๆมา การตัดสินใจ การเปลี่ยนตัวเอง ให้เข้ากับ เหตุการณ์ ธุรกิจ ของญี่ปุ่น ไม่ทันเหตุการณ์ บริษัทดังๆ ล้มตาย เสียส่วนแบ่งมากๆ ขนาด ceo บริษัทดังๆ ต้องเปลี่ยนเอาคน ชาติอื่นมาทำงานแทน เราลอง นึกๆ เรื่องมือถือ ครับ sony ericson กับ ซิมเบียน เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน มันมาไวมากๆ ตอนนี้ รถไฟฟ้า มันมีข้อจำกัด อยู่หลายอย่างก็จริงแต่ลองคิดดู ว่า ถ้าข้อจำกัด พวกนี้หายไป ถูกพัฒนาให้ดี ขึ้น ราคาถูกลง ในไม่ช้า คนก็จะมาใช้ กัน เยอะ ถึงเวลามันทันมั้ยครับ

@bomogo1840 Жыл бұрын

พอดีคุณไปยกตัวอย่างของ nokia มาเปรียบเทียบมันไม่น่าเทียบได้ เอาจริงๆเคส kodak จะใกล้เคียงกว่าเพราะ กล้องฟิล์มกับกล้อง digital ในยุคเริ่มต้นจะใกล้เคียงกับรถ EV ..ญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องทิ้งสันดาปก็ทำให้คนณี่ปุ่นใช้ไป แต่ต้องสร้างใหม่เลยสำหรับตลอดนอกประเทศ เพื่อให้มาถดแทนการลดถอยของสันดาปได้ทัน เพราะอนาคตสันดาปมันชัดเจนมากแล้วว่าจบแน่แต่จะเมื่อไหร่เท่านั้น แล้วคุณเคยได้ยินบ่อยขึ้นเรื่อยๆไหมว่า ถ้าได้ลองขับ EV แล้ว จะไม่กลับไปขับสันดาปอีก เพราะไม่ใช่แค่เรื่องดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือประหยัดเท่านั้น แต่ประสิทธิภาพมันไปไกลสันดาปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้วครับ

@ptong5102 Жыл бұрын

รถคันแรก โตโยต้า cng อะไหล่แพง ซ่อมแก้ปัญหาก็ไม่ถูกจุด ส่วนด้านในรถก็แคบเมื่อเทียบราคากับฮอนด้า บอกลาโตโยต้าไปแล้วครับ

@haha4876 Жыл бұрын

หลักๆคือแร่ที่ใช้ในการผลิตแบต ส่วนมากมีอยู่ที่จีน ญี่ปุ่นเสียเปรียบในเรื่องนี้มาก

@Somchai555 Жыл бұрын

แบตเตอรี่คือหัวใจหลักของรถอีวี จีนมีความก้าวหน้ามากกว่า ญีปุ่นอาจจะรอเวลาเพื่อต่อยอดก็เป็นได้ แต่ต้องมีการลงทุนผลิตและพัฒนาเอง ไม่งั้นอาจเหมือนวินฟาส ไม่สามารถหาแบตเตอรี่ตามสเปคมาใส่รถอีวีของตัวเองได้

@dekbolanulalaa3613 9 ай бұрын

ชอบรถนำมันเหมือนเดิมครับ😊

@sherockduds7486 10 ай бұрын

โตโยต้าเป็นบริษัทแรกที่สนใจทำรถอีวี ด้วยการซื้อหุ้นเทสล่าในตอนแรก แต่ด้วยวิสัยทัศของผู้นำองค์กรที่ตาไม่ถึงพอเลยขายหุ้นเทสล่าและลอยแพอีลอนไป สุดท้ายรถไฟฟ้าโตได้จริง

@sombat_9987 Жыл бұрын

ต้องขอบคุณพี่จีนจริงๆที่พัฒนารถมาได้ไกลขนาดนี้ ทำให้เจ้าตลาดเลิกทำการตลาดแบบกั๊กๆ ทยอยปล่อยของได้สักที

