👍👍👍❤️🇹🇭

ลุง​ตู่​สุด​ยอด​ ท่าน​เป็น​ตัวอย่างคนดี​ของ​เมือง​ไทย​ เช่น​ป๋า​เปรม​ ชาย​ชาติ​ทหาร​เหมือนกัน​ ขอ​ให้​ลุง​ตู่​มี​อายุ​ยืนยาว​ พร้อม​ทั้ง​ครอบครัว​คะ🙏

นี่และคับเมื่ผู้นำไม่โกง ไม่กิน งบประมาณต่างๆในการบริหารประเทศก้อเทลงไปได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย คนที่ได้รับความสะดวกคือประชาชนเต็มๆครับ ลุงตู่อยุ่ยาวเพื่อพัฒนาความเจริญของประเทศต่อไปครับ.

🐃🐃🐃

สามกีบไม่สน ด่าอย่างเดียว ถถถถ

สุดยอด​ไทยแลนด์​ของ​เรา​คะ​👍👍👏👏👏

เราควรร่วมใจยืนตรงเครารพธงชาติ ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย

รัฐไหนๆ ก็ต้องทำ ยังไงที่มีแผนแม่บทอยู่แล้ว แค่ไม่ลืมว่ารัฐนี้มาจากการเลือกตั้งที่ประหลาดสุด มี รธน ที่หลอกลวง มี สว. ที่นายกโจรสืบอำนาจเลือกให้มายกมือให้ตัวเองเป็นนายก มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู …… อย่าลืม งานพวกนี้อยูภายใต้แผน เขาต้องทำให้เดินหน้า… อย่ามาอ้างว่าทำมากกว่าทุกรัฐบาล อย่าทวงบุญคุณ ปชช.(แบบเด่าๆเดิมๆ)เขาต้องทำมากกว่า(แม้ว่าส่วนใไหญ่จะเรื่องโง่วๆ-ที่เป็นนโยบาย) เพราะเขาอยู่มาเจ็ดปีแล้ว คอรัปชั่นโครงการมีมากด้วยนะ อย่าลืม(ดูดรรชนีย์คอรัปชั่นไทยล่าสุด) เทียบกับรัฐบาลเลือตั้งสภาเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่อยู่ ปี 2 ปี ได้หรือ? ไม่เท่าไ้รก็หาเรืองล้มเขา!! อย่าลืม คนไทยจนลง ตกงานมากขึ้น ต่างชาติหนีการลงทุนไปเวียดนาม เศรษฐกิจต่พสุดในอาเซี่ยน หนี้สินประเทศชนเพดาน หนี้ครัวเรือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หาเงินโดยการเก็บภาษี ปชช เพิ่ม ค้าขาย ตปท ติดลบ …… นี่คือ leadership แบบ passive ตลอด โอกาสประเทศ ความหวัง ความเชื่อมั่น ปชช ริบหรีในระดับภูมิภาค… โปรเจ็คที่ทำตามน้ำพวกนี้ขี้ประติ๋วไปเลยนะ!!!