@KP2002-d9b Жыл бұрын

Battery คือคำตอบ เพราะยังผลิตเองได้ไม่ดีพอ ไม่มากพอ คอสเลยสูงอยู่ รอจนกว่าเทคโนโลยีการใช้พลังงานจากแบตลดลงครึ่งหนึ่งในปริมาณแบตเท่าเดิม ญี่ปุ่นจะเดินหน้าได้เต็มตัว

@user-li8et4nj4y 10 ай бұрын

อย่าอ้างเรื่องราคาเลยครับ ราคานั่นเป็นปัจจัยหนุนด้วยซ้ำเพราะรถ EV สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ เช่น tesla สามารถทำให้อีลอน มัสก์เป็นมหาเศรษฐีระดับโลก

@perapmc Жыл бұрын

โซนี่ เคยคิดแบบนี้ กับซัมซุง สุดท้าย ต้องยอมซัมซุง

@officebearbear3995 Жыл бұрын

ต้นทุนของญี่ปุ่น คือเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ แต่พวก ev ต้นทุนคือ แบตเตอรี่ ดังนั้น ญี่ปุ่นน่าจะปรับตัวได้ยากพอสมควร เพราะต้นทุนที่แตกต่างกัน และญี่ปุ่นต้องใช้เวลามากขึ้น ไม่เหมือนบริษัทที่เริ่ม ev เลย

@phakhawatwat826 Жыл бұрын

มันผึ้งเริ่ม...รอดู2025 สิ สนุกแน่ แต่ส่วนแบ่งการตลาดคงไม่เหมือนเดิม บริษัทเยอะจัดใครจะอยู่ใครจะไป คงช่วง 2030-2033 นี่แหละ

@kaladasa6666 Жыл бұрын

ข้อเสียเดียวของรถ ev ตอนนี้คือชาร์จแบตนาน แต่ถ้าวันใดสามารถแก้ปัญหานี้ได้ วันนั้นรถน้ำมันก็เตรียมตัวเจ๊งได้เลย

@supery7588 Жыл бұрын

จริงควรพูดถึง K-car ด้วยนะครับ ถ้าจะพูดถึงรถ EV ในแง่ความประหยัด ต้องดูเชิงลึกในสังคมคนญี่ปุ่นเองด้วยว่า K car เอง นอกจากจะประหยัดน้ำมันกว่ารถไซส์ใหญ่แล้ว ยังประหยัดในเรื่องของ ภาษีต่างๆอีกด้วย อีกจุดหนึ่งคือ k car เป็นรถที่ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่นช่องจอดเฉพาะ การยกเว้นรายจ่ายบางอย่าง แถมราคายังถูกมากๆอีกด้วยเช่น ภาษีรถใหม่ถูกกว่า ภาษีน้ำหนักตัวรถถูกกว่า อัตราค่าประกันภัยบังคับถูกว่า ภาษีประจำปีถูกกว่า ไหนจะเรื่องที่จอดรถซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในญี่ปุ่นด้วย อยากให้หาข้อมูลในหลายๆมิติก่อนนำเสนอครับ

@smithporall1552 10 ай бұрын

การแข่งขัน ตลาดรถไฟฟ้า ที่ราคาต่ำลง ส่งผลให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ อัตราการเติบโตก้าวกระโดด ผู้บริโภค เริ่มเห็นปัญหา การเข้าคิวรอชาร์ท ตามสถานี หากการเติบโตของผู้ใช้เพิ่มขึ้น เชื่อว่าค่าไฟฟ้า ก็เพิ่มตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจุดสูงสุด คือ ไฟฟ้าไม่เพียงพอ จอดนิ่งได้อย่างเดียว ญี่ปุ่นและค่ายผู้ผลิตรถ คิดป้องกันไว้พอควร อย่างนิสสัน ออกรุ่น คริ๊ก ที่ใส่เครื่องยนต์ผลิตไฟฟ้า แทนการชาร์ท ก็พอทน แต่ระยะยาว เครื่องยนต์ ที่ใช้ ไฮโดรเจน หรือ น้ำ น่าจะได้เป็นทางเลือก ถ้าไม่โดน บริษัทน้ำมัน สอยไปเก็บ อย่าลืมนะ ไฮโดรเจน ผลิตได้จากการแยก น้ำ และถูกใช้มานาน ความปลอดภัย เหมือน รถเติม ก๊าซ ทิศทางญี่ปุ่น ก็ยังคงอยู่กับ พลังงานสันดาบต่อไป ไม่ต้องปรับโครงสร้างการผลิตมาก เพียงแต่ต้องรอให้ ไฮโดรเจน เติบโตมากกว่านี้

@Jom1111 Жыл бұрын

ยังมัวทำรถน้ำมัน รถไฮบริด สุดท้ายก็จะกลายเป็นฟิล์มโกดัก แน่นอน

@patrickwang255 Жыл бұрын

หลักๆน่าจะเรื่อง supplier supply chain ทิ้งไม่ได้ ปกติสันดาปใช้ part 4-5หมื่น รายการ แล้วEV ต้องลดมาเป็นหลักไม่ถึงหมื่นนี่โรงงานลูกต้องหายไปเท่าไหร่ไม่รู้ น่าจะยังหาทางออกไม่ได้ ที่จีนตอนนี้ 50% เปลี่ยนเป็น EV หมดแล้วและEV น่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Tesla วิ่งเต็มเมืองตามมาด้วยแบรนด์จีน อย่าง Weilai ก็สวยมากกกก BYD เช่นกัน

@user-zj5gl4zh8z Жыл бұрын

ผมไม่เห็นด้วยกับความเห็นของ Admin เลย ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยี เครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งต้องใช้ทั้งเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์มารวมกัน อย่าว่าแต่ปรับเปลี่ยนโรงงานมาผลิตรถ EV เลย ถ้าพรุ่งนี้มีสงคราม ผมว่าญี่ปุ่นสามารถจะปรับเปลี่ยน โรงงาน ว่าผลิตเครื่องบินหรือรถถัง ภายในไม่กี่วัน ผมว่าญี่ปุ่นยังไม่ศรัทธา หรือเห็นปัญหาลึกๆของรถ EV ที่มีอยู่ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ญี่ปุ่นไม่ได้เอาความต้องการ ของคนภายในประเทศ มาเป็นตัวตั้งว่าจะผลิตรถประเภทอะไร เพื่อขายต่างประเทศ

@ThinkupPlus Жыл бұрын

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นที่แตกต่างนะครับ เราพูดคุยคอมเมนต์กันได้เสมอครับ 😉😊

@user-kd5wi3wv4s 3 ай бұрын

รถไฟฟ้า เพิ่งเริ่มผลิต ในทางเทคนิค/และวิทยากรเพิ่มเริ่ม คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย สอง/สามปี ถึงสามารถ ผลิตให้มีคุณภาพที่ดีได้ ปัจจุบันยังไม่ก้าวไปถึงจุดที่ดีได้ ต้องดูที่ผลิตมาส่าใช้งานมี ปัญหาใด รวมถึงราคาที่เหมาะสม😅

@user-yy1jn5so5o Жыл бұрын

ให้ตายผมก็จะเลือกรถไฟฟ้าครับ เพราะถ้าผมติดโซล่าเซลล์ ผมก็ไม่ได้จ่ายค่าไฟล่ะ และถ้ามีรถไฟฟ้า ผมก็ต้องติดโซล่าเซลล์แน่นอน เพราะมันจะคืนทุนไว มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องกลับไปใช้รถที่เราจะต้องชื้อเชื้อเพลิงเหมือนเดิม ถ้ารถยังเป็นเครื่องยนต์ค่าบำรุงรักษามันก็มีสูงด้วย จะมองมุมใหน ev ก็ดีกว่าแน่นอน

@user-vq3bk2cbbbb Жыл бұрын

ระวังอาจเหมือนโนเกีย ถ้าไม่รีบตามเทคโนโลยีใหม่ๆ

@yotakamalanan Жыл бұрын

คนญี่ปุ่นเพราะที่มีรายได้ปานกลาง เค้าไม่ใช้รถ EV แบตเตอรี่ราคาแพง คนส่วนใช้รถยนต์ สันดาปเพราะ ดูแลง่าย ไม่จุกจิก คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่ใช้รถ ev ต้องเป็นรถคนรวยครับ