@@underdog8788 อิจฉาเขาหรอ

@@underdog8788 ขอก๊อปข้อมูลของคุณ Thasspong Thapsang อ่านซะ ต้องเข้าใจก่อนว่าหนี้เงินกู้ที่ประเทศเราสร้างขึ้นนี้เป็นหนี้เงินกู้ภายในประเทศ (ไม่เกี่ยวกับไอเอ็มเอฟเลย) ที่จะทำให้ประเทศชาติได้กำไรสองต่อครับ... ยังไง...??? เนื่องจากด้วยวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้รัฐบาลไม่สามารถก่อหนี้ด้วยการกู้เงินต่างประเทศได้(ไม้งั้นจะกลายเป็นรัฐบาลทำผิดกฏหมายเสียเอง ที่จริงกู้ได้แต่ต้องไม่เกิน 5% ของ GDP) ดังนั้นรัฐบาลจึงทำได้เพียงกู้เงินภายในประเทศในรูปของสกุลเงินบาท และจำกัดเพดานการกู้ได้ไม่เกิน 60% ของ GDP. ปัจจุบันรัฐบาลมียอดการกู้อยู่ที่ 49% (หมายความว่ารัฐบาลยังกู้เพิ่มได้อีกราวๆ 11% หรือราวๆ 4-5 ล้านล้านบาท)... และนี่เองรัฐบาลจึงต้องกู้เงินภายในประเทศในรูปของสกุลเงินบาทเพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลขายให้แก่... 1.สถาบันการเงิน 2.บริษัทห้างร้าน 3.องค์กร - มูลนิธิต่างๆ 4.บุคคลทั่วไป ซึ่งนั่นก็คือเมื่อรัฐบาลออกพันธบัตร(Bonds) ขายให้สี่ภาคส่วนนี้ไปรัฐบาลก็จะได้เงินมาในการทำโครงการต่างๆ ก่อให้เกิดการจ้างงาน ก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อโครงการต่างๆเริ่มผลิดอกออกผล รัฐบาลก็เก็บดอกผลทางตรง(ในรูปของค่าบริการ ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋ว ค่าผ่านทาง ค่าใช้บริการ ฯลฯ) และดอกผลทางอ้อม(คุณภาพชีวิตคนดีขึ้น มีงานการทำมากขึ้น มีการใช้จ่ายมากขึ้น ก็เก็บภาษีได้มากขึ้น)ในรูปของภาษีต่างๆ (ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการค้า ภาษีนิติบุคคล ภาษีโรงเรือนที่ดิน ภาษีป้าย เป็นต้น) จากนั้นรัฐบาลก็เอาดอกผลที่ได้จากการจัดเก็บทั้งทางตรงและทางอ้อมนี้มาจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลใว้ ลุงแม้น ยายฉิม ป้าแจ๋ว ฯลฯ ที่ลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลนี้ใว้ (ซึ่งได้ดอกเบี้ยสูงกว่าฝากเงินใว้ในธนาคารเฉยๆ) ก็จะมีเงินจากดอกผลนี้ไปจับจ่ายใช้สอย (ซื้อโน่นนี่นั่น กินเที่ยว ส่งไอ้หำไปเรียนกวดวิชา บลา บลา บลา) ในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวต่อไป ดังนั้นการก่อหนี้ของรัฐบาลภายใต้การปฏิบัติตามกฏหมายโดยเคร่งครัด(ไม่เกิน 60% ของ GDP)จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร แต่เมื่อไหร่ที่มีการก่อหนี้เพื่อนำไปโกงแบบรัฐบาลก่อนๆ(เช่นจำนำข้าว, กู้เงิน ธนาคาร ADB ที่ดอกเบี้ยแพงๆ เอาไปใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ที่ดอกเบี้ยถูกกว่า) อันนั้นน่ากังวลเพราะเป็นการก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่เกิดรายได้วนกลับมาที่รัฐ (ถึงมีก็น้อยมาก ไม่เพียงพอใช้หนี้) สุดท้ายก็ต้องแก้กฏหมายให้กู้เงินจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นเพื่อเอามาชำระหนี้เงินกู้ในประเทศและต่างประเทศวนๆไปจนในที่สุดถ้าเกิดเหตุการไม่คาดฝันจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ก็จะเกิดหายนะแก่ระบบเศรษฐกิจทันทีครับ อีกอย่างหนึ่ง ผลจากการออกกฏหมายควบคุมวินัยการเงินเคร่งครัดหลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 โดยไม่อนุญาตให้รัฐบาลกู้ยืมเงินเกิน 60% ของ GDP และไม่สามารถสามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้ตามอำเภอใจอีกต่อไปนั้น ส่งผลให้อีก 10 ปีต่อมาเมื่อคราววิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008 ที่เรียกว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 ไม่กระทบกระเทือนไทยเราเลย และจากรากฐานที่แข็งแกร่งจากทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง - เกษตรทฤษฎีใหม่ - โคกหนองนาโมเดล ที่พ่อหลวง ร.9 วางรากฐานใว้ให้ตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา จะทำให้ไทยสามารถผ่านมหาวิบัติภัยเศรษฐกิจล้มละลายทั่วโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกปีสองปีข้างหน้านี้อย่างแน่นอนไปได้อย่างสบาย และไม่ใช่ผ่านไปได้อย่างสบายแค่นั้น แต่ไทยเราจะขึ้นชั้นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์หนึ่งของโลกในอีกไม่เกิน 5-10 ปีข้างหน้านี้ด้วยอย่างแน่นอนครับ

👍👍👍

เดี๋ยวอีกหน่อย คงทำ รอดใต้ ทะเลอีก ครับ เหมือน ที่ไต้หวัน ครับ ยุคนี้ เจริญ จริงๆๆๆๆๆ+ๆๆๆ

@@sombatpanthung1637 แต่หลายๆคนกับบอกว่ายุคตกต่ำ ผมเองก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่พอบอกว่ารัฐบาลยุคนี้เดินหน้าไปได้หลายอย่างก็บอกว่าโครงการต่างๆถูกคิดมาตั้งนานแล้ว

ตอนนี้ไม่มีฝ่ายค้านคัดค้านเหมือนยุคก่อน เลยไหลลื่น

@@sombatpanthung1637 ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนข้างบนรถไม่ติดแต่พอมุดดินลงไปที่grand stationของเขา..อ้อคนลงมาใช้ชีวิตกันใต้ดินที่เอง...ที่นั่นในเมืองจับมุดดินหมดจะโผล่แค่ช่วงนอกเมือง...ยังคิดเลยว่าบ้านเราทำไมไม่จับมุดดินให้หมดจะได้ไม่อ๊ะยุอ๊ะยะ(แปลว่ายุ่งเหยิง)บ้านเมืองจะได้ดูสวยงามสบายตา...แต่ก็เข้าใจบริบทตรงนั้นนะครับ...โผล่บนดินก็ดีชาวโลกจะได้รู้ว่าเมืองไทยมีรถไฟฟ้าแล้วโว๊ยเลิกขี่ช้างกันล่ะ...รถไฟฟ้าทันสมัยวิ่งผ่านสายไฟที่ยุ่งเหยิงก็ดูคอนทราสดีดูเมืองไทยมีกิมมิคดี....555

ไช่ๆ

นักการเมืองต้องมีดีแค่จัดม็อบชนม็อบ

👍👍👍❤️🇹🇭

หยุดทีเถอะรำคาญ

อยู่ยาวๆอีก5สมัย

อยู่จนตายไปเลย ให่เขาแช่งอยู่ทุกวันไม่มีความ​สามารถ​ก็อยากจะเป็น

5555...