@GGcxvw558 Жыл бұрын

Ev ยังไม่ใช่ main steam หรอก ราคาแบตยังแพง ชาร์ตช้า แบตพังซ่อมทีอ้วก ช่วงค่าไฟแพงแทยจะกลบความคุ้มค่ามิดมันจะยังคงอยู่คู่ไปอีกนานจนกว่าจะมีอุไรที่มันชนะเด๋ดขาด

@Our_Town400 Жыл бұрын

คนไทยส่วนใหญ่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า คงไม่รักษ์โลกกันหรอกครับ หากแต่ราคาน้ำมันมันคือจุดประสงค์หลักในการตัดสินใจ แล้วที่ชาร์จในไทยเดี๊ยวนี้หาได้พอๆกะปั้มน้ำมันหล่ะครับ และส่วนใหญ่จะอยู่ในปั้มน้ำมัน

@kewintaylor7056 Жыл бұрын

ตอนนี้ เมกาจะเข้าไทยแล้ว สินค้าจีนจะโดนกีดกันแน่ๆ ของจะแพงจึ้น แบตที่ต้องนำเข้าอีก😂 รถทั้งคันอีก คนไทยเตรียมตัวจ่ายภาษี ให้ พรรคส้มที่รักได้เลยครับ😂 ของจีนจะแพงขึ้นทุกอย่างแน่ๆ😂 การสนับสนุนรถไฟฟ้าคงลดลงแน่ เพราะเมกา ญี่ปุ่นนี่แหละ

@boymtb Жыл бұрын

@@kewintaylor7056 ไปฟังนิทานช่องไหนมาครับ BYD นี่ของจีน 100% เทศหล้าของเมกาไม่มีโรงงานในไทยนะครับ ก่อนจะกลัวเมกาไปกลัวจีนกินรวบธุรกิจของไทยตอนนี้เถอะ คอนโดฯบางที่ จีนทั้งนั้น ร้านอาหารห้วยขวาง สุทธิสารจีนทั้งนั้น จีนจากแผ่นดินใหญ่ด้วย ไม่ใช่คนไทยจีน

@nemoh75 Жыл бұрын

โกดัก โนเกียก็เคยคิดแบบญี่ปุ่น มันเกี่ยวกับทัศนคติของผู้บริหาร

@Cattalog 11 ай бұрын

ตัดใจ เร่งให้เร็วขึ้น

@Cattalog 11 ай бұрын

คงต้องค่อยๆลงจากบันได ลงไปเยอะ เอาทุนกลับมาให้มากที่สุด อย่างน้อยคนญี่ปุ่นซื้อกันเอง

@user-jf7zu4le5h 2 ай бұрын

รถอีวี คงจะเห่อกันได้ไม่นานเท่าไหร่แต่รถยนต์ไฮบริดที่ค่ายรถยนต์โตโยต้า กำลังเปลี่ยนถ่ายลงมาซึ่งประหยัดน้ำมันอย่างมากในระยะยาวจะดีกว่ารถไฟฟ้าอย่างแน่นอน และรถยนต์ไฮบริด จากค่ายญี่ปุ่น เริ่มลดราคาในช่วงนี้เริ่มเปิดตลาดได้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

@user-rp5vc3dh2i Жыл бұрын

ไม่เหมือนกันครับ เคสของโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์ ผมเชื่อว่าตราบไดที่รถยนต์ใช้น้ำมันยังผลิตอยู่ก็จะมีคนซื้อใช้อยู่เช่นเดิมและตลอดไป ถ้ายังมีน้ำมันขายอยํ ส่วนรถไฟฟ้าก็แค่ทางเลือกของผู้บริโภคเท่านั้น

@pansinghaprathumsri7396 10 ай бұрын

จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม.. ญี่ปุ่นก้าวพลาดหรือไม่.. อยู่ที่การตัดสินใจทางธุรกิจ.. หากไม่มุ่งเป้ามาEV.. สุดท้ายทั้งโลกหันมาใช้กันหมด.. รถญี่ปุ่นอาจเป็นตำนานไว้่เล่าขานเหมือนโนเกีย..

@yingsakleelakiatvanich-pl7sz 10 ай бұрын

ยี่ญุนคือโกดักโนเกียในนาคต

@sirilihongviengmixay1430 10 ай бұрын

แล้วทำไมโตโยต้าไม่ทำโรงงานใหม่แล้วแยกแบรนด์ของโตโยต้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเฉพาะทาง เหรอครับทำไมต้องเอาไฟฟ้าไปใส่ในโตโยต้า ถ้ายังกลัวว่า จ่ารื้อถอนโรงงานแบบเดิม

@ananjaisutthi9307 10 ай бұрын

เห็นที พี่ไทยควรพัฒนาน้ำกลั่่นแบตเตอรี่ แบบน้ำมันได้แล้วครับ เติมน้ำกรด ภายใน 2-3 นาที

@MelodyChillChill 10 ай бұрын

มันถึงเวลาแล้วหล่ะ ที่ต้องทำ EV อย่างจริงจัง ขอเวลาวิจัยและพัฒนาอีก 2 ปี จะปล่อยของดีสู่ตลาดผู้บริโภค ระหว่างนี้ขอกินตลาดยอดขายเบอร์ 1 รถน้ำมัน ยอด 2 แสนคันต่อปีไปก่อนนะ พี่โตกล่าว 😂

@anthobby6996 3 ай бұрын

ต่างคนต่างทำ ..ให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสินว่าแบบไหนเหมาะสม....ผู้ผลิตที่อยู่ไม่ได้ก็ต้องปิดตัวไปเอง....ดูkodak เป็นตัวอย่าง...เราจะเห็นผลไม่เกิน 10ปีนี้....

@lifelaw4759 Жыл бұрын

จุดจบ kodak ก็อย่างนี้แหละ เริ่มจากการดื่อ ไม่ต้องตามกระแส เรียบร้อย

@user-rw6zo7qy8l Жыл бұрын

คงไม่ทันยุคนั้นหรือทันคงอ่านบทความที่วิเคราะห์กัน โกดักไม่ดื้อ ธุรกิจหลักขายฟิมล์กับกระดาษยอดขายลดมากองค์กรใหญ่ กล้องดิจิตอลในระดับมืออาชีพในยุคนั้นเป็นของโกดักทั้งหมด

@jameswiiloveu2722 9 ай бұрын

น่าจะค่อยๆเลือนหายไปเหมือน ฟิล์มสีโกดัก

@user-ql7sk2gc4n Жыл бұрын

ผมว่าญี่ปุ่นตัวนี้ตกเทรนไปแล้ว ต่อไปรถญี่ปุ่นที่ใช้น้ำมัน จะกลายเป็นรถโบราณเอาไว้ประดับนานๆใช้ที พ่อค่าเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถแพงกว่ารถไฟฟ้า 2-3 เท่า โชคดีที่จีนไปก็อปแล้วก็เพิ่มเทคโนโลยีเข้าไปทำให้ทันสมัยก่อนชาติตะวันตก กลายเป็นแซงรถญี่ปุ่น ตอนนี้รถญี่ปุ่นล้าหลังไปแล้ว

@user-ql7sk2gc4n Жыл бұрын

เหตุที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนช้าเพราะสต๊อกอะไหล่ และชิ้นส่วนต่างๆ ในตัวรถยังคงมีเหลืออีกมาก และการลงทุนสร้างโรงงานใหม่ลงทุนมหาศาล และไล่ตามจีนไม่ทันแล้ว สังเกตเศรษฐกิจ ไอ้กันทรุด ญี่ปุ่นก็ทรุดตามค่าเงินก็ร่วงเพราะญี่ปุ่นอิงตลาดและเงินดอลล่าร์แบะถือข้างไอ้กันเป็นหลัก.

@user-ql7sk2gc4n Жыл бұрын

ญี่ปุ่นใช้เวลา 10 ปี รายการสร้างธุรกิจรถ ย่นจนกำไรมหาศาล แต่ใช้เวลา 5 ปี เป็นรถที่มียอดขายสูงสุด แต่จีนใช้เวลา 1 ปี มียอดขายสูงประเทศจีนและญี่ปุ่นในวันนี้แล้ว พอด้านเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าและราคาถูกกว่าจีนทำได้เท่านั้น เพระจีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์.