กู้เงินมาเยอะมากต้องใช้ให้หมดซิ จะเก็บไว้ทำไม

@@aug984 ต้องเข้าใจก่อนว่าหนี้เงินกู้ที่ประเทศเราสร้างขึ้นนี้เป็นหนี้เงินกู้ภายในประเทศ (ไม่เกี่ยวกับไอเอ็มเอฟเลย) ที่จะทำให้ประเทศชาติได้กำไรสองต่อครับ... ยังไง...??? เนื่องจากด้วยวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้รัฐบาลไม่สามารถก่อหนี้ด้วยการกู้เงินต่างประเทศได้(ไม้งั้นจะกลายเป็นรัฐบาลทำผิดกฏหมายเสียเอง ที่จริงกู้ได้แต่ต้องไม่เกิน 5% ของ GDP) ดังนั้นรัฐบาลจึงทำได้เพียงกู้เงินภายในประเทศในรูปของสกุลเงินบาท และจำกัดเพดานการกู้ได้ไม่เกิน 60% ของ GDP. ปัจจุบันรัฐบาลมียอดการกู้อยู่ที่ 49% (หมายความว่ารัฐบาลยังกู้เพิ่มได้อีกราวๆ 11% หรือราวๆ 4-5 ล้านล้านบาท)... และนี่เองรัฐบาลจึงต้องกู้เงินภายในประเทศในรูปของสกุลเงินบาทเพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลขายให้แก่... 1.สถาบันการเงิน 2.บริษัทห้างร้าน 3.องค์กร - มูลนิธิต่างๆ 4.บุคคลทั่วไป ซึ่งนั่นก็คือเมื่อรัฐบาลออกพันธบัตร(Bonds) ขายให้สี่ภาคส่วนนี้ไปรัฐบาลก็จะได้เงินมาในการทำโครงการต่างๆ ก่อให้เกิดการจ้างงาน ก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อโครงการต่างๆเริ่มผลิดอกออกผล รัฐบาลก็เก็บดอกผลทางตรง(ในรูปของค่าบริการ ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋ว ค่าผ่านทาง ค่าใช้บริการ ฯลฯ) และดอกผลทางอ้อม(คุณภาพชีวิตคนดีขึ้น มีงานการทำมากขึ้น มีการใช้จ่ายมากขึ้น ก็เก็บภาษีได้มากขึ้น)ในรูปของภาษีต่างๆ (ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการค้า ภาษีนิติบุคคล ภาษีโรงเรือนที่ดิน ภาษีป้าย เป็นต้น) จากนั้นรัฐบาลก็เอาดอกผลที่ได้จากการจัดเก็บทั้งทางตรงและทางอ้อมนี้มาจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลใว้ ลุงแม้น ยายฉิม ป้าแจ๋ว ฯลฯ ที่ลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลนี้ใว้ (ซึ่งได้ดอกเบี้ยสูงกว่าฝากเงินใว้ในธนาคารเฉยๆ) ก็จะมีเงินจากดอกผลนี้ไปจับจ่ายใช้สอย (ซื้อโน่นนี่นั่น กินเที่ยว ส่งไอ้หำไปเรียนกวดวิชา บลา บลา บลา) ในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวต่อไป ดังนั้นการก่อหนี้ของรัฐบาลภายใต้การปฏิบัติตามกฏหมายโดยเคร่งครัด(ไม่เกิน 60% ของ GDP)จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร แต่เมื่อไหร่ที่มีการก่อหนี้เพื่อนำไปโกงแบบรัฐบาลก่อนๆ(เช่นจำนำข้าว, กู้เงิน ธนาคาร ADB ที่ดอกเบี้ยแพงๆ เอาไปใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ที่ดอกเบี้ยถูกกว่า) อันนั้นน่ากังวลเพราะเป็นการก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่เกิดรายได้วนกลับมาที่รัฐ (ถึงมีก็น้อยมาก ไม่เพียงพอใช้หนี้) สุดท้ายก็ต้องแก้กฏหมายให้กู้เงินจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นเพื่อเอามาชำระหนี้เงินกู้ในประเทศและต่างประเทศวนๆไปจนในที่สุดถ้าเกิดเหตุการไม่คาดฝันจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ก็จะเกิดหายนะแก่ระบบเศรษฐกิจทันทีครับ อีกอย่างหนึ่ง ผลจากการออกกฏหมายควบคุมวินัยการเงินเคร่งครัดหลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 โดยไม่อนุญาตให้รัฐบาลกู้ยืมเงินเกิน 60% ของ GDP และไม่สามารถสามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้ตามอำเภอใจอีกต่อไปนั้น ส่งผลให้อีก 10 ปีต่อมาเมื่อคราววิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008 ที่เรียกว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 ไม่กระทบกระเทือนไทยเราเลย และจากรากฐานที่แข็งแกร่งจากทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง - เกษตรทฤษฎีใหม่ - โคกหนองนาโมเดล ที่พ่อหลวง ร.9 วางรากฐานใว้ให้ตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา จะทำให้ไทยสามารถผ่านมหาวิบัติภัยเศรษฐกิจล้มละลายทั่วโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกปีสองปีข้างหน้านี้อย่างแน่นอนไปได้อย่างสบาย และไม่ใช่ผ่านไปได้อย่างสบายแค่นั้น แต่ไทยเราจะขึ้นชั้นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์หนึ่งของโลกในอีกไม่เกิน 5-10 ปีข้างหน้านี้ด้วยอย่างแน่นอนครับ

ทางเยอะ แต่รถก็เต็มทุกเส้น

@@thasspongthapsang6769 ขอบคุณ​สำหรับขอมูลดีๆครับ​ บางคนไม่เข้าใจอะไรเลยซักนิดเห็นกู้ก็ตีโพยตีพาย​ไปเกินเหตุ​ ผมก็อ่านมา​ ไม่เคยเห็นประเทศ​ไหนที่รัฐบาล​ไม่กู้​ จะในรูปแบบไหนแค่นั้นเอง​

อุโมงค์รถไฟลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาก็ทำมาแล้ว แค่นี้สบายมากครับ

ดินอ่อนแล้วไงเทคโนโลยีเขาไปถึงไหนแล้วลุง

ประชาชนได้อะไรถามหน่อย...โกงกันมโหฬาล ถนนก็เยอะ สพานก็ล้นกทม. ต่างจวได้อะไรเสียภาษีเหมือนกัน

@@sunyaj4983 คุณจ่ายภาษีปีละกี่บาท

ล้ำอะไรคนต่างประเทศก็มีเยอะแยะมีแต่บ้านเราพัฒนาช้าผมอยากให้พัฒนาให้ทันต่างประเทศบ้าง