@user-ql7sk2gc4n Жыл бұрын

ผมว่าอีก 3-5 ปีรถไฟฟ้าจะใช้ทั่วโลกและยอดขายจะทิ้งรถน้ำมันไม่เห็นฝุ่นสังเกตุรถน้ำมันช่วงนี้..ออกรถรุ่นใหม่ๆออกมาตลาดจะไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนในอดีตยอดขายก็งั้นๆแต่รถไฟฟ้าจีนมาที ถล่มทลายบางครั้งยอดจองเพียงวัน้ดียวได้15,000-18,000คันมาดกว่ารถค่ายญี่ปุ่นบางยี่ห้อทั้งปีด้วยซ้ำ มันเหลือเชื่อโดยเฉพาะโชคดีของประเทศไทยคนไทยตื่นตัวขณะนี้ยอดขายรถไฟฟ้าในไทยค ยอดขายไทยครองอันดับ1ในเอเซียหรือของโลกไปแล้ว เพราะรัฐบาลลุงตู่ ท่านซัพพอร์ทรถไฟฟ้าให้คนไทยถือเป็นผลง่นลุงตู่ครับ ไม่ได้อวยลุงตู่เด้อเพราะลุงตู่ รัฐบาลลดสนับสนุนรถไฟฟ้า เรามียอดบอดขายรถไฟฟ้าตอนนี้...59.10%ถือ้ป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว

@ThinkupPlus Жыл бұрын

@@user-ql7sk2gc4n ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ💗

@theoneyouknowwhonoonecall5693 Жыл бұрын

@@user-ql7sk2gc4n ในไทย ยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสม กลุ่ม รถไฟฟ้า100% (BEV : Battery Electric Vehicle) เดือน เมษายน 2566 รวม 3,822 คัน (คิดเป็น 6.08% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์ในไทย รย.1 + รย.3 รวม 62,891 คัน) ที่ว่าอีก 3-5 ปีรถไฟฟ้าจะใช้ทั่วโลกและยอดขายจะทิ้งรถน้ำมันไม่เห็นฝุ่น น่ะ กี่%

@user-gl1rh7xt1w Жыл бұрын

มัวแต่เสียดายระบบสันดาป ลงทุนไว้เยอะ สุดท้ายตกยุค ญี่ปุ่น

@pipatphacapapornwong8927 Жыл бұрын

โตยักท่า-ฮอนไม่ด่า-mazda ม่า อีก 100 ปีรอไฮโดรเจนอาทิตย์อัสดงแล้ว

@surinwichchuwong8278 11 ай бұрын

ภายใน 5 ปีนี้ยากครับ สำหรับ EV ญป นอกจากออกมาทำนอกประเทศ ที่ยังไม่มีฐานการผลิต

@undisclosedthai Жыл бұрын

* เพราะยานยนต์น้ำมันของเขายังขายได้อยู่ ยังขายได้มากในหลายประเทศ * หลายประเทศไม่ได้มีแนวคิดหรือแผนการที่จะแบนห้ามผลิตและห้ามขายยานยนต์น้ำมันใหม่ๆในอนาคตแต่อย่างใด * ตราบใดที่อีวียังทดแทนยานยนต์น้ำมันไม่ได้ทั้งหมด ยังคงต่างมีข้อดีข้อเสียกันคนละแบบ ยานยนต์น้ำมันก็จะยังไม่สูญพันธุ์ไป * ค่ายอื่นๆระดับโลกที่ต่างทยอยเลิกทำยานยนต์น้ำมัน ก็จะเข้าทางค่ายญี่ปุ่น ในการรักษาแชมป์ยอดขายยานยนต์น้ำมัน * ไม่รวมไปถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มอื่นๆ เช่นกลุ่มที่ไม่เอาอีวี แอนตี้อีวี แล้วก็กลุ่มคนรักรถยนต์สันดาป คนชอบรถยนต์แบบอนาล็อกหรือกึ่งอนาล็อก ไม่ชอบดิจิทัลทั้งคันแบบอีวีสมัยใหม่ เป็นต้น

@lifelaw4759 Жыл бұрын

เทคโนโลยีจะ๔ุกทิ้งหาก ความนิยมก็จะลดลงเรื่อยๆ

@theeradechmekamporn2146 Жыл бұрын

การเปลี่ยนผ่านไปรถไฟฟ้าอาจต้องใช้เวลานาน แต่บริษัทรถญี่ปุ่นจะค่อยๆ โดนกลืนกินยอดขาย ไปที่ละนิด จนกว่ารถไฟฟ้าจะทำได้ดีหรือเทียบเท่ารถน้ำมัน ถึงวันนั้นก็คงต้องค่อยๆลดการผลิต ล้มหายจนโดนกินหมดครับ

@angun6404 Жыл бұрын

ในอนาคตเมื่อถึงจุดอิ่มตัว มันไปไม่รอดเหมือนNGVแหละ รถไฟฟ้าชาร์ตช้าเสียเวลา ราคาแบตแสนแพง

@voranon7924 Жыл бұрын

ที่ญี่ปุ่นไม่สนับสนุน EV เพราะเค้าเชื่อใน hydrogen มากกว่า

@watthanaketkaew2468 Жыл бұрын

คิดเหมือนกัน เขาอาจเห็นบางอย่างที่พิเศษกว่า

@voranon7924 Жыл бұрын

@@watthanaketkaew2468 hydrogen มันวิ่งได้ใกลกว่า ชาร์จเร็วกว่า เหมือนรถน้ำมัน แต่ไม่สร้างมลภาวะ เหมือน EV

@watthanaketkaew2468 Жыл бұрын

@@voranon7924 ว้าวววววว

@maxzall.9783 Жыл бұрын

นึกถึง โนเกีย ในทันที

@sunirandornkhodtecha8204 Жыл бұрын

อ้างไปเรื่อย..ทำไม่ได้มากกว่า...อีกไม่กี่ปีโซนยุโรป.ก้จะยกเลิกไม่ขายน้ำมันละ...

@rfhrgh Жыл бұрын

ญี่ปุ่นนี่นะ ทำไม่ได้😅

@MrpWichai Жыл бұрын

ถ้าเคยทำงานร่วมกับ บริษัทญี่ปุ่นคนญี่ปุ่น จะรู้ว่า พวกนี้ทำงาน ช้า แบบระบบอาวุโส ต่อ ให้ เบอร์ 2-3-4 โอเค เบอร์ 1 ไม่ ok ก็ไม่ผ่าน

@rsu04442522 Жыл бұрын

nissan ariya ได้รางวัลคาร์ออฟ เดอะเยียร์

@user-ev3dj1oz3o Жыл бұрын

@@rsu04442522 รถสวยดีนะ แต่ทำไมไม่เอาเข้ามาขายในไทยนะ

@JimMortensen-vh5xw Жыл бұрын

@@rfhrghนั้นซิกะไอแค่แบตเตอร์รี่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแค่นั้น มันง่ายสำหรับญี่ปุ่นด้วยซ้ำ...

@engivator 11 ай бұрын

โดยส่วนตัวก็มองว่ามันคงไม่ด้เปลี่ยนพลิกไปเป็น EVได้เยอะและไวขนาดนั้น ยังต้องมีสัดส่วนไปแบบนี้แหละ การพลิกไปเป็น EV มากขึ้นแบบก้าวกระโดด คิดว่าไม่ใช่เรื่องดี แต่รถคันถัดไปที่จะเลือกในปีสองปีต่อจากนี้ พื้นฐานควรจะเป็น HEV ไม่ก็ PHEV เป็นตัวเลือกเริ่มต้น

@MAKOTO25ART Жыл бұрын

Sony panasonic sanyo เครื่องใช้ไฟฟ้า เจ้งไปหมดแล้วจ้า

@JimMortensen-vh5xw Жыл бұрын

Sony จะไปเจ๊งได้ไง Sony ใหญ่จนเกินคำว่าเจ๊งไปแล้วครับ Sony ยังทำ จอภาพให้กับ Apple อยู่เลย และยังเป็นเจ้าพ่ออุตสาหกรรม ภาพยนตร์ อีกด้วย

@41bigbig 11 ай бұрын

@@JimMortensen-vh5xw ใช่ Sony เจ้าพ่อหนังภาพยนตร์ ค่ายเพลง เกมส์เพลย์ สเตชั่น ไม่เจ๊งง่ายๆ