@@feelthesame2024 แล้วจะโทษใครดีล่ะคับ ในเมื่อคนในชาติกัดกันยังกะหมาอยู่แบบนี้

@@tongJanuary นั่นสิครับถ้าบ้านเราสามัคคีกันกว่านี้บ้านเราไปไกลกว่านี้แน่

ผมมองคมนาคมยังช่วยเรื่องรถติดได้ไม่มาก แต่ถ้าคมนาคมทั่วถึงทุกพื้นที่ในกรุงเทพแล้ว การออกกฎหมายภาษีที่จอดรถในกรุงเทพจะแก้เรื่องรถติดที่เป็นปัญหาในกรุงเทพมาหลายสิบปีได้แน่นอน เพราะหลายประเทศที่ไม่มีปัญหาเรื่องนี้เพราะมีกฎหมายที่จอดรถ อยากให้ออกกฎหมายในอนาคตจริงๆ เพราะเราถูกปลูกฝั่งค่านิยมว่าทำงานแล้วต้องมีรถส่วนตัว ออกกฎหมายเฉพาะในกรุงเทพแล้วทุกอย่างจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะครับ ญี่ปุ่นก็มีกฎหมายนี้ทำให้บ้านเมืองไม่เกิดปัญหารถติด ทั้งๆที่ประเทศญี่ปุ่นมีบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำมากมาย อยากให้รัฐบาลนี้ยอมโดนดราม่าเพื่อสังคมจะได้ดีขึ้น เหมือนจัดระเบียบทางเท้าที่เคยทำ ทุกวันนี้มีแต่คนชม หวังว่าคมนาคมทั่วถึงทุกพื้นที่ในกรุงเทพเมื่อไหร่ออกกฎหมายที่จอดรถ สังคมในกรุงเทพจะน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมแน่นอนครับ

@@thailandoffsmile ต่อไปการคมนาคมและระบบขนส่งสาธารณะดีขึ้นสะดวกสบายขึ้นค่านิยมนี้คงลดลงบ้างที่ผ่านมาต้องมีเพราะไปไหนมาไหนจะได้สะดวกคล่องตัว...ทุกวันนี้แต่ละบ้านแทบจะมีรถกันต่อคนต่อคัน...ขนาดที่บ้านผมขับกันอยู่สองคนก็ยังมีทั้งเก๋งกะบะเอสยูวี555...(แต่พ่อผมบางทีก็ขโมยขับด้วยคนทั้งๆที่ห้ามขับ555)

ใช่ครับ ผมเห็นด้วย ถนนไม่ใช่ที่จอดรถ การจอดรถในเลนที่รถเคลื่อนอยู่อย่างหนาแน่นแค่ 1 นาทีจะทำให้ถนนทั้งสายต้องช้าลงไม่ต่ำกว่า 10 นาทีถึงจะกลับมาเป็นปกติ ผมไปญี่ปุ่นข้างทางไม่สามารถจะจอดหรือหยุดรถได้เลย ถ้าจะหยุดหรือจอดต้องเข้าทีจอดรถเท่านั้น ที่ดินในกทม.ยังมีที่ว่างอีกมาก แต่ไม่มีใครจะทำเป็นที่จอดรถ เพราะไม่คุ้มไม่มีใครมาจอดในเมื่อถนนข้างทางยังจอดฟรีอยู่

+1 ครับ

เเต่พวกเเดงบวกด้อมส้มเขามองไม่เห็นทำไงตาก็ไม่บอดเราเห็นๆไปมามันยุดลุงตู่ทีท่องเทียวต่างชาติเต็มเเต่สามกีบกับอาจมมองไม่เห็นตาบอดสีครับ

และลุงยังเป็นนายกที่ถูกด้อยค่า ถูกล้อเลียนมากสุดใน ปวศ.การเมืองไทย แต่ลุงก็อดทนสู้ทำเพื่อบ้านเมืองที่รักเท่านั้นเอง

ทุกสิ่งที่กล่าวมาจะได้รับ การพิจารณาครับ..Ok

ต้องช่วยกันไม่ให้สะดุด

เกาะเล็กแค่นั้นจะให้เอารถไปทำไม

น่าจะดีเนอะแต่อันตรายนะขี่ในอุโมง

@@domedome7015 จะลองทำเป็นชาติแรกเลยหรา? อันตรายสุดๆนะเพราะมันจะโผล่ขึ้นไม่ได้อย่างใจอยากเด้อ..

EEC ทำอยู่ ตอนนี้ไทยมีเงินสำรองแซงสิงคโปร์แล้วนะรู้ยัง

@@City_Valencia ติดอันดับโลกด้วยครับ