@hereticpsu 10 ай бұрын

เราว่า Toyota รอเวลาที่เหมาะสมมากกว่าที่จะเริ่มไฟฟ้า เพราะว่ารถไฟฟ้า ไม่ใช่ว่าจะเหมาะสมกับทุกๆคน

@Keilikeramen Жыл бұрын

สิ่งที่คลิปนี้ข้อมูลไม่ครบก็คือ ความจริงของญี่ปุ่น 1 บ้านยุคใหม่ต้องสร้างที่ชาจในบ้าน เป็น กฎหมาย แต่บ้านที่มีที่จอดรถ ในเมืองคือต้องรวยมากๆ ส่วนมากจะไม่มีที่จอด พอไม่มีที่จอดก็ซื้อรถไม่ได้ ในญี่ปุ่นหากไม่มีที่จอดห้ามซื้อรถ แต่ถ้าหาที่เช่าจอดได้รายเดือน ก็ซื้อได้ แล้วที่เช่าที่ไหนจะมีที่ชาจให้ละ ก็ต้องรถน้ำมันซิ 2 ราคา ev แพงกว่าถูกต้อง แต่ในคลิปคงลืมไปว่า รถในญี่ปุ่นหากใช้รถเกิน 5 ปีต้องทิ้งนะครับ ไม่ใช่ใช้กันจนรถพัง เพราะถ้าเกิน 5 ปีภาษีในการต่อทะเบียนรถ แพงมหาศาลมากต่อปี หรือเอาไปขายซากรถ เมื่ออายุของรถคือ 5 ปี เค้าจะซื้อรถแพงๆที่หาที่ชาจลำบากทำไม 2 ข้อนี้ในคลิปไม่ได้ให้ข้อมูลหรืออาจไม่รู้แต่แรก ผมแค่เอามาเสริมครับ

@ThinkupPlus Жыл бұрын

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ

@946auto Жыл бұрын

ดับอนาจสิ

@sodapunpunnarai2336 Жыл бұрын

แบตเตอรี่ ตอนนี้ มัน ถลุงใช้ แร่ เยอะมาก ในอนาคต ควรมีแบต ที่ไม่ต้องใช้แร่ธาตุ ต่างๆมากมาย EV คงจะบูมอีกหลายเท่า อย่างไรก็ดี ผลิตแบตฯ ไม่ได้ช่วยโรคร้อนที่แท้จริง เพราะขี่นตอนผลิต ปล่อยแก๊ส สกปรก มากกว่าผลิตรถน้ำมันหลายเทา

@chenchen6841 8 ай бұрын

1. เพราะแบตเตอรี่ที่ผลิตในจีนถูกที่สุดในโลก ถ้าญี่ปุ่น ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็ต้องใช้แบตเตอรี่ของจีน 2. มีระบบซอฟต์แวร์และฟังก์ชันมากมายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน

@suriya-ud8zs 9 ай бұрын

มันก็เป็นข้ออ้างของการไม่พัฒนาโดยบริษัทที่มีส่วนแบ่งในตลาดเยอะอยู่แล้ว อนาคตและผู้ใช้งานจะเป็นตัวชี้เองว่าความคิดของใครมาถูกทางกว่ากัน

@user-eu9kb2lk2k Ай бұрын

ตรงข้ามกับไทย สนับสนุน....

@aritkid1603 Жыл бұрын

Japan.เขาสนับน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะเครื่องยนต์ ได้ทำไว้เป็นต้นทุนแล้ว

@user-xy1gp8es9h Жыл бұрын

อีวีญึปุ่นผมไม่สนใจครับ ผมสนใจแต่ เอวี

@ThinkupPlus Жыл бұрын

พ่าม พาม

@ratchakran1547 10 ай бұрын

เดี๋ยวค่ายรถไฟฟ้าจีนก้จบ ปัญหาเรื่มมาแล้วเริ่มขึ้นยานแม่เยอะขึ้นแล้ว เดี๋ยวก้เหมืนกับกระแสรถอังกิกสัญชาติจีนก่อนหน้านี้ ที่รถพี่โตขายได้น้อยเพราะหวงออฟชั่นแล้วตัวถังก้ไม่สวยไม่คุ้มราคามากกว่